Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พัฒนาการในแต่ละช่วงวัย - Coggle Diagram
พัฒนาการในแต่ละช่วงวัย
วัยทารก
-
ด้านร่างกาย
วัยทารกจะมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านโครงสร้างของร่างกายและการรู้จักใช้อวัยวะต่างๆ อย่างรวดเร็ว ทางการเคลื่อนไหว การใช้กล้ามเนื้อและประสาทสัมผัส ทารกที่อยู่ในช่วงนี้จึง ไม่ค่อยจะอยู่นิ่งชอบสำรวจสิ่งแวดล้อม
ด้านอารมณ์ อารมณ์ของเด็กในวัยนี้จะเปลี่ยนแปลงง่ายรวดเร็วขึ้นอยู่กับสิ่งเร้า อารมณ์โกรธมีมากกว่าอารมณ์อื่นๆ เพราะเป็นระยะที่เด็กพัฒนาความเป็นตัวของตัวเอง พยายามฝึกฝนตนเองเพื่อให้สามารถช่วยตนเอง อารมณ์กลัวเกิดมากเป็นอันดับสองรองจากอารมณ์โกรธอารมณ์อยากรู้อยากเห็นเป็นอีกอารมณ์หนึ่งที่มีค่อนข้างมากเกิดจากความต้องการรู้จักสิ่งแวดล้อม
ด้านสติปัญญา สิ่งที่มีอิทธิพลต่อการพัฒนาสติปัญญาในวัยนี้ ได้แก่ โอกาสที่เด็กจะได้เล่นเพราะการเล่นเป็นการส่งเสริมความเข้าใจสิ่งแวดล้อม ความสามารถที่จะเข้าใจภาษาและใช้ภาษาที่ทำให้ผู้อื่นเข้าใจ พัฒนาการของกล้ามเนื้อและประสาทสัมผัส เพราะระยะนี้เด็กเรียนรู้สิ่งต่างๆ โดยอาศัยกล้ามเนื้อและประสาทสัมผัสเป็นสื่อเป็นส่วนใหญ่ การที่เด็กได้มีโอกาสจับ เห็น ได้ยิน สิ่งเหล่านี้จะช่วยพัฒนาสติปัญญาอย่างมาก
ด้านสังคม พฤติกรรมที่เด็กสร้างความสัมพันธ์กับบุคคลต่างๆ ตั้งแต่ บิดามารดาหรือผู้เลี้ยงดู ขยายออกไปยังสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัว บุคคลอื่นๆ ในชุมชน ในโรงเรียนและในสังคมที่ตนเองเป็นสมาชิก พฤติกรรมทางสังคมของแต่ละบุคคลจะแสดงออกมาอย่างไร ขึ้นอยู่กับอิทธิพลต่างๆ หลายประการ
วัยก่อนเรียน
-
ด้านร่างกาย ในช่วงวัยนี้จะมีพัฒนาการค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับระยะวัยทารกสัดส่วนของร่างกายจะค่อยๆ เปลี่ยนไป ฉะนั้นจึงเป็นระยะที่เหมาะที่สุดที่จะฝึกได้เล่นกีฬาประเภทเคลื่อนไหวต่างๆ ที่เหมาะกับกำลังของเด็ก ซึ่งจะช่วยการเรียนรู้และพัฒนาพฤติกรรมด้านอารมณ์ สังคม และสติปัญญา
ด้านอารมณ์ เด็กในวัยนี้จะมีอารมณ์หงุดหงิดง่ายกว่าเด็กในวัยทารก ดื้อรั้นเอาแต่ใจ เจ้าอารมณ์ในระยะนี้เด็กโกรธง่ายเนื่องจากอยากเป็นตัวของตัวเอง ความสำเร็จในการเป็นตัวของตัวเองได้สมใจ
ด้านสติปัญญาในระยะนี้เด็กใช้ภาษาพูดได้แล้วแต่ยังไม่ถูกต้องสมบูรณ์ดีเท่าผู้ใหญ่ เด็กจะพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาจนใช้งานได้ดีในช่วงระยะวัยเด็กตอนต้น เมื่อสิ้นสุดระยะนี้ไม่ว่าเด็กชาติไหนสามารถพูดภาษาแม่ของตนได้ดีเท่าผู้ใหญ่ วัย 6 ขวบเป็นระยะสุดท้ายของพัฒนาการ ภาษาพูด
ด้านสังคม เด็กจะเริ่มรู้จักเข้าหาผู้อื่น เริ่มแสวงหาเพื่อนร่วมวัยเดียวกัน เด็กหญิงและเด็กชายเริ่มมองเห็นความแตกต่างระหว่างเพศ (Sex Difference) เริ่มตระหนักว่าตนเป็นเพศหญิงหรือชาย และควรจะประพฤติตนอย่างไรจึงจะสมกับเป็นผู้หญิง หรือสมกับเป็นผู้ชาย (Sexual Typing) การเรียนรู้เหล่านี้ นอกจากเด็กจะเรียนด้วยอาศัยการสังเกตและการเลียนแบบแล้วยังถูกอบรมแนะนำจากผู้ใหญ่ด้วย
วัยเรียน
ด้านร่างกาย เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ในระหว่างนี้เป็นระยะที่เด็กหญิงโตเร็วกว่าเด็กชายวัยเดียวกันในด้านความสูงและน้ำหนัก ลักษณะเช่นนี้ยังคงดำรงต่อไปจนกระทั่งย่างเข้าสู่ระยะวัยรุ่นตอนปลาย เด็กชายจะโตทันเด็กหญิงและล้ำหน้าเด็กหญิง เด็กในวัยนี้ไม่ชอบอยู่นิ่งชอบเล่นและทำกิจกรรมต่างๆ
-
ด้านอารมณ์ เด็กรู้จักกลัวสิ่งที่สมเหตุสมผลมากกว่าวัยก่อน เพราะความสามารถในการใช้เหตุผลของเด็กพัฒนาขึ้น มีความรู้สึกสงสารและเห็นอกเห็นใจ เข้าใจความรู้สึกของบุคคลอื่นมากขึ้น
ด้านสติปัญญา เด็กวัยนี้สามารถคิด วิเคราะห์ และแก้ปัญหาได้ชัดเจนมากขึ้น รู้จักให้เหตุผลในการแก้ปัญหา รับผิดชอบและตัดสินใจได้ด้วยตนเองรับฟังคนอื่นมากขึ้น กระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้ ชอบสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เด็กวัยนี้จะสนใจในเรื่องของธรรมชาติ การท่องเที่ยวสถานที่ต่างๆ โดยทั่วไปเด็กผู้ชายจะสนใจเรื่องการพิสูจน์ ทดลอง ส่วนเด็กผู้หญิงจะสนใจเรื่องการอาหาร เย็บปักถักร้อย การอ่านหนังสือต่างๆ
ด้านสังคม มีลักษณะพัฒนาการทางสังคมที่เด่นชัด คือ เด็กเริ่มออกจากบ้านไปสู่หน่วยสังคมอื่น จุดศูนย์กลางสังคมของเด็กคือโรงเรียน เด็กจะเรียนรู้บทบาทใหม่คือการเป็นสมาชิกของกลุ่มเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน เด็กจะได้รับการเรียนรู้ระเบียบกฎเกณฑ์ ความประพฤติที่ต้องปฏิบัติในสังคม
วัยรุ่น
-
ด้านร่างกาย น้ำหนักและส่วนสูงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แขนขายาว มือและเท้าใหญ่ขึ้น
มีลักษณะทางเพศชัดเจน เช่น เพศหญิงมีหน้าอกใหญ่ขึ้น สะโพกผาย เพศชายมีกล้ามเนื้อเป็นมัดแข็งแรง ไหล่กว้าง มีขนหน้าแข้ง เสียงแตกเสียงแตก-ห้าว
ด้านอารมณ์ เด็กมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย สับสน อ่อนไหว เด็กแต่ละคนเริ่มแสดงบุคลิกอารมณ์ประจำตัวออกมาให้ผู้อื่นทราบได้บ้างแล้ว เช่น อารมณ์ร้อน อารมณ์ขี้วิตกกังวล อารมณ์อ่อนไหวง่าย เจ้าอารมณ์ ขี้อิจฉาฯลฯ เด็กสามารถรับรู้ลักษณะเด่นด้อยเกี่ยวกับตนเองมีความสนใจเพศตรงข้าม
ผูกพันกับเพื่อนในกลุ่มมากขึ้น กลุ่มของเด็กไม่มีเฉพาะเพื่อนเพศเดียวกันเท่านั้นแต่เริ่มมีเพื่อนต่างเพศ ระยะนี้จึงเริ่มต้นชีวิตกลุ่มที่แท้จริง (Gang Age) ส่วนสัมพันธภาพระหว่างเด็กชายเด็กหญิงเปลี่ยนไปจากวัยเด็กต้อนปลาย เด็กชายและเด็กหญิงเริ่มสนใจซึ่งกันและกันและมีความพอใจในการพบปะสังสรรค์กัน ร่วมเล่น เรียน ทำงาน พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ด้านสติปัญญา สามารถเข้าใจสิ่งที่เป็นนามธรรมได้ดีสามารถใช้คำพูด และถ้อยคำที่ลึกซึ้งเปรียบเทียบสิ่งต่างๆได้ดีชอบเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติเพื่อให้ได้รับความรู้และประสบการณ์
วัยผู้ใหญ่
-
ด้านร่างกาย ส่วนสูงเพิ่มขึ้นช้า หรืออาจไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยเพศหญิงมีแนวโน้มน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้นเพศหญิงเมื่ออายุประมาณ 50 ปี รังไข่จะผลิตฮอร์โมนน้อยลงทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติเพศชายเมื่ออายุประมาณ 40 ปี เซลล์อัณฑะเริ่มสลายตัวฮอร์โมนเพศขับออกมาน้อย ทำให้สมรรถภาพทางเพศเริ่มเสื่อมลง
ด้านสังคม สามารถคบหาสมาคมกับผู้อื่นและปรับตัวเข้ากับสังคมได้ดีมีการคบเพื่อนต่างเพศและนำไปสู่การใช้ชีวิตคู่เป็นครอบครัวมีความสัมพันธ์กับกลุ่มเพื่อนในสถานที่ทำงาน
ด้านสติปัญญา รู้จักเทคนิคในการแก้ไขปัญหาจากประสบการณ์ และการสะสมความรู้มีความเชี่ยวชาญทางภาษา เข้าใจหลักวิชาการสามารถใช้เหตุผลในการอธิบายได้ดีมีความสามารถและความรู้ในการใช้เครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ
ด้านอารมณ์ มีความมั่นคงในอารมณ์สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีมีความรักและอยากสร้างครอบครัวที่มั่นคงเมื่ออายุประมาณ 45 ปี เข้าสู่วัยกลางคน จะมีอารมณ์แปรปรวนเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของระบบในร่างกายมีความวิตกกังวลว่าจะไม่มีคนดูแลยามชรามีอารมณ์เศร้าจากความเสื่อมของสมรรถภาพทางกาย
วัยสูงอายุ
-
ด้านร่างกาย เซลล์ร่างกายเริ่มเสื่อมสภาพ กล้ามเนื้อลีบ ผิวหนังเหี่ยวเซลล์ร่างกายเริ่มเสื่อมสภาพ กระดูกเปราะ ฟันหักหรือสึกกร่อนเคลื่อนไหวช้า ทรงตัวได้ไม่ดี มือสั่นระบบต่างๆในร่างกายเริ่มทำงานเสื่อมประสิทธิภาพภูมิต้านทานในร่างกายลดลง
ด้านอารมณ์ หงุดหงิดง่าย ใจน้อยซึมเศร้า และวิตกกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายกลัวการถูกทอดทิ้งมักยึดติดกับความคิดและเหตุผลของตนเองไม่มีความมั่นใจในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
ด้านสังคม การใช้ชีวิตส่วนใหญ่จะอยู่กับลูกหลานทำกิจกรรมที่ตนเองชอบ เพื่อพักผ่อนเนื่องจากมีเวลาว่างมากบทบาทและภาระหน้าที่ทางสังคมลดลง กลายเป็นผู้อยู่อาศัย หรือผู้ตามในครอบครัว
ด้านสติปัญญา สมองเริ่มฝ่อ ทำให้มีความคิดอ่านช้า ลืมง่ายพูดแล้วมักลืมจึงพูดซ้ำๆมักจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นใหม่ไม่ได้ แต่สามารถจำเรื่องราวในอดีตได้ดี