Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความผิดปกติของหัวใจและโครงสร้าง, นางสาวนวลพรรณ จุลรัตน์ เลขที่ 41…
ความผิดปกติของหัวใจและโครงสร้าง
อาการและอาการแสดงของความผิดปกติ ของหัวใจที่พบบ่อย
เจ็บหน้าอก
อ่อนล้า
เขียว
บวม
หายใจลำบาก/เร็ว
ใจสั่น
เป็นลม
เป็นลม
การประเมินผู้ป่วย
ซักประวัติ
ตรวจรร่างกาย
ตรวจทางห้องปฎิบัติการ
การตรวจพิเศษ
การตรวจรังสี
ภาวะหัวใจวาย (Heart Failure)
สาเหตุ
หัวใจทำงานหนักเกินไป (Abnormal loading condition)
โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary artery disease)
กล้ามเนื้อหัวใจมีการทำหน้าท่ี่ผิดไป (Abnormal muscle function)
ความผิดปกติของหัวใจห้องล่างซ้าย
โรคเรื้อรังอื่นๆ
สารพิษ
หยุดหายใจขณะหลับ
โรคเกี่ยยวกับปอด
พยาธิสภาพ
กล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างอ่อนแรงทำให้ไม่สามารถรับเลือดจากร่างกายเข้าสู่หัวใจและบีบเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้เพียงพอ
มีควาวมผิดปกติทำให้เกิดการเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจทำให้เวลาในการรับเลือดน้อยลง (Filling time)
ภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน(Acute heart failure)เกิดจากปริมาตรเลือดที่ออกจากหัวใจลดลงทันทีทำให้เนื้อเยื่อมีเลือดไปเลี้ยงลดลงเป็นระยะแรกของหัวใจล้มเหลวจึงไม่มีน้ำและโซเดียมคั่ง
ภาวะหัวใจวายเรื้อรัง(Chronic heart failure)เกิดจากการที่ร่างกายปรับตัวเมื่อมีปริมาณเลือดลดลงทำให้มีน้ำคั่งในร่างกาย
อาการ
ซีด เขียวคล้ำ (Cyanosis)
บวมจากความดันเลือดส่วนปลายเพิ่มขึ้น(Edema)
ความทนต่อการทำกิจกรรมลดลง(Activity intolerance)
เวียนหัว สับสน คลื่นไส้ เบื่ออาหาร
ท้องบวมน้ำ ตับโต
ปัสสาวะลดน้อยลง
หายใจเหนื่อยกลางคืน นอนราบไม่ได้
การวินิจฉัย
ตรวจพิเศษEKG, Echocardiogram, cardiac cathetorization
อาการทางคลินิก หอบ เหนื่อยง่าย ทำงานไม่ได้นาน
ตรวจร่างกายพบ บวม เขียว Murmur, decreased breath sound, crepitation, S3 gallopment
หัวใจห้องล่างซ้ายวาย (Left ventricular failure)
พยาธิสรีรภาพ
ปัสสาวะออกน้อย
หัวใจเต้นเร็วไม่สม่ำเสมอ
หายใจลำบาก มีเสียง Crepitation ในปอด
กล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างซ้ายไม่สามารถบีบเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้
สาเหตุ
ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคลิ้นหัวใจ Aorticหรือ Mitral valve
การบีบตัวของหัวใจห้องล่างซ้ายไม่ดี ทำให้เนื่อเยื้อได้รับเลือดไม่เพียงพอเกิดการคั่งของเลือดในปอด
อาการ
ใจสั่น หายใจหอบเหนื่อย หายใจลำบากตอนกลางคืน (Paroxysmal nocturnal dyspanea/PND) หายใจลำบากเมื่อนอนราบ(Orthopnea)
ปัสสาวะออกน้อย เขียว ซีด คล้ำ ชีพจรเบา
ตรวจพบหัวใจโต(Cardiomegaly)
อาการแทรกซ้อนคือน้ำท่วมปอดเหน่ื่อยหอบรุนแรงไอมาก บางครั้งเสมหะเป็นฟองสีชมพู นอนราบไม่ได้ หายใจมีเสียงวี๊ด ฟังปอดพบ Crepitation ฟังหัวใจ พบ S3 Gallop
หัวใจห้องล่างขวาวาย (Right ventricular failure)
สาเหตุ
กล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างขวาขาดเลือด หลอดเลือดปอดมีความดันสูง
อาการ
น้ำหนักตัวเพิ่ม นิ้วบวม
บวมที่ส่วนล่าง
ความดันเลือดดำส่วนกลางสุง
ตรวจร่างกายพบหลอดเลือดดำท่ี่คอโป่งพอง
Hepatojugular reflux ได้ผลบวก
การพยาบาลผู้ป่วยหัวใจวาย
ลดการทำงานของหัวใจ (Decreased work load of the heart)
ให้ออกซิเจน
ให้ยาเพ่ื่อลด Preload และ afterload ของหัวใจ
ถ้าต่ำกว่า 60 ครั้ง/นาที หรือหัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ ให้งดยาและรายงานแพทย์
การให้ยาเพ่ื่อเพิ่ม Stroke volume
การให้ยาขยายหลอดเลือด
ให้ยาลดแรงต้านหลอดเลือดดำและแดง
การบำบัดด้วยเครื่องมือ
การพยาบาลหลังผ่าตัดหัวใจ
ประเมินการทำงานของหัวใจ
ลดกิจกรรมที่ทำให้หัวใจทำงานหนัก
บริหารยาหลังผ่าตัดอย่างเคร่งครัด
ให้ยาทีี่ทำให้หลอดเลือดหดตัว
ออกกำลังกาย งดสูบบุหรี่ งดดื่มสุรา
หลอดเลือดโป่งพอง Aneurysm
สาเหตุ
ภาวะหลอดเลือดแข็ง
การบาดเจ็บของผนังหลอดเลือด
กรรมพันธุ์
การติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา
เยื้อหุ้มหลอดเลือดชั้นนอกอักเสบ
การได้รับบาดเจ็บจากของมีคม
ภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด
การรักษา
ให้ยาควบคุมความดัน ติดตามอาการปีละ 2ครั้ง
การผ่าตัดเพื่อเอา aneurysm ออก
ถ้าหลอดเลือดใหญ่ไม่โตมากให้เฝ้าระวังอาการแต่ถ้าโตมากต้องผ่าตัด
อาการ
คลำได้ก้อนที่หน้าท้องใต้ลิ้นปี่ ปวดท้องเรื้อรัง
Aneurysm of The Thoracic Aorta ส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการแต่ถ้ามีอาการจะมีอาการวดท้องขณะนอนหงายราบอาจมีอาการเหนื่อย
Abdominal Aorta Aneurysm (AAA) รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นที่ท้อง ส่วนใหญ่จะปวดท้อง มีอาการความดันโลหิตสูงถ้าแตกจะปวดหลังมาก
การพยาบาล
ไม่กระทบกระเทือนบริเวณ Aneurysm เพราะจะทำให้แตกได้
ไม่ยกของหนัก หรือออกแรงเบ่งอุจจาระ ปัสสาวะ
ดูแลให้ได้รับยาแก้ปวดทางหลอดเลือดดำ
ควบคุมSystolic blood pressure ให้อยู่ระหว่าง100-120 mmHg, MAP อยู่ระหว่าง 60-75 โดยวัด BP ทุก 2-4 ชั่วโมง ที่แขนทั้งสองข้างถ้าBP แตกต่างกัน 10 mmHg ให้รายงานแพทย์ทันที
การประเมินภาวะหลอดเลือดแดงแตก
สอนผู้ป่วยควบคุมความดันโลหิต และงดสูบบุหรี่
ภาวะหลอดเลือดตีบแข็ง
(Atherosclerosis)
โรคเกี่ยวกับลิ้นหัวใจตีบ/รั่ว
สาเหตุ
อายุ
การติดเชื้อที่ลุกลามไปถึงลิ้นหัวใจ
โรคหัวใจ เช่น หัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน
ผลข้างเคียงจากยาลดน้ำหนัก
โรคออโตอิมมูน
โรคความดันโลหิตสูง
โรคอ้วน สูบบุหรี่
โรคเกี่ยวกับลิ้นหัวใจที่พบบ่อย
ลิ้นไมตรัลตีบ(Mitral stenosis)
ลิ้นไมตรัลรั่ว(Mitral regurgitation/insufficiency)
ลิ้นออต้าตีบ(Aorta stenosis)
ลิ้นออต้ารั่ว(Aorta regurgitation/insufficiency)
การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหวัใจ
การพยาบาล
ดูแลเหมือนผู้ป่วยหัวใจวาย ป้องกันภาวะหัวใจล้มเหลว
คำแนะนำก่อนกลับบ้าน
พักผ่อนอย่างน้อย8 –10ชั่วโมง ในระยะ 1 เดือนแรกหลังออกจากโรงพยาบาล
ออกกำลังกายตามกำลังผู้ป่วย
ทำงานได้หลังผ่าตัด 6 สัปดาห์
ลดโซเดียม
มีเพศสัมพันธ์ได้เมื่อทำกิจวัตรประจำวันแล้วไม่เหนื่อย
แนะนำให้ตั้งครรภ์ได้หลังผ่าตัด 3 เดือน
ป้องกันการติดเชื้อ
ลิ้นหัวใจเทียมโลหะต้องกินยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด
เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ (Pericarditis)
สาเหตุ
ติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา
ปฎิกิริยาออโตอิมมูนของร่างกาย
การใช้ยาProcainamide, Hydralazineหรอื Phenytoin
ได้รับบาดเจ็บ (Trauma)
ได้รับสารพิษ(Toxic agent)รังสี (radiation) สารเคมี(chemicals)
พยาธิสภาพ
เยื้อหุ้มหัวใจเกิดน้ำและไฟบรินทำให้เยื้อหุ้มหัวใจแข็งตัว ความจุของหัวใจลดลง การสูบฉีดลดลง ทำให้เลือดไหลกลับหัวใจลดลง
อาการ
ไข้
เจ็บหน้าอก ร้าวไปแขน ไหล่ และคอ
ฟังหัวใจได้ยินเสียงrub หรือ Grating sound
หัวใจเต้นเร็ว
ใจสั่น
หายใจลำบาก
อ่อนล้า
การรักษา
ให้ยาNSAID, colchicine สำหรับCorticosteroid ให้เมื่อมีข้อบ่งชี้เท่านั้น
ระบาย(Drainage)
ดูแลระบบไหลเวียนเพื่อเพิ่ม Cardiac output
การพยาบาล
ประเมินความผิดปกติของระบบไหลเวียน
ติดตามการทำงานของหัวใจ
ให้การพยาบาลก่อนและหลังทำหัตถการ
ให้น้ำเกลือเพื่อเพิ่มปริมาณเลือด
ดูแลระบบไหลเวียนเพื่อเพิ่ม Cardiac output
ให้ยากระตุ้นหัวใจตามแผนการรักษา
สังเกตอาการเจ็บแน่นหน้าอก, ฟังเสียง Friction rub, Cardiac tamponade สังเกตอาการหัวใจล้มเหลว เช่น หอบเหน่ื่อย บวม
เมื่อเจ็บหน้าอกให้นั่งโน้มตัวไปข้างหน้า
หากเหนื่อยมาก ดูแลให้ออกซิเจน
จัดท่าศีรษะสูง
ให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
ช่วยเหลือในการทำกิจวัตรประจำวัน
กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (Myocarditis)
สาเหตุ
กล้ามเนื้อหัวใจเสียหายจากเชื้อโรคเช่นเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่
ได้รับรังสี/ยาเคมีบำบัด
โรค SLE
แมลงกัด ต่อย
ได้รับยาบางชนิด เช่น เพนนิซิลลิน โคเคน ยากันชัก เป็นต้น
เครื่ีองดื่มแอลกอฮอล์
อาการ
อาการเหมือนไข้หวัดใหญ่ (Flu-live symptom)มีไข้หนาวสั่น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อาเจียน ท้องเสียและอ่อนเพลีย
เจ็บหน้าอกจี๊ดๆ
หายใจลำบาก
การรักษา
ให้ยาต้านการอักเสบ
ใช้เครื่องช่วยการทำงานของหัวใจ
ให้ยาขยายหลอดเลือด
รักษาภาวะแทรกซ้อน เช่น CHF, arrhythmia, hypotension
ให้พักเพื่อลดการใช้ออกซิเจน
ให้ยากลุ่มACEI เช่นenalapril
ให้ยาขับปัสสาวะ
ผ่าตัด
การพยาบาล
ลดความวิตกกังวล
ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคและการรักษา
ติดตามสัญญาณชีพ
ให้การช่วยเหลือในการทำกิจกรรม
สังเกตภาวะแทรกซ้อน
เยื่อบุห้องหัวใจอักเสบ (Infective Endocarditis/IE)
พยาธิสภาพ
เชื้อโรคเข้าสู่ระบบไหลเวียนและฝังตัวอยู่ที่เยื้อบุหัวใจชั้นEndotheliumทำให้เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ
อาจมีภาวะแทรกซ้อนเกิดการอุดตันตามอวัยวะต่างๆ
สาเหตุ
ติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อราโดยเข้าสู่กระแสเลือด
ได้รับยาบางชนิดเช่นยารักษาวัณโรค
ภาวะแทรกซ้อนจากการทำหัตถการเกี่ยวกับหัวใจ
ภาวะแทรกซ้อนจากโรคทางระบบภูมิคุ้มกัน
การรักษา
ให้ยาปฎิชีวนะ
รักษาตามอาการ
การพยาบาล
ลดไข้
ดูแลให้ยาปฎิชีวนะ
ดูแลให้ได้รับสารน้ำตามแผนการรักษา
หากเหนื่อยดูแลให้พัก และให้ออกซิเจช่วยเหลือการทำกิจกรรมบนเตียง
ติดตามสัญญาณชีพ
ติดตามการทำงานของหัวใจ
ประเมินภาวะแทรกซ้อนจากภาวะหลอดเลือดส่วนปลายอุดตัน
ให้ความรู้เกี่ยวกับการปฎิบัติตัว
การใส่เครื่องกำหนดการเต้นของหัวใจ
ก่อนใส่
ดูแลเหมือนผู้ป่วยผ่าตัดทั่วไป ดูแลความสะอาดบริเวณที่จะผ่าตัด งดใช้แขนข้างที่ใส่เครื่อง
ขณะใส่
ติดตามคลื่นไฟฟ้าหัวใจและความดันโลหิตหากผิดปกติต้องรายงานแพทย์
ติดตามผลChest X –Ray
หลังใส่
ติดตามสัญญาณชีพ
ติดตามภาวะหัวใจวาย
สังเกตแผลบริเวณที่ใส่เครื่องหากมีอาการบวมแดงให้ทำแผลใหม่
ไม่ปิดแผลด้วยก็อซ
สอนผู้ป่วยจับชีพจรตนเองหากไม่ตรงกับเครื่องให้รีบรายงานแพทย์
นางสาวนวลพรรณ จุลรัตน์ เลขที่ 41 รหัสนักศึกษา 62121301041