Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะปอดติดเชื้อหรือปอดอักเสบ (Pneumonia), นางสาวภูริชญา นักสอน เลขที่47…
ภาวะปอดติดเชื้อหรือปอดอักเสบ (Pneumonia)
คือโรคที่เกิดจากการอักเสบของเนื้อปอด ซึ่งประกอบด้วยส่วนของหลอดลมฝอยส่วนปลายสุดและถุงลม ทำให้มีน้ำเข้าไปอยู่ในถุงลม
ปอดอักเสบจากชุมชน (community acquire pneumonia ; CAP)
หมายถึง ปอดที่มีการอักเสบติดเชื้อนอกโรงพยาบาล ไม่รวมถึงปอดอักเสบภายหลังจากจำหน่ายออกจากโรงพยาบาลไม่เกิน 2 wks
ปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจ(ventilator-associated pneumonia ; VAP)
เกิดขึ้นหลังการใส่ท่อหายใจและใช้เครื่องช่วยหายใจใน 48 ชม. สาเหตุของการเกิด VAP คือการสำลักเอาเชื้อที่อยู่บริเวณปากและลำคอเข้าใจ การสูดหายใจเข้าไป และการแพร่กระจายเชื้อทางกระแสโลหิตจากการติดเชื้อที่ตำแหน่งอื่นสู่ปอด
สาเหตุ
จากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา และสิ่งแปลกปลอมต่างๆ เป็นต้น กลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดปอดอักเสบ
3.มีปัญหาการกลืน
1.ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป
2.ติดเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัดใหญ่
5.ผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำ สูบบุหรี่ เป็นต้น
4.โรคเรื้อรัง เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคเบาหวาน โรคตับแข็ง
พยาธิสภาพปอดอักเสบติดเชื้อ
เมื่อมีการติดเชื้อแล้วจะมีการกระตุ้นให้ร่างกายมีการตอบสนองต่อการอักเสบ มี neutrophil เกิดการอักเสบ Cytokine หลั่งออกมาบริเวณหลอดเลือดฝอยที่ถุงลม ทำให้เกิดการอักเสบ หายใจลำบาก มีไข้ Chest X-ray พบฝ้าทึบของสารเหลวในถุงลมที่เกิดขึ้นใหม่และลุกลามในปอดมากขึ้น
1.ระยะเลือดคั่ง (congestion) เกิดขึ้นภายใน 24 ชม.แรก หลังการติดเชื้อแบคทีเรียโดยกลีบปอดที่ติดเชื้อจะมีสีแดงนุ่ม และมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น
2.ระยะปอดแข็งสีแดง (red hepaization) เกิดขึ้นในวันที่ 2-3 เนื้อปอดมีสีแดงอิฐคล้ายเนื้อตับ พบเลือดออกเข้าไปในถุงลมจำนวนมาก ถุงลมยังไม่ถูกทำลาย แต่แบคทีเรียจำนวนมากอยู่ในเซลล์ neurotrophil ที่อยู่ในถุงลม
3.ระยะปอดแข็งสีเทา (gray hepatization) พบในวันที่4-5 ของโรค กลีบปอดที่ติดเชื้อจะแข็งและสีน้ำตาล เชื้อแบคทีเรียอาจแพร่กระจายเข้าสู่เยื่อหุ้มปอดจนทำให้เกิดหนองในช่องเยื่อปอดได้
4.ระยะฟื้นตัว (resolution) เกิดขึ้นประมานวันที่ 7-10 ของโรคเมื่อร่างกายมีภูมิต้าน เม็ดเลือดขาวสามารถทำลายแบคทีเรียที่อยู่ในถุงลมได้หมด การอักเสบที่ปอดก็จะายและพยาธิสภาพของปอดอักเสบจะกลับคืนปกติ
อาการและอาการแสดง
ผู้ป่วยอาจมีจมูกบานเมื่อหายใจเข้าและค้างเมื่อหายใจออก ซึ่งเป็นตัวชี้ว่าผู้ป่วยมีภาวะหายใจลำบาก (respiratory distress) มีอาการแสดงที่บ่งชี้ถึงสภาพของเนื้อปอดที่เริ่มแข็งตัวกว่าปกติ
-อาจมีไข้สูงถึง 40 องศาเซลเซียส
-มีอาการหนาวสั่น
-อาการไอ มักมีอาการไอมาก
-เสมหะตอนแรกอาจเป็นสีสนิม ต่อมาเปลี่ยนเป็นสีเหลืองขุ่น ปนหนอง หรือเขียว
-หายใจเร็ว หอบเหนื่อย หายใจเร็วตื้น 30 -50 ครั้ง/นาที
ประเมินสุขภาวะสุขภาวะของผู้ป่วย
3.การส่งตรวจ chest X-ray ,CBC ABG การเจาะปอด
2.การตรวจร่างกาย เคาะ คลำ ฟัง
1.การซักประวัติ เช่น ไอ มีไข้ หอบเหนื่อย เจ็บหน้าอกเวลาหายใจเข้า เสมหะข้น เหนียว
การรักษา
1.การรักษาทั่วไป
ให้ร่างกายได้รับสารน้ำอย่างเพียงพอโดยการให้ผู้ป่วยดื่มน้ำมากๆ
การให้อาหารควรให้รับประทานอาหารอ่อนบ่อยๆ ครั้งละน้อยๆ
ลดการคั่งของเสมหะที่เหนียวข้นโดยให้ดิ่มน้ำมาๆ หรือพิจารณาให้ยาละลายเสมหะ พยามหลีกเลี่ยงควันบุหรี่หรือมลพิษในอากาศ ส่งเสริมการไอที่ถูกวิธี
ช่วยเปิดทางเดินหายใจให้โล่ง ได้แก่ การดูดเสมหะออกจากหลอดลมโดยตรง (direct tracheal suction) เป็นต้น
2.การรักษาตามอาการ
พิจารณาให้ยาขยายหลอดลม
ให้ออกซเจนในผู้ป่วยที่ปอดอักเสบ
ยาขับเสมหะ เช่น แอมโมเนียมคาร์บอเนต แอมโมเนียมคลอไรด์ หรือ glyceryl guiacolate
ยาละลายเสมหะ เช่น bromhexine หรือ acetylcystein
การให้ยาปฎิชีวนะ
การพยาบาล
1.จัดท่าศีรษะสูง
2.ดูแลการได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
3.ดูแลการระบายทรวงอก (น้ำหนอง)
4.ติดตามและประเมินสัญญาณชีพ ประเมินการหายใจและ ระดับออกซิเจนในกระแสเลือด
5.ดูแลการได้รับยาตามแผนการรักษา
นางสาวภูริชญา นักสอน เลขที่47 รหัส62129301540