Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การเปลี่ยนแปลงปริมาณน้ำ และการไหลเวียนเลือด - Coggle Diagram
การเปลี่ยนแปลงปริมาณน้ำ
และการไหลเวียนเลือด
ภาวะบวมน้ำ (EDEMA)
ภาวะที่มีการสะสมของน้ำหรือของเหลว (fluid) ช่องระหว่างเซลล์ หรือภายในช่องของร่างกายมากกว่าปกติ
การบวมน้ำหรือการสะสมของของเหลวนี้บอกถึงความผิดปกติของการควบคุมปริมาณน้ำหรือของเหลว
สามารถจำแนกน้ำหรือของเหลวได้ 2 ประเภท
1.Transudate เป็นแบบใส มีโปรตีนในเลือดต่ำ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น
2.Exudate เป็นของเหลว มีโรตีนสูง มีกลิ่นเหม็น
สาเหตุ
Hydrostatic pressure ในหลอดเลือดเพิ่มขึ้น
-สตรีมีครรภ์ ขาบวมจากมดลูกที่มีขนาดใหญ่กดทับ
Oncotic pressure ในหลอดเลือดลดลง
-ผู้ป่วยโรคตับ สร้างโปรตีนลดลง
Lymphatic obstruction
-พยาธิ filaria จะมี fibrosisที่หลอดน้ำเหลือง ทำให้การระบายสารน้ำกลับทางหลอดน้ำเหลืองไม่สะดวก
เลือดคั่ง (HYPEREMIA และCONGESTION)
ภาวะที่มีเลือดปริมาณมากกว่าปกติคั่งค้างในหลอดเลือดของเนื้อเยื่อหรืออวัยวะต่างๆของร่างกาย
เลือดคั่ง (HYPEREMIA)
Active hyperemia บางครั้งเรียกว่า hyperemiaเป็นการที่มีเลือดมาคั่งในหลอดเลือดแดง(artery circulation) มากกว่าปกติ เนื่องจากมีการขยายตัวของหลอดเลือดแดง
มักเกิดในรายที่มีการอักเสบ จะทำให้บริเวณดังกล่าวมีปริมาณเลือดเพิ่มมากขึ้น แล้วเกิดความร้อนและการบวมแดง
เลือดคั่ง (CONGESTION)
Passive hyperemia นิยมเรียกว่า congestion
เป็นการที่มีเลือดดำคั่งในหลอดเลือด
(venouscirculation) เนื่องจากมีการขัดขวางการไหลเวียนกลับของเลือดดำ ทำให้เลือดไม่สามารถไหลผ่านหลอดเลือดได้ตามปกติ
เลือดที่คั่งเป็นเลือดที่มีปริมาณออกซิเจนน้อยทำ
ให้บริเวณที่เกิดเลือดคั่งแบบนี้มองเห็นเป็ นสีเขียว
คล้ำหรือออกม่วง เรียกว่า cyanosis
เลือดออก (HEMORRHAGE)
อาการเลือดออก แบ่งเป็น 2 ประเภท
External hemorrhageเป็นอาการเลือดออกที่เห็นเลือดไหลออกมาภายนอกร่างกาย เช่นบาดแผลที่ผิวหนัง เลือดกำเดา
Internal hemorrhage เป็นอาการเลือดออกที่ไม่เห็นเลือดไหลออกมาภายนอกร่างกาย เช่นเลือดออกในสมอง (เส้นเลือดในสมองแตก)
ภาวะที่มีเลือดออกมาจากหลอดเลือดเนื่องจากหลอดเลือดได้รับอันตรายฉีกขาดโดยตรงหรือการเสื่อมสภาพของผนังหลอดเลือด
สาเหตุการเกิดเลือดออกหรือจุดเลือดออกหรือตกเลือด
1.ผนังหลอดเลือดได้รับอันตรายฉีกขาดจากของมีคม
2.ผนังหลอดเลือดได้รับอันตรายโดยตรง จากเชื้อโรคที่ทำลายผนังหลอดเลือดหรือเกิดจากการเสื่อมสภาพ
3.หลอดเลือดได้รับอันตรายจากผลการอักเสบหรือเนื้องอก
4.ความผิดปกติของขบวนการการแข็งตัวของเลือด เช่น การขาดเกล็ดเลือด
PETECHIAL HEMORRHAGE
เป็ นจุดเลือดออกขนาดเล็กในชั้นผิวหนังหรือเยื่อบุ
สาเหตุเนื่องจากมีความผิดปกติของผนังหลอดเลือด
PURPURA HEMORRHAGE
จ้ำเลือดขนาดโตในเนื้อเยื่อ ซึ่งจะมีเส้นผ่าศุนย์กลางไม่เกิน 1 เซนติเมตรมักเกิด ร่วมกับความผิดปกติของเกล็ดเลือด
ECCHYMOTIC HEMORRHAGE
ปื้นเลือด หรือแต้มเลือดขนาดโตในเนื้อเยื่อ มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาน 1-2เซนติเมตร เรียกว่า “ecchymosis ”
SHOCK
ภาวะที่มีความผิดปกติทางสรีรวิทยา ทำให้เกิดความไม่สมดุลของปริมาณเลือดที่ไหลเวียนในหลอดเลือดกับขนาดของหลอดเลือด
ทำให้เกิดการไหลเวียนของเลือดล้มเหลว เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ลดลง มีผลให้ cell ได้รับ O2 ไม่เพียงพอจนเกิดภาวะเนื้อเยื่อขาด O2 เกิดการทำลายcell และนำไปสู่การตายในที่สุด
แบ่งเป็น 3 ประเภท
1.Hypovolemic shock ภาวะ shock จากปริมาณไหลเวียนลดลง เป็นภาวะshock ที่พบบ่อยที่สุด
External fluid loss การสูญเสียน้ำออกมาภายนอกร่างกาย (อาเจียน, ท้องเสีย)
Internal fluid lossการสูญเสียน้ำออกมาภายในร่างกาย (กระดูกหักภายใน อาจทำให้มีเลือดออกได้)
NEUROGENIC SHOCK
เกิดจากการสูญเสียหน้าที่ของประสาทอัตโนมัติ ซิมพาเทติกและศูนย์ควบคุมหลอดเลือด
สาเหตุ
1.พยาธิสภาพที่สมอง (cerebral damage)ทำให้กระทบกระเทือนศูนย์ควบคุมที่ medulla เช่น การได้รับบาดเจ็บที่สมอง
2.พยาธิสภาพที่ไขสันหลัง (spinal cord injury) ทำให้ศูนย์ควบคุมหลอดเลือดไม่สามารถควบคุม preganglionic vasoconstrictor nerve ได้ เช่น ได้รับบาดเจ็บที่ไขสันหลัง
2.Cardiogenic shock
ภาวะที่หัวใจไม่สามารถบีบตัวเพื่อส่งเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้อย่างเพียงพอ ทำให้มีปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงเนื้อเยื่อลดลงตามมา cell ขาดออกซิเจน
พบบ่อยที่สุดคือเกิดจากหัวใจห้องล่างซ้ายล้มเหลวจากกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน
สาเหตุ
1.การสูบฉีดล้มเหลว (pump failure) เกิดจาก กล้ามเนื้อหัวใจ ลิ้นหัวใจ เช่น กล้ามเนื้อ หัวใจตาย
2.การไหลกลับของเลือดมายังหัวใจห้องล่างซ้ายลดลง(ลด Ventricular diastolic filling) ประมาณเลือดที่ไม่เข้าสู่หัวใจในระยะคลายตัวมีผลต่อปริมาณเลือดที่สูบฉีด เช่น ภาวะเกิดการบีบรัวหัวใจ (cardiactamponade)
VASOGENIC SHOCK
ภาวะ shock จากหลอดเลือด เป็นภาวะที่มีการขยายตัวของหลอดเลือดอย่างมากจนเกิดเลือดคั่งในหลอดเลือด
SEPTIC SHOCK
ภาวะ shock จากการติดเชื้อ เป็นภาวะที่มการติดเชื้อในกระแสเลือดซ่งเกิดจากพิษของ แบคทีเรีย
มีผลต่อการกำซาบของร่างกายดังนี้
1.หลอดเลือดขยาย
2.กระตุ้นให้เกิดการหลั่ง tissue thromboplastin ซึ่งกระตุ้นให้เลือดแข็งเป็นลิ่มในหลอดเลือดฝอยและหลอดเลือดขนาดเล็กทั่วร่างกายทำให้เกิดการอุดตัน
3.กดการทำงานของหัวใจ จึงเป็นสาเหตุ
ทำให้เกิดภาวะ shock จากหัวใจ
ทำลายเซลล์ผนังหลอดเลือด
-ปริมาณไหลเวียนเลือดลดลง
ANAPHYLACTIC SHOCK
เกิดจากการแพ้สารหรือยาต่างๆ โดยเมื่อร่างกายได้รับสารดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นสารกระตุ้น (antigen) จะกระตุ้นให้มีการสร้างภูมิคุ้นกัน (antibody) ต่อสารนั้นขึ้นมา