Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
9.2 การติดเชื้อที่มาจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์, นายศราวุฒิ เป็งมูล…
9.2 การติดเชื้อที่มาจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
1. การตกขาวผิดปกติ
1.1 จากการติดเชื้อรา (Vulvovaginal candidiasis)
ปัจจัยและปัจจัยเสี่ยง
การรับประทานยาปฏิชีวนะทำให้มีการทำลายเชื้อแบคทีเรีย lactobacillus ที่มีหน้าที่ฆ่าเชื้อราในช่องคลอด
การได้รับฮอร์โมนสเตียรอยด์ และได้รับยากดภูมิต้านทานทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายลดลง
การรับประทานยาคุมกำเนิดชนิดที่มีปริมาณฮอร์โมนมาก (high dose)
ภูมิต้านทานของร่างกายถูกกดจากการเป็นโรคเอดส์
การควบคุมภาวะเบาหวานไม่ดี มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง
การสวมใส่ชุดชั้นในที่แน่นเกินไป ทำให้เกิดความอับชื้น เชื้อราเจริญได้ง่าย
การใช้น้ำยาล้างทำความสะอาดช่องคลอด
และปากช่องคลอดบ่อยๆ
การใส่แผ่นอนามัยโดยไม่เปลี่ยนระหว่างวัน หรือไม่สะอาด
ความเครียด การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ
เกิดจากเชื้อ Candida albicans
อาการและอาการแสดง
ประมาณร้อยละ 20 ของผู้ติดเชื้อราจะไม่มีอาการ
มีอาการคันและระคายเคืองมากในช่องคลอดและปากช่องคลอด
อาจมีอาการเจ็บขณะร่วมเพศ (dyspareunia)
มีอาการปัสสาวะลำบาก และแสบขัดตอนสุด (external dysuria)
ผลกระทบ
สตรีตั้งครรภ์
ทำให้อาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดเป็นมากขึ้นเป็น 2 เท่า
มีความระคายเคือง คันช่องคลอดมากขึ้น
ทารก
จะเป็นเชื้อราในช่องปาก
(oral thrush) ได้มากกว่าปกติ 2-35 เท่า
แนวทางการรักษา
2% Miconazole cream 5 กรัม ทาช่องคลอด 7 วัน
Miconazole 100 มิลลิกรัม 1 เม็ด เหน็บช่องคลอดก่อนนอนเป็นเวลา 7 วัน
Clotrimazole 100 มิลลิกรัม 1 เม็ด เหน็บช่องคลอดก่อนนอนเป็นเวลา 6 วัน
1% Clotrimazole cream 5 กรัม ทางช่องคลอด 6 วัน
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
อธิบายให้สตรีตั้งครรภ์ เข้าใจสาเหตุของการติดเชื้อและการดูแลตนเอง
แนะนำการใช้ยาทา และยาเหน็บช่องคลอดตามแพทย์สั่ง
การทำความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก
หากอาการติดเชื้อเป็นซ้ำ ๆ หรือสามีมีอาการแสดง ควรพาสามีให้มารักษาพร้อมกัน
ระยะคลอด
สามารถให้คลอดทางช่องคลอดได้ตามปกติ
ระยะหลังคลอด
ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสเทอโรนลดลง
การดูแลมารดาหลังคลอดเหมือนมารดาหลังคลอดทั่วไป
เน้นการดูแลความสะอาดของอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกให้สะอาดและแห้งเสมอ
สามารถเลี้ยงดูบุตรด้วยนมมารดาได้
ทารกแรกเกิดอาจมีการติดเชื้อในช่องปาก
1.2 การตกขาวจากการติดเชื้อพยาธิ (Vaginal trichomoniasis)
อาการและอาการแสดง
ผู้ติดเชื้อร้อยละ 10 ไม่แสดงอาการ
ผู้ติดเชื้อร้อยละ 50 มักจะพบโรคคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อื่นร่วมด้วย
ลักษณะของตกขาวมีสีขาวปนเทา หรือสีเหลืองเขียว ตกขาวเป็นฟอง (foamy discharge) มีกลิ่นเหม็น
มีอาการระคายเคืองที่ปากช่องคลอด ในช่องคลอด ปากช่องคลอดบวมแดง
อาจมีอาการปัสสาวะแสบขัดหรือบ่อย
เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์
ผลกระทบ
สตรีตั้งครรภ์
การติดเชื้อพยาธิในช่องคลอด มีความสัมพันธ์กับภาวะถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด การเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด
ทารกในครรภ์
ทารกคลอดก่อนกำหนด และทารกแรกเกิดมีน้ำหนักตัวน้อย
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
ให้คำแนะนำและการดูแลเหมือนสตรีตั้งครรภ์ทั่วไป
แนะนำการเหน็บยา หรือการรับประทานยาตามแผนการรักษา
แนะนำให้สามีมารับการรักษาพร้อมกัน
แนะนำการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยโดยการสวมถุงยางอนามัย
แนะนำการรักษาความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกให้แห้งสะอาดเสมอ
ระยะคลอด
ให้การพยาบาลผู้คลอดในระยะคลอด โดยให้คลอดทางช่อคลอดได้ตามปกติ
ระยะหลังคลอด
ให้การพยาบาลเหมือนมารดาหลังคลอดทั่วไป
แนะนำให้เลี้ยงบุตรด้วยนมมารดาได้ โดยล้างมือทุกครั้งก่อนสัมผัสบุตร
หากอาการยังไม่ดีขึ้น ให้พบแพทย์
การติดเชื้อพยาธิในช่องคลอด
1.3 การตกขาวจากการติดเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial vaginosis)
อาการและอาการแสดง
มีอาการคัน ปวดแสบปวดร้อนปากช่องคลอด ในช่องคลอด
ถ่ายปัสสาวะลำบาก แสบขัด
เจ็บขณะร่วมเพศ ตกขาวสีขาว สีเทา
มีกลิ่นเหม็นเน่าเหมือนคาวปลา (fishy smell)
ผลกระทบ
สตรีตั้งครรภ์
ถ้าไม่ได้รักษา อาจทำให้มีการติดเชื้อราได้ง่ายขึ้น
อาจทำให้เกิดการแท้งติดเชื้อ (septic abortion) ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
มารดาหลังคลอดอาจมีไข้ ปวดท้องมาก
ทารก
ทารกแรกเกิดน้ำหนักตัวน้อย และทารกคลอดก่อนกำหนด
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
ให้คำแนะนำและการดูแลเหมือนสตรีตั้งครรภ์ทั่วไป
รับประทานยาตามแพทย์สั่งให้ครบ
รักษาความสะอาดของอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกไม่ให้อับชื้นโดยใช้น้ำธรรมดา
แนะนำให้พาสามีไปตรวจและรักษาโรคพร้อมกัน
แนะนำการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
ระยะคลอด
ผู้คลอดสามารถคลอดทางช่องคลอดได้ตามปกติ
โดยให้การพยาบาลเหมือนผู้คลอดทั่วไป
ระยะหลังคลอด
ให้การดูแลเหมือนมารดาหลังคลอดทั่วไป
สามารถเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดาได้
เน้นการทำความสะอาดของอวัยวะสืบพันธุ์ให้สะอาดและแห้งเสมอ
หากมีอาการผิดปกติให้รีบมาพบแพทย์ทันที
2. ซิฟิลิส (Syphilis)
พยาธิสรีรภาพ
ชื้อจะแทรกเข้าไปอยู่ระหว่างผนังหลอดเลือดและทำให้หลอดเลือดอุดตัน ส่งผลให้เนื้อเยื่อที่มีการอักเสบมีเลือดมาเลี้ยงลดลง
เกิดการขาดเลือดกลายเป็นเนื้อตาย
และกลายเป็นแผลที่มีลักษณะเป็นตุ่มแข็ง กดไม่เจ็บ
ส่วนเชื้อที่เข้าสู่กระแสเลือดจะทำให้หลอดเลือดส่วนปลายเกิดการอักเสบส่งผลให้เกิดผื่นทั่วร่างกาย
ถ้าเชื้อผ่านไปยังทารกในครรภ์จะทำให้เนื้อเยื่อของทารกอักเสบและเป็นเนื้อตาย เปื่อยยุ่ย และหลุดเป็นแผล
ทำให้ทารกพิการแต่กำเนิด
อาการและอาการแสดง
ระยะที่หนึ่ง (primary stage)
หลังจากได้รับเชื้อ 3 สัปดาห์ จะเกิดแผล กลม นิ่ม ขอบนูนแข็ง ไม่เจ็บ เรียว่าแผล chancre บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก
ระยะที่สอง (secondary stage)
โดยผื่นที่พบบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์จะยกนูน
ร่วมกับมีอาการไข้ ต่อมน้ำเหลืองโต เจ็บคอ
ระยะแฝง
(latent syphilis)
กระบวนการติดเชื้อยังดำเนินอยู่และสามารถแพร่กระจายเชื้อได้ รวมถึงอาจมีการกำเริบของโรคได้
ระยะท้าย
(tertiary syphilis)
ระยะนี้เชื้อจะเข้าไปทำลาย ระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้เกิด aortic aneurysm และ aortic insufficiency
ผลกระทบ
สตรีตั้งครรภ์
ทำให้ผิวหนังและเนื้อเยื่ออักเสบ คลอดก่อนกำหนด และแท้งบุตร
ทารก
ทารกคลอดก่อนกำหนด ตายคลอด ทารกแรกเกิดติดเชื้อซิฟิลิส (neonatal syphilis)
3. หนองใน (Gonorrhea)
พยาธิสรีรภาพ
เชื้อ Neiseria gonorrheae เข้าสู่ร่างกาย จะเข้าไปเกาะติดกับเซลล์เยื่อบุและเซลล์ขับเมือกจะทำปฏิกิริยากับภูมิต้านทานของร่างกาย
ทำให้เกิดสารเคมีที่เป็นพิษต่อเซลล์
และเนื้อเยื่อ ส่งผลให้เนื้อเยื่ออักเสบเป็นหนอง
อาการและอาการแสดง
มีการอักเสบของปากมดลูกและช่องคลอดทำให้ตกขาวเป็นหนองข้นปริมาณมาก
ผลกระทบ
สตรีตั้งครรภ์
ไม่มีอาการ มีบุตรยาก
กรณีที่มีอาการขณะตั้งครรภ์จะทำให้ถุงน้ำคร่ำอักเสบและติดเชื้อถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด แท้งบุตร
ทารก
ทารกแรกเกิดที่คลอดปกติผ่านทางช่องคลอดมีการติดเชื้อหนองในที่ปากมดลูก
ทำให้เกิดตาอักเสบ (gonococcal
ophalmia neonatorum)
4. การติดเชื้อเริม (Herpes simplex)
พยาธิสรีรภาพ
ภายหลังจากเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะทำให้ผิวหนังเป็นตุ่มน้ำใส เล็ก ๆจำนวนมาก
เมื่อตุ่มน้ำแตก หนังกำพร้าจะหลุดพร้อมกับทำให้เกิดแผลตื้น ทำให้รู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่แผล
กระตุ้นให้เกิดการอักเสบเมื่อภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำ
อาการและอาการแสดง
จะมีอาการปวดแสบปวดร้อนและคันบริเวณที่สัมผัสโรค จากนั้นจะกลายเป็นตุ่มน้ำใสๆ แล้วแตกกลายเป็นแผลอยู่ 2 สัปดาห์
บางรายอาจมีอการคล้ายหวัด ได้แก่ ไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว
ผลกระทบ
สตรีตั้งครรภ์
การติดเชื้อครั้งแรกขณะตั้งครรภ์จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการแท้ง
การเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด
ทารก
ทารกมีการเจริญเติบโตช้าในครรภ์ ทารกคลอดก่อนกำหนด
6. การติดเชื้อเอชไอวีในสตรีตั้งครรภ์
พยาธิสรีรภาพ
ภายหลังการติดเชื้อ HIV เข้าสู่ร่างกาย เชื้อ HIV จะใช้ส่วน GP120 ที่ผิวของเชื้อ HIV จับกับ CD4
receptor ของเซลล์เม็ดเลือดขาว
แทรกเข้าไปในนิวเคลียสของเซลล์เม็ดเลือดขาวแล้วเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวที่มีเชื้อไวรัส HIV ทำให้ร่างกายมีเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ติดเชื้อ HIV จำนวนมาก
เซลล์เม็ดเลือดขาวที่ติดเชื้อ HIV จะแตกสลายง่าย ส่งผลให้เม็ดเลือดขาวในร่างกายลดลงอย่างรวดเร็ว
อาการและอาการแสดง
ระยะเริ่มแรกของการติดเชื้อ HIV
ระยะนี้เริ่มตั้งแต่ติดเชื้อ HIV จนกระทั่งร่างกายเริ่มสร้าง
ระยะติดเชื้อโดยไม่มีอาการ
ะยะนี้ร่างกายจะแข็งแรงเป็นปกติเหมือนคนทั่วไป แต่หากตรวจเลือดจะพบเชื้อ HIV
ระยะติดเชื้อที่มีอาการ
มีอุณหภูมิร่างกายสูงมากกว่า 37.80C เป็นพักๆ หรือติดต่อกันทุกวัน ท้องเดินเรื้อรัง
ระยะป่วยเป็นเอดส์
ไข้ ผอม ต่อมน้ำเหลืองโตหลายแห่ง ซีด อาจพบลิ้น
หรือช่องปากเป็นฝ้าขาวจากเชื้อรา แผลเริมเรื้อรัง ผิวหนังเป็นแผลพุพอ
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
คัดกรองสตรีตั้งครรภ์และสามีที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
ให้ข้อมูลแก่สตรีตั้งครรภ์และครอบครัวเกี่ยวกับการดำเนินของโรค
แนะนำให้มาฝากครรภ์ตามนัดทุกครั้ง
ให้ความรู้แก่สตรีตั้งครรภ์และครอบครัวเกี่ยวกับหลักมาตรฐานในการควบคุมและป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ประเมินภาวะแทรกซ้อนจากการได้รัยยาต้านไวรัส
แนะนำการปฏิบัติตัวของสตรีตั้งครรภ์
ประเมินระดับความวิตกกังวล ความกลัวของสตรีตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ HIV
ระยะคลอด
ดูแลผู้คลอดโดยยึดหลัก universal precaution
ให้การดูแลเช่นเดียวกับผู้คลอดทั่วไป
หากปริมาณ viral load ≤ 50 copies/mL
ทำคลอดด้วยวิธีที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อ
ผู้คลอดกและทารกน้อยที่สุด
ดูแลให้ผู้คลอดและทารกได้รับยาต้านไวรัสตามแผนการรักษา
เตรียมอุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ในการช่วยเหลือทารกแรกเกิด
ประเมินอาการเปลี่ยนแปลงและภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ
ระยะหลังคลอด
ดูแลมารดาหลังคลอดโดยยึดหลัก universal precaution
ให้คำแนะนำแก่มารดาหลังคลอด
5. หูดหงอนไก่ (Condyloma acuminate)
อาการและอาการแสดง
มีรอยโรคเป็นติ่งเนื้อสีชมพูคล้ายหงอนไก่ ขนาดแตกต่างกัน มักเกิดบริเวณอับชื้น
หูดหงอนไก่ (Condyloma acuminate) เกิดจากการติดเชื้อ human papilloma virus (HPV)
ผลกระทบ
สตรีตั้งครรภ์
หากเกิดรอยโรคใหญ่อาจขัดขวางช่องทางคลอดมารดาหลังคลอดมีโอกาสเกิดมะเร็งปากมดลูกได้
ทารก
บางรายอาจเกิด laryngeal papillomatosis ทำให้เกิดการอุดกั้นของระบบทางเดินหายใจส่วนบน
เสียงเปลี่ยน (voice change)
เสียงร้องไห้แหบผิดปกติ (abnormal cry)
นายศราวุฒิ เป็งมูล 6201210255 เลขที่ 15 Sec.A