Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การรับรู้สัมผัสพิเศษ Special senses, 46608, 46612, 46613, 46609, 46614,…
การรับรู้สัมผัสพิเศษ Special senses
การมองเห็น visual sensations
โครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับการมองเห็น
ส่วนประกอบภายนอกลูกตา
ส่วนประกอบภายในลูกตา
ประสาทตาและสมองส่วนที่เกี่ยวข้อง
ส่วนประกอบภายนอกลูกตา
1.หนังตาบนและล่าง upper and lower eyelids หรือ palpebrae
1.1 orbiscularis oculi muscle
1.2 tarsal or Meibomian gland
ขนตา eyelashes และขนคิ้ว eyebrows
โครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับน้ำตา lacrimal apparatus
Lacrimal gland
Excretory lacrimal ducts
Lacrimal puncta
Lacrimal canal: sup,inf.
Nasolacrimal duct
Inferior nasal concha
กล้ามเนื้อ 6 มัด เกาะติดกับลูกตา
Inferior Obllque
Inferior Rectus
Superior Rectus
Medial Rectus
Lateral Rectus
Superior Obliqus
ส่วนประกอบภายในลูกตา
ชั้นนอกสุด fibrous tunic
cornea เป็นช่องด้านหน้า โปร่องแสง ทางผ่านของแสง
sclera เป็นเนื้อเยื่อเส้นใน fibrous tissue ทำหน้าที่ป้องกันอันตรายให้แก่เนื้อเยื่อชั้นใน
ชั้นหลอดเลือด vascular tunic or uvea
choroid or pigmented layer ประกอบด้วยเส้นเลือดฝอยจำนวนมากเป็นที่ส่งผ่าน อาหารให้แก่ส่วนอื่นๆ ภายในลูกตา และมีเม็ดสี ช่วยดูดซึมลำแสงส่วนเกินและลดการ สะท้อนของแสงที่เข้าลูกตา
ciliary body :ciliary process,ciliry muscle
iris ม่านตา มีรูตรงกลาง
lens
ciliary body ประกอบด้วย
ciliary muscle กล้ามเนื้อเรียบ เรียงตัวกันในรูปวงกลมและตามความยาวทำหน้าที่ ช่วยการทำงานของเลนท์ตาปรับภาพให้ชัดเจน
ciliary process ทำหน้าที่ผลิต aqueous humor เข้าสู่โพรงด้านหน้าของลูกตา anterior cavity ของเหลวจะถูก ดูดกลับเข้าสู่เส้นเลือดดำโดย canal of Schlemm ความสมดุลระหว่าง การสร้างและการดูดกลับ aqueous humor เป็นตัวควบคุมความดันภายในลูกตาให้คงที่
เลนส์ตา
โปร่งแสง ไม่มีสียืดหยุ่นสูง
ถูกยืดอยู่กับที่ด้วยเอ็นยืดเลนส์ lens ligament
มีม่านตา iris กล้ามเนื้อเรียบแผ่นบางๆ ที่ยื่นมาปิด เลนส์ตา ทึบแสง ปกคลุมด้านหน้าให้แสงผ่านได้ บริเวณตรงกลาง เรียกว่า รูม่านตา pupil
ขนาดของ pupil ถูกควบคุมโดยกล้ามเนื้อ 2 ชุด
circular muscle เรียงตัวเป็นวงกลม ทำหน้าที่ลดขนาดรูม่านตาถูกควบคุมโดย parasympathetic nervous system
radial muscle เรียงตามแนวยาว ทำหน้าที่ขยายม่านตาถูกควบคุมโดย sympathetic nervous system การหด ขยายตัวของ iris เป็น reflex
ชั้นจอประสาทตา retina or light sensitive layer
มีเนื้อเยื่อประสาทจำนวนมาก
pigment layer
เซลล์รับแสง visual receptor cells or light sensitive cells
รูปแท่งrod cells มีความไวต่อแสงมากกว่าเซลล์รับแสงรูปกรวย ถูกกระตุ้นได้ง่าย ด้วยแสงเพียงเล็กน้อย ทำให้มองเห็นในที่มืด
รูปกรวย cone cells มีหน้าที่ สำหรับการมองเห็นภาพสีหรือในขณะที่มีแสงเข้ม
เซลล์เชื่อมสัญญาณประสาท interneuron
Bipolar cells ( on and off cells ) มีความสำคัญในขบวนการมองเห็น ทำหน้าที่เชื่อมประสาน ระหว่างเซลล์รับแสงกับเซลล์อื่นๆ
Ganglion cells รับสัญญาณจากเซลล์อื่นๆ แล้วส่งไปสู่ optic nerve
Horizontal cells เชื่อมระหว่างเซลล์รับแสงด้วยกันเองและระหว่างเซลล์รับแสงกับ bipolar cells
Amacrine cells เชื่อมระหว่าง ganglion cells ด้วยกันเอง และระหว่าง bipolar cells กับ ganglion cells
ส่วนประกอบภายในลูกตา interior of the eyeball
โพรงด้านหน้า anterior cavity ช่องว่างหน้าเลนส์
anterior chamber อยู่ด้านหน้า iris
posterior chamber อยู่ด้านหลัง iris
โพรงด้านหลัง posterior cavity บรรจุ vitreous humor ช่วยให้ลูกตาคงรูปร่าง
เส้นเลือดที่มาเลี้ยง retina
retinal vessels
choroid capillary plexus เลี้ยงบริเวณส่วนนอก outer segment ใกล้กับชั้น choroid ช่องว่างและของเหลวภายในลูกตา
จุดบอด blind spot
ตำแหน่งของ optic disc ซึ่งเป็นทางเข้า ออกของเส้นเลือด และเส้นประสาท optic nerve
Macula lutea
เป็นจุดสีเหลืองเข้มตรงกลาง Fovea centralis
มี cells อยู่อย่างหนาแน่น ไม่มี rod cells อยู่เลย
บริเวณที่รับภาพฉับไวและคมชัดมากที่สุด
กลไกการเกิดภาพ image-forming mechanism
แสงตกกระทบ ลงคาวัตถุไวในแสง rod cells และ cone cells
เซลล์สัญญาณประสาทเชื่อม intemeurons
แปลสัญญาณประสาทสมอง
Brain Pathway and Visual field
Primary visual area ( 17 )
Visual association area (18 19 )
การปรับภาพให้ชัดเจนด้วยเลนส์ตา accommodation of lens
เลนส์นูน biconvex รวมแสง
เลนส์เว้า biconcave กระจายแสง
ความชัดของภาพขึ้นกับว่าเลนส์ตาจะสามารถหักเหแสงให้ภาพตกตรงจุดโฟกัสบน retina ได้พอดีหรือไม่
เลนส์ตาถูกตรึงไว้กับ เอ็นยึดเลนส์ตา lens ligament บน ciliary muscle โดยการควบคุมการปรับภาพของระบบประสาท parasympathetic nerve activity
การปรับความสามารถในการมองที่มืดและสว่าง เมื่อเดินจากที่สว่างเข้าสู่ที่มืด ในระยะแรกจะรู้สึกว่ามองไม่เห็นอะไรจากนั้นสักครู่ การมองเห็นในที่มืดสลัวก็จะดีขึ้น เนื่องจากมีการขยายรูม่านตา และ photopigment ถูกสังเคราะห์ กลับคืนมาใหม่
การมองเห็นภาพสี colour vision
เกิดขึ้นเนื่องจากรงควุตถุในวัตถุต่างๆ มีความสามารถในการดูดซึมแสงในช่วงความยาวคลื่นได้ต่างกัน
complementary colour คือแสงจากวัตถุที่มีสีขาวมากระตุ้น cone cells ทั้ง 3 ชนิดในอัตราส่วนที่เท่ากันพอดีทำให้เห็นเป็นวัตถุสีขาว
การรับรู้ชนิดพิเศษของร่างกาย
การมองเห็น
การได้ยิน & การทรงตัว
การได้กลิ่น
การรับรส
การรันความรู้สึกสัมผัส
การได้ยินและการทรงตัว auditory sensationsand equililbrium
หูแบ่งออกเป็น 3 ส่วน
หูส่วนนอก external ear
1.1 ใบหู pinna,auricle
1.2 exteพnal auditory canal เป็นท่อยาว 2.5 ซม
1.3 เยื่อแก้วหู tympanic membrane oreardrum
รับเสียง auditory function รวมเสียงผ่านไปกระทบเยื่อแก้วหู tympanic membrane or ear drum
ป้องกันอันตราย protective function
หูส่วนกลาง middle ear หรือ tympanic cavity
ตั้งอยู่ใน temporal bone
ส่วนหลัง จะติดต่อกับ mastoid air cells ของกระดูก temporal bone เรียก tympanic antrum
eustachian tube ( auditory tube )
auditory ossicles ได้แก่ malleus,incus stapes
tensor tympani muscle,stapedius muscle
acoustic หรือ tympanic หรือ attenuation reflex
หูชั้นกลาง middle ear เป็นโพรงอากาศติดต่อ กันโพรงจมูกและลำคอผ่านทางท่อ eustachian tube
ท่อ eustachian tube ทำหน้าที่ ปรับความดัน 2 ด้านของเยื่อแก้วหูให้เท่ากัน
ภายในหูชั้นกลางมีกระดูก auditory ossicles 3 ชิ้น
กระดูกฆ้อน malleus ติดกับ ear drum
กระดูกรูปทั่ง incus
กระดูกโกลน stapes ติดกับ ovel window กระดูก ทั้ง 3 ทำหน้าที่เปลี่ยนคลื่นเสียง air bone sound ให้เกิดเป็นคลื่นของเหลว fluid bone sound
หูส่วนใน internal or inner era
bony labyrinth ส่วนที่เป็นท่อกระดูก
labyrinth ( outerbony labyrinyh )
membranous labyrinth ส่วนที่เป็นเนื้อเยื่อ
อวัยวะ สำคัญในช่องหู
cochlea รูปร่างคล้ายหอย ม้วนประมาณ 2 รอบครึ่ง ทำหน้าที่แปลงสัญญาณเสียงไปเป็นสัญญาณประสาท cochlea แบ่งออกเป็น 3 ส่วนโดย Reissner's and basilar membranes
ห้องบน เรียกว่า scala vestibuli
ห้องล่าง เรียกว่า scala tympani ภายใน 2 ห้องนี่มีของเหลว perilymph ซึ่งมีองค์ประกอบคล้าย extracellular fluid
ห้องกลาง เรียกว่า scala media หรือ cochlear duct มีของเหลว endolymph บรรจุอยู่มีองค์ประกอบคล้าย intracellular fluid
organ of corti ทำหน้าที่รับคลื่นเสียง ประกอบด้วย hair cells เปลี่ยนแรงสั่นสะเทือนไปเป็นสัญญาณประสาท inner และ outer hair cells
หูทำหน้าที่
ส่วนที่ใช้ฟังเสียง auditory apparatus
คลอเคลีย cochlea
ส่วนที่ใช้ในการทรงตัว vestibular apparatus
ท่อครึ่งวงกลม semicircular canals
saccule
utricle
กลไกการได้ยินเสียง auditory mechanisms
กลไกการนำเสียงผ่านหูส่วนนอกและส่วนกลาง
การสั่นสะเทือนของเยื่อแก้วหู
ถ่ายทอดแรงสั่นสะเทือนผ่านกระดูก 3 ชิ้น
กระดูกโกลน กระแทกกับ oval window ขยายความดันเคลื่อนเสียงประมาณ 22 เท่า
กลไกการได้ยินผ่านหูชั้นใน
การสั่นสะเทือนของ oval window
เกิดการเปลี่ยนแปลงความดันใน scala vertibuli
การเกิดสัญญาณประสาท
การทรงตัว vestibular system
อวัยวะรับความรู้สึก sense organs
crista ampullaris ของ semicircular canals
macula ใน utricle
saccule
ทั้ง ส่วนประกอบกันเป็นระบบท่อมี endolymph บรรจุอยู่ภายใน ภายในท่อมี hair cells
Stereocilia
Kinocilium
กลไกการเกิดสัญญาณประสาทการทรงตัว
การทำงานของ vestibular system
ส่วนการรู้การหมุน
semicircular canals
crista ampullaris
hair cells
gelatinous mass เรียกว่า cupula
ส่วนรับรู้ตำแหน่งของศรีษะและร่างกาย
อาศัยการทำงานของ hair cells ใน macula ของ utricle และ succule
gelatinous layer เรียกว่า otolithic membrane มีสารผสมของ CaCO3 เรียกว่า otoliths
การรับรส gustatory sensations หรือ taste
gustatory cells เซลล์รับรสอยู่ในปุ่มรับรส(taste bud) ประมาณ10,000ปุ่ม สำหรับคนหนุ่มสาว ส่วนใหญ่จะอยู่บนลิ้น ส่วนน้อยจะอยู่บน soft palate, larynx และ pharynx
ปุ่มรับรส taste bud
ประกอบด้วยเซลล์ (gustatory cells) 50เซลล์ เซลล์พยุง และเซลล์พื้นฐาน รวมกันเป็นกระเปาะจะมีขน (gustatory hair หรือ microvillus) ยื่นออกมาจากเซลล์รับรส เซลล์ละ 1 เส้น จะมีรูเปิดที่ปุ่มรับรสเรียก taste pore
ปุ่มรับรสที่พบบริเวณลิ้นเรียก papillae ได้แก่
circumvallate papillae พบที่บริเวณโคนลิ้นเป็นรูปตัววีกลับหัว
fungiform papillae อยู่ตรงปลายลิ้นและข้างลิ้น
filiform papillae ปกคลุมส่วนหน้าประมาณ2/3 ส่วนของลิ้น
foliate papillae เป็นสันนูนเล็กๆ ขนานอยู่ด้านข้างลิ้น พบมากในสัตว์
รสพื้นฐานและตำแหน่งที่อยู่
รสหวาน ปลายลิ้น
รสเค็ม ขอบลิ้นด้านข้างถัดรสหวานเข้าไป
รสเปรี้ยว ขอบลิ้นด้านข้างถัดมาทางโคนลิ้น
รสขม บริเวณโคนรับรสได้ดีที่สุด
รสมัน กระตุ้นปุ่มรับรสเค็มกับหวาน
รสเผ็ด กระตุ้นตัวรับความรู้สึกเจ็บปวด และตัวรับความรู้สึกเกี่ยวกับอุณหภูมิ
ทางเดินประสาทรับรส gustatory pathway
จาก gustatory receptor cells ในปุ่มรับรสส่วนหน้า2/3 ของลิ้นผ่านทาง Facial (VII) nerve
บริเวณส่วนหลัง 1/3 ของลิ้นที่เหลือผ่านทาง glossopharyngeal (IX) nerve
บริเวณคอ epiglottis ผ่านทาง vagus (X) nerve
จากนั้น cranial nerve ทั้ง 3 เส้น ไปที่ medulla จากนั้นบางเส้นจะเข้าสู่limbic system และ hypothalamus ส่วนที่เหลือไป thalamus ไป parietal lobe ของ cerebial cortex บริเวณ primary gustatory area(43)
เซลล์รับกลิ่น olfactory receptors
การรับกลิ่น
ตัวรับกลิ่น( olfactory receptor ) 10-100 ล้านเซลล์ หรือ olfactory epithelium
ตำแหน่ง nasal septum
ยื่นมาที่ superior nasal concha
ส่วนบนของ middle nasal concha
ชั้นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันมีต่อมเรียกว่า olfactory หรือ Bowman's gland มีหน้าที่หลั่งสารเมือกช่วยให้เนื้อเยื่อบุผิวของจมูกชุ่มชื่น
ทั้งเซลล์พยุงและต่อม olfactory มีแขนงเส้นประสาท facial (VII) มาเลี้ยง เมื่อถูกกระตุ้นด้วย พริกไทย แอมโมเนีย หรือสารที่ระคายเคืองจะมีอาการจามและน้ำตาไหลเพราะไปกระตุ็น olfactory receptor,nasal mucosal receptor และ lacrimal receptor
สารที่กระตุ้นเซลล์ตัวรับกลิ่น
ต้องระเหยได้
ละลายน้ำได้
ละลายได้ในไขมัน
สารที่ละลายได้ดีทั้งในไขมันและน้ำจะกระตุ้นเซลล์รับกลิ่นได้ดีกว่าสาร ที่ละลายได้ในน้ำ หรือมันอย่างเดียว
ทางเดินการรับกลิ่น olfactory pathway
olfactory nerve
ไปที่ cribriform plate of the ethmoid bone
ไปที่ olfactory bulb ไปsynapse ครั้งแรกที่นี่
เข้าสู่ นสดฟแะนพั ะพฟแะ
เข้าสู่ olfactory area ในสมองในส่วนต่างๆ
Neural Pathway for Olfaction Area ในสมอง
primary (lateral) olfactory area อยู่ที่สมองส่วน temporal lobe ทำหน้าที่รับกลิ่น
secondary (medial) olfactory area อยู่ที่สมองส่วน frontal lobe ทำหน้าที่ประสานกันระหว่างกลิ่นและอารมณ์ เช่น กลิ่นน้ำหอมเดิมไปกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ หรือกลิ่นอาหารบูดเน่าทำให้อาเจียน
การรับความรู้สึกสัมผัส
ประสาทรับความรู้สึกแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่
ประสาทรับรู้สึกทั่วไป รับความรู้สึกจากผิวหนัง กล้ามเนื้อและข้อต่อทั่วร่างกาย เช่น ความรู้สึกร้อน การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อและข้อต่อ และอวัยวะภายในต่างๆ ของร่างกาย
ประสาทรับความรู้สึกพิเศษ (special sense) มีอวัยวะรับความรู้สึกพิเศษ ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น
ประสาทรับความรู้สึกทั่วไป แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่
ประสาทรับความรู้สึกทั่วไปที่ จำเพาะ ได้แก่ ประสาทรับสัมผัส การเคลื่อนไหวของเส้นเอ็น กล้ามเนื้อและข้อต่อ (proprioception)
ประสาทรับความรู้สึกทั่วไป ชนิดจำเพาะ
ผิวหนัง รับความรู้สึกประเภท ความดัน การสัมผัส การสั่นสะเทือน ซึ่ง receptor จะต่อไปยังเส้นประสาทขนาดใหญ่ ( A-alpha& A-beta)
ข้อต่อ กล้ามเนื้อ เอ็น รับรู้เกี่ยวกับตำแหน่งการเคลื่อนไหวต่างๆ ซึ่งใยประสาทไมอิลินจาก receptor มีขนาดใหญ่ ( A-alpha&A-beta)
เส้นทางเดินประสาทรับความรู้สึก
posterior column-medial lemniscus pathway
anterior(ventral) spinothalamic pathway
ประสาทรับความรู้สึกทั่วไปที่ไม่จำเพาะ ได้แก่ ประสาทรับอุณหภูมิ และความเจ็บปวด
ประสาทรับความรู้สึกทั่วไป ชนิดไม่จำเพาะ
ความเจ็บปวด
บอกตำแหน่งได้: A-beta,A-delta fiber
-บอกตำแหน่งไม่ได้: C fiber
อุณหภูมิ: A-gamma, Delta& C
ตัวรับรู้สึกเย็น: Krause corpuscle
ตัวรับรู้สึกอุ่น: Ruffini endinm