Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
วิวัฒนาการ ของห้องสมุดไทย - Coggle Diagram
วิวัฒนาการ
ของห้องสมุดไทย
สมัยกรุงธนบุรี (พ.ศ. 2310 - 2325)
พระเจ้าตากสินได้โปรดให้ขอยืมพระไตรปิฎกจากเมืองนครศรีธรรมราชมาคัดลอก
โปรดเกล้าฯ ให้สร้างหอพระไตรปิฎกหลวง หรือเรียกว่า หอหลวง
สมัยสุโขทัย
(พ.ศ. 1800 - 1920)
พ.ศ. 1826 ได้จารึกเรื่องราวต่างๆ ลงบนแผ่นหินหรือเสาหิน คล้ายกับหลักศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ที่จารึกเมื่อประมาณ 700 ปีมาแล้ว
พ่อขุนรามคำแหงมหาราชได้ทรงประดิษฐ์อักษรไทยขึ้น
หลักศิลาจารึก=หนังสือเล่มแรกของไทย
พ่อขุนรามคำแหงมหาราชส่งสมณฑูตไปสืบศาสนาที่ลังกา รับพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์และเข้าสู่กรุงสุโขทัย
พระในเมืองไทยจึงมีการคัดลอกพระไตรปิฎกที่เรียกว่า การสร้างหนังสือ
ทำให้มีหนังสือทางพุทธศาสนาเกิดขึ้นจำนวนมากที่เรียกว่า หนังสือผูกใบลาน
จึงสร้างเรือนเอกเทศสำหรับเก็บหนังสือทางพุทธศาสนา เรียกว่า หอไตร
ปลายสุโขทัยได้มีวรรณกรรมทางศาสนาที่สำคัญคือ ไตรภูมิพระร่วง ซึ่งเป็นพระนิพนธ์ในสมเด็จพระมหาธรรมราชาที่ 1 พญาลิไทย
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ (พ.ศ. 2325 - ปัจจุบัน)
หอพระมณเฑียรธรรม
หอพระมณเฑียรธรรมอยู่ในพระบรมมหาราชวังบริเวณวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
เพื่อเก็บพระไตรปิฎกหลวง
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (ร.1) ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างหอพระมณเฑียรธรรมขึ้นเมื่อ พ.ศ 2326
ถูกไฟไหม้ จึงโปรดให้สร้างขึ้นใหม่และใช้นามเดิม
จารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.3) ได้โปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนฯ ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา
ให้รวบรวมเลือกสรรตำราต่างๆ มาตรวจตราแก้ไขแล้วจารึกลงบนแผ่นศิลาประดับไว้ในบริเวณต่างๆ ของวัด มีรูปเขียนและรูปปั้นประกอบตำรานั้นๆ
ที่รู้จักกันแพร่หลายคือ รูปปั้นฤาษีดัดตนในท่าต่างๆ ที่ถือเป็นต้นตำรับการนวดและตำรายาไทย ซึ่งเป็นต้นตำรับการแพทย์แผนไทยมาจนกระทั่งทุกวันนี้
นอกจากนั้นยังมีความรู้อีกมากมายมที่จารึกไว้ จนทำให้จารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ได้ชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย และได้รับการยกย่องให้เป็นห้องสมุดประชาชนแห่งแรกของไทย
หอพระสมุดวชิรญาณ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5) โปรดให้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2424
เพื่อเฉลิมพระเกียรติของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
หอพุทธศาสนสังคหะ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5) ทรงสร้างขึ้นที่วัดเบญจมบพิตร เมื่อ พ.ศ. 2443
เพื่อเก็บหนังสือต่างๆ เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา
หอสมุดสำหรับพระนคร
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.5) ทรงสร้างขึ้นเมื่อ
พ.ศ. 2448
โดยโปรดเกล้าฯ ให้รวมหอพระมณเฑียรธรรม หอพระสมุดวชิรญาณ และหอพุทธศาสนาสังคหะเข้าเป็นหอเดียวกัน และพระราชทานนามว่า หอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนคร
หอสมุดแห่งชาติ
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2468
โดยให้แยกห้องสมุดออกเป็น 2 หอ
แยกหนังสือตัวเขียน ได้แก่ สมุดไทย หนังสือจารึกลงในใบลาน สมุดข่อย ศิลาจารึก และตู้ลายรดน้ำไปเก็บไว้ที่พระที่นั่ง ศิวโมกขพิมาน ซึ่งอยู่ในบริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ใช้สำหรับเก็บหนังสือตัวเขียน และเรียกว่า หอพระวชิรญาณ ส่วนหอสมุดที่ตั้งขึ้นที่ตึกถาวรวัตถุใช้เก็บหนังสือตัวพิมพ์ เรียกว่า หอพระสมุดวชิราวุธ
หอจดหมายเหตุ
พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2459
งานจัดหาเอกสารและบันทึกเหตุการณ์
งานจัดเก็บเอกสาร
งานบริการเอกสาร
งานซ่อมแซมและบูรณะเอกสาร
งานไมโครฟิล์ม และถ่ายสำเนาเอกสาร
สมัยกรุงศรีอยุธยา
(พ.ศ. 1893 - 2310)
ได้มีการสร้างหอหลวงไว้ในพระบรมมหาราชวังเป็นที่สำหรับเก็บหนังสือของทางราชการ
พ.ศ. 2310 ทั้งหอไตรและหอหลวงได้ถูกพม่าทำลายได้รับความเสียหาย