เเนวคิดเเละทฤษฏีทางจิตวิทยา

ทฤษฎีของอีริคสัน
erik-erikson-1-sized

ทฤษฏีการเรียนรู้

ทฤษฏีของฟรอยด์ Sigmund_Freud_LIFE

พัฒนาการของมนุษย์ให้ความสำคัญกับ ระยะวิกฤติ หรือช่วงระยะเเรกเกิด -5 ปี มีการพัฒนาบุคลิกภาพ 5 ขั้น
เเละส่วนต่างๆที่เเยกออกมา

อวัยวะเพศ = เริ่มจับ ลูบคลำ

เเฝง = คือการเริ่มมีความรู้สึกต่อเพศตรงข้าม

ทวาร = การถูกบังคับให้ถ่ายเป็นเวลา

สืบพัน = สนใจเพศข้าม

ปาก = พึงพอใจการใช้ปาก

โครงสร้างของบุคลิกภาพ

Id (อิด) : เเรงขับเคลื่อน ที่กระตุ้น ให้มนุษย์ตอบสนองความต้องการตามความสุข ความพอใจ ติดมาตั้งเเต่เกิด ไม่คำนึงถึงผลการขาดสติ

Ego (อีโก้) : เป็นตัวควบคุมเเละId เเละ Super ego ให้ออกมาทำงานอย่างเหมาะสม

Super ego : จิตที่ดีที่ได้รับจากประสบการณ์ สิ่งที่ควบคุมพฤติกรรม
ตามหลักศีลธรรม

เป็นทฤษฏีเกี่ยวกับ พัฒนาการมนุษย์ เเละฟรอยด์เชื่อว่า บุคลิกภาพของเเต่ละคน เเตกต่างกันขึ้นอยู่กับประสบการณ์

ฟรอยด์ ให้เเนวคิดกับลักษณะ จิตมนุษย์ 3 ระดับ 1. จิตสำนึก ความรู้สึก 2.จิตใต้สำนึก อยู่ข้างใน 3.จิตไร้สำนึก การพลั้งทำ :

อีริคสัน เป็นลูกศิษย์ของฟรอยด์ได้สร้างทฤษฎีขึ้นในแนวทางความคิดของฟรอยด์ แต่ได้เนินความสำคัญทางด้านสังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมด้านจิตใจ (Psychological Environment) ว่ามีบทบาทในพัฒนาการบุคลิกภาพมาก ความคิดของอีริคสันต่างกับฟรอยด์หลายประการ

ขั้นที่ 1 ความไว้วางใจ – ความไม่ไว้วางใจ (Trust vs Mistrust) ซึ่งเป็นขั้นในวัยทารก อีริควันถือว่าเป็นรากฐานที่สำคัญของพัฒนาการในวัยต่อไป เด็กวัยทารกจำเป็นจะต้องมีผู้เลี้ยงดูเพราะช่วยตนเองไม่ได้ ผู้เลี้ยงดูจะต้องเอาใจใส่เด็ก ถึงเวลาให้นมก็ควรจะให้และปลดเปลื้องความเดือดร้อน ไม่สบายของทารกอันเนื่องมาจากการขับถ่าย

ขั้นที่ 2 ความเป็นตัวของตัวเองอย่างอิสระ – ความสงสัยไม่แน่ใจตัวเอง (Autonomous vs Shame and Doubt) อยู่ในวัยอายุ 2-3 ปี วัยนี้เป็นวัยที่เริ่มเดินได้ สามารถที่จะพูดได้และความเจริญเติบโตของร่ายการช่วยให้เด็กมีความอิสระ พึ่งตัวเองได้ และมีความอยากรู้อยากเห็น อยากจับต้องสิ่งของต่างๆ เพื่อต้องการสำรวจว่าคืออะไร เด็กเริ่มที่อยากเป็นอิสระ เป็นตัวของตัวเอง

ขั้นที่ 3 การเป็นผู้คิดริเริ่ม – การรู้สึกผิด (Initiative vs Guilt) วัยเด็กอายุประมาณ 3-5 ปี อีริคสันเรียกวัยนี้ว่าเป็นวัยที่เด็กมีความคิดริเริ่มอยากจะทำอะไรด้วยตนเอง จากจินตนาการของตนเอง การเล่นสำคัญมากสำหรับวัยนี้เพราะเด็กจะได้ทดลองทำสิ่งต่างๆ จะสนุกจากการสมมติของต่างๆ เป็นของจริง เช่น อาจจะใช้ลังกระดาษเป็นรถยนต์ ขับรถยนต์เหมือนผู้ใหญ่

ขั้นที่ 4 ความต้องการที่จะทำกิจกรรมอยู่เสมอ – ความรู้สึกด้อย (Industry vs Inferiority) อีริคสันใช้คำว่า Industry กับเด็กอายุประมาณ 6-12 ปี เนื่องจากเด็กวัยนี้มีพัฒนาการด้านสติปัญญาและทางด้านร่างกาย อยู่ในขั้นที่มีความต้องการที่จะอะไรอยู่เมือไม่เคยว่าง

ขั้นที่ 5 อัตภาพหรือการรู้จักว่าตนเองเป็นเอกลักษณ์ – การไม่รู้จักตนเองหรือสับสนในบทบาทในสังคม (Ego Identity vs Role Confusion) อีริคสันกล่าวว่า เด็กในวัยนี้ที่มีอายุระหว่าง 12-18 ปี จะรู้สึกตนเองว่า มีความเจริญเติบโต โดยเฉพาะทางด้านร่างกายเหมือนกับผู้ใหญ่ทุกอย่าง ร่างกายเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีการเปลี่ยนแปลงทางเพศทั้งหญิงและชาย เด็กวัยรุ่นจะมีความรู้สึกในเรื่องเพศและบางคนเป็นกังวลต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ขั้นที่ 6 ความใกล้ชิดผูกพัน – ความอ้างว้างตัวคนเดียว (Intimacy vs Isolation) วัยนี้เป็นวัยผู้ใหญ่ระยะต้น (Young Adulthood) เป็นวัยที่ทั้งชายและหญิงเริ่มที่จะรู้จักตนเองว่ามีจุดมุ่งหมายในชีวิตอย่างไร เป็นวัยที่พร้อมที่จะมีความสัมพันธ์กับเพื่อนต่างเพศในฐานะเพื่อนสนิทที่จะเสียสละให้กันและกัน รวมทั้งสามารถยินยอมเห็นใจซึ่งกันและกันโดยไม่เห็นแก่ตัวเลย และมีความคิดตั้งตนเป็นหลักฐานหรือคิดสนใจที่จะแต่งงานมีบ้านของตนเอง

ขั้นที่ 7 ความเป็นห่วงชนรุ่นหลัง – ความคิดถึงแต่ตนเอง (Generativity vs Stagnation) อีริควันอธิบายคำว่า Generativity ว่าเป็นวัยที่เป็นห่วงเพื่อนร่วมโลกโดยทั่วไป หรือเป็นห่วงเยาวชนรุ่นหลัง อยากจะให้ความรู้ สั่งสอนคนรุ่นหลังต่อไป

ขั้นที่ 8 ความพอใจในตนเอง – ความสิ้นหวังและความไม่พอใจในตนเอง (Ego Integrity vs Despair) วัยนี้เป็นระยะบั้นปลายของชีวิต ฉะนั้น บุคลิกภาพของคนวัยนี้มักจะเป็นผลรวมของวัย 7 วัยที่ผ่านมา ผู้มีอาวุโสบางท่านยอมรับว่าได้มีชีวิตที่ดีและได้ทำดีที่สุด ยอมรับว่าตอนนี้แก่แล้วและจะมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข จะเป็นนายของตนเองและมีความพอใจในสภาพชีวิตของตน ไม่กลัวความตาย พร้อมที่จะตาย ยอมรับว่าคนเราเกิดมาแล้วก็จะต้องตาย

ธอร์นไดค์Thorndik

ทฤษฏีการเรียนรู้ Gestalt

ทดลองกับเเมวในกรง hk_04

การเรียนรู้เกิดจาก : พฤติกรรมลองผิดลองถูก

นำไปใช้ในการสอน

การตอบสนองหลายๆ ครั้งจนพอใจ

พฤติกรรมไหนไม่พอใจ จะตัดทิ้งไป

สถานการณ์ที่เป็นปัญหา เป็นสิ่งเร้าให้เเสดงการตอบสนองออกมา

เชื่อว่า การเรียนรู้ เกิดจาก ต้องสร้างสิ่งเชื่ยมโยง ระหว่าง สิ่งเร้า + ตอบสนอง = โดยเเสดงออกรูปเเบบลองผิดลองถูก

  1. ต้องเเบ่งเนื้อหาเป็นหน่วยๆ โดยที่สอนจาก ง่าย -----> ยาก
  1. ต้องมีการเสริมเเรง เเละบอกผลการเรียน เพื่อปรับปรุงตัวเอง

ทฤษฏีสัมพันธ์ เชื่อมโยง (เกิดหลังจากลองผิดลองถูกเเล้วคือ เเมวปลดสลักเเล้วประตูเปิดได้

การหยั้งรู้ การที่เกิดความรู้สึก ระลึกถึง ความรู้เก่าๆ ความรู้สึกเดิมๆ ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว คือการมองเห็น ความสำพันธ์ของการเคยทำ เคยใช้ เเละเข้าใจ เเละใช้วิธีการที่เคยใช้มาเเล้ว นำมาใช้เลยโดยไม่ต้องคิดใหม่ หรือนำมาประยุกต์

การศึกษาส่วนย่อย ต้องใช้ ประสบการณ์เดิม การหยั่งรู้ ช่วยมาวิเคราะห์

การเรียนรู้เกิดจาก กระบวนการคิดของมนุษย์ที่เรียนรู้จากสิ่งที่เร้าที่เป็นส่วนรวม ได้ดีกว่าส่วนย่อย

[การรับรู้ประสบการณ์เดิม ]

ซึ่งเเต่ละบุคคลมีความคิด ประสบการณ์ที่เเตกต่างกัน

การตีความหมายจากการสัมผัสทั้ง5 โดยการตีความอาศัยประสบการณ์เดิม เช่น สีเเดง = นึกถึงเลือด นึกถึงดอกกุหลาบ

การเรียนรู้ เป็นพื้นฐานของGestalt

นายนราทัศน์ วัฒศฤงคาร รหัสนักศึกษา 6460401003 คณะพยาบาลศาสตร์ สาขาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์