Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การเปลี่ยนแปลงปริมาณน้ำและการไหลเวียนเลือด - Coggle Diagram
การเปลี่ยนแปลงปริมาณน้ำและการไหลเวียนเลือด
ภาวะบวมน้ำ (Edema)
มีการสะสมของน้ำหรือของเหลวในช่องระหว่างเซลล์มากกว่าปกติ
Transudate
ของเหลวที่เกิดขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ
เหลวใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น
มีโปรตีนน้อยกว่า 3 g % และความถ่วงจำเพาะ น้อยกว่า 1.017
Exudate
ของเหลวนอกหลอดเลือดที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ
สารประกอบโปรตีนจาก Serum สูง
ความถ่วงจำเพาะสูงกว่า 1.015 หรือ 1.020
สาเหตุ
Hydrostatic pressure ในหลอดเลือด
เพิ่มขึ้น
สตรีมีครรภ์ ขาบวมจากมดลูกที่มีขนาดใหญ่กดทับ IVC
Oncotic pressure ลดลง
ผู้ป่วยโรคไตเสียโปรตีนกับปัสสาวะ
ผู้ป่วยโรคตับสร้างโปรตีนลดลง
Lymphatic obstruction
พยาธิ filaria จะมี fibrosis ที่หลอดน้ำเหลือง
ผู้ป่วย Elephantiasis
เลือดออก
หลอดเลือดได้รับอันตรายฉีกขาดโดยตรง
มีการเสื่อมสภาพของผนังหลอดเลือด
ทำให้เลือดซึมผ่านออกนอกหลอดเลือดโดยวิธี diapedesis ทั้งที่หลอดเลือดไม่ฉีกขาด
External hemorrhage
อาการเลือดออกที่เห็นเลือดไหลออกมาภายนอกร่างกาย
บาดแผลที่
ผิวหนัง เลือดกำเดา
เลือดออกทาง
ช่องคลอด
Internal hemorrhage
อาการเลือดออกที่ไม่เห็นเลือดไหลออกมาภายนอกร่างกาย
เลือดออกในสมอง(เส้นเลือดในสมองแตก)
เลือดออกในช่องท้อง
สาเหตุ
ผนังหลอดเลือดได้รับอันตรายฉีกขาด
โดยตรงจากของมีคม
ผนังหลอดเลือดได้รับอันตรายโดยตรงจาก
เชื้อโรคที่ทำลายผนังหลอดเลือดหรือเกิดจากการเสื่อมสภาพ
หลอดเลือดได้รับอันตรายจากผลการอักเสบ
หรือเนื้องอก
ความผิดปกติของขบวนการการแข็งตัวของ
เลือด เช่น การขาดเกล็ดเลือด
Petechial hemorrhage
จุดเลือดออกขนาดเล็กในชั้นผิวหนังหรือเยื่อบุ
มีความผิดปกติของผนังหลอดเลือด
หรือความผิดปกติของระบบแข็งตัวของเลือด
พบในผู้ป่วยไข้เลือดออก
Purpura hemorrhage
จ้ำเลือดขนาดโตในเนื้อเยื่อ
เส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 1 cm.
มักเกิดร่วมกับความผิดปกติของเกล็ดเลือด
Ecchymotic hemorrhage
ปื้นเลือด หรือแต้มเลือดขนาดโตในเนื้อเยื่อ
มีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 1-2 cm.
เรียกว่า ecchymosis
Shock
ภาวะความผิดปกติทางสรีรวิทยาทำให้เกิดความไม่สมดุลของปริมาณเลือดที่ไหลเวียนในหลอดเลือดกับขนาดของหลอดเลือด
การไหลเวียนของเลือดล้มเหลว
เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ลดลง Cell ได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ
เกิดภาวะเนื้อเยื่อขาดออกซิเจน เกิดการทำลาย Cell และนำไปสู่การตายของเซลล์
แบ่งเป็น 3 ประเภท
Hypovolemic shock
shock จากปริมาณไหลเวียนลดลง เป็นภาวะ shock ที่พบบ่อยที่สุด
External fluid loss
การเสียเลือด
การสูญเสียน้ำทางระบบทางเดินอาหาร เช่น อาเจียน ท้องเสีย
การสูญเสียน้ำทางไตจากผู้ป่วยเบาหวาน เบาจืด
การสูญเสียทางผิวหนัง เช่น แผลไฟไหม้ การมีไข้
Internal fluid loss
กระดูกหักภายใน
การอักเสบในช่องท้อง เช่น Peritonitis Pancreatitis
การบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ อวัยวะภายในฉีกขาด
Cardiogenic shock
หัวใจไม่สามารถบีบตัวเพื่อส่งเลือดเพื่อไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายได้อย่างเพียงพอ
ปริมาณเลือดที่สูบฉีดออกจากหัวใจใน 1 นาทีลดลง
ปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงเนื้อเยื่อลดลงตามมา Cell ขาดออกซิเจน
เกิดจากหัวใจห้องล่างซ้ายล้มเหลวจากกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน
Vasogenic shock
เป็นภาวะที่มีการขยายตัวของหลอดเลือดอย่างมากจนเกิดเลือดคั่งในหลอดเลือด
ส่งผลให้เลือดไหลกลับเข้าสู่หัวใจลดลง ปริมาณเลือดที่สูบฉีดออกจากหัวใจใน 1 นาทีลดลง เนื้อเยื่อจึงขาดออกซิเจน
Neurogenic shock
เกิดจากการสูญเสียหน้าที่ของประสาทอัตโนมัติซึมพาเทติคและศูนย์ควบคุมหลอดเลือด
เกิดการขยายตัวหลอดเลือดทั่วร่างกาย ปริมาณเลือดกลับเข้าสู่หัวใจลดลง
เซลล์ขาดออกซิเจน
Septic shock
เป็นภาวะที่มีการติดเชื้อในกระเเสเลือด
เกิดจากพิษของแบคทีเรีย ทั้ง gram-ve และ gram+ve รวมถึงเชื้อรา เชื้อไวรัส
พบมากในผู้ป่วยอสยุน้อย หรือสูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยมะเร็ง
Anaphylactic shock
เกิดจากการแพ้สารหรือยาต่างๆ วึ่งถือว่าเป็นสารกระตุ้นให้มีการสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา
เป็นพวก IgE เมื่อได้รับการกระตุ้นอีกครั้ง ร่างกายจะเกิดปฏิกิริยาแพ้สารได้ คล้ายกับภาวะ shock จากการติดเชื้อ
เลือดคั่ง
Hyperemia
เป็นการที่มีเลือดมาคั่งในหลอดเลือดแดง (artery circulation) มากกว่าปกติ
มีการขยายตัวของหลอดเลือดแดง
ส่วนมากเป็นเลือดที่มีออกซิเจนมาก ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นมีสีแดงหรือชมพู
congestion
เป็นการที่มีเลือดดำคั่งในหลอดเลือดดำ
เลือดที่คั่งเป็นเลือดทีมีปริมาณออกซิเจนน้อย มองเห็นเป็นสีเขียวคล้ำหรือออกม่วง เรียกว่า Cyanosis
มีการขัดขวางการไหลเวียนกลับของเลือดดำ