Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 3 เครื่องมือในการบำบัดทางการพยาบาลจิตเวช, นางสาวสุกัญญา เส้งสุก…
บทที่ 3 เครื่องมือในการบำบัดทางการพยาบาลจิตเวช
3.1 การตระหนักรู้ในตนเอง และการใช้ตนเองเพื่อการบำบัด
Carl R. Rogers แบ่งตัวตน (Self) ออกเป็น 3 ลักษณะ
Perceived Self ตัวตนที่เราคิดว่า เราเป็นอยู่ในปัจจุบัน
Real self ตัวตนที่แท้จริง ซึ่งบางคนอาจจะมองไม่เห็นตัวตนที่แท้จริง
ของตนเองก็ได้
Ideal self ตัวตนที่อยากมี อยากเป็น แต่ยังไม่มี ไม่เป็นในสภาวะปัจจุบัน
การตระหนักรู้ในตนเอง (Self awareness) หมายถึง สภาวะที่บุคคลรู้สึกตัว หรือ มีสติระลึก รู้ถึง ระลึก รู้ถึง ความคิดและการกระทำของตนเองในสภาพแวดล้อมใน ขณะนั้น รู้ว่าตนเองเป็นใคร คิดและรู้สึกอย่างไร กำลังทำอะไรและผลที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร
การพัฒนาการรู้จักตนเอง
Johari's window
open self (ทุกคนรู้)
เป็นตัวตนที่เปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา เรารู้ตัวและตั้งใจแสดงพฤติกรรมนั้นซึ่งมีจุดประสงค์ชัดเจนให้คนอื่นเห็นและเข้าใจได้ทันที
blind self (เราไม่รู้ แต่เขาดูออก)
เป็นพื้นที่บอด เพราะเราแสดงพฤติกรรมออกไปโดยไม่รู้ตัว แต่ผู้อื่นรับรู้ได้
hidden self (เรารู้อยู่คนเดียว)
เป็นตัวตนที่เราเก็บซ่อนไว้ไม่ให้ใครล่วงรู้ มักจะเป็นความรู้สึกนึกคิดภายในใจ หรือเป็นพฤติกรรมลับที่ไม่เคยแสดงออกให้ใครเห็น
unknown self (ไม่มีใครรู้)
เป็นตัวตนที่รอการค้นพบ โดยไม่รู้ว่าจะเจอหรือไม่ และจะเจอเมื่อไหร่
การพัฒนาการรู้จักตนเอง
การเข้าใจตนเองรับรู้ว่าตนเองเป็นอย่างไร
การรับฟังข้อมูลจากบุคคลอื่น
การเปิดเผยตนเอง ทำได้เมื่อเกิดสัมพันธภาพที่ดี
การฝึกฝน โดยการปฏิบัติต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
การใช้ตนเองเป็นเครื่องมือในการบำบัด
คือ การสร้างสัมพันธภาพระหว่างพยาบาลและ ผู้ป่วยเพื่อการบำบัดทางจิต โดยการสร้างสัมพันธภาพที่ดี ใช้การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ ให้การยอมรับ ให้ข้อมูล ให้กำลังใจ โดยพยาบาลมีการตระหนักรู้อยู่ตลอดเวลา
องค์ประกอบที่สำคัญในการใช้ตนเองเพื่อการบำบัด
ความรักในเพื่อนมนุษย์ (love)
การเข้าใจถึงความรู้สึกของผู้ป่วย (empathy)
ความเข้าใจ (understanding)
การยอมรับ (acceptance)
เจตคติที่ควรมีในการใช้ตนเองเป็นเครื่องมือในการบำบัด
ความมีคุณค่าในบุคคล (personal worth)
ความมั่นคงแห่งบุคคล (personal integrity)
ความมีใจกว้าง
(open mild)
การสนับสนุนช่วยเหลือ (advocacy)
การมีความหวัง
(hopefulness)
การมีส่วนร่วม
(involvement)
3.2 การสร้างสัมพันธภาพเพื่อการบำบัด
ประเภทของสัมพันธภาพ
สัมพันธภาพทางสังคม (Social relationship) เป็นสัมพันธภาพที่เกิดขึ้นในสังคมทั่วไป เพื่อตอบสนองเพื่อสนองความต้องการในการติดต่อ รวมกลุ่มอยู่ด้วยกัน
1.ไม่มีการกำหนดจุดมุ่งหมายในการสร้างสัมพันธภาพ
สัมพนัธภาพเป็นไปตามความพึงพอใจทั้ง 2 ฝ่าย
2.ผู้ติดต่อมีการให้และรับซึ่งกันและกัน อย่างทัดเทียม
3.ไม่มีกำหนดเวลาแน่นอนที่จะสิ้นสุดความสัมพันธ์
4) ลักษณะของสัมพันธภาพจะเป็นไปตามกฎเกณฑ์ ระเบียบวิธีของแต่ละท้องถิ่น แต่ละสังคม
สัมพันธภาพแบบวิชาชีพ (Professional relationship)เป็นสัมพันธภาพระหว่างผู้ประกอบวิชาชีพและผู้รับบริการทางวิชาชีพ
1.มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือผู้รับบริการ (Goal directed)
Helping เป็นสัมพันธภาพที่พยาบาลมุ่งให้ความช่วยเหลือผู้รับบริการเป็นสำคัญ
Process dynamic เป็นกระบวนการที่มีขั้นตอน มีการประเมินผลเป็นระยะ
Action-oriented การสร้างสัมพันธภาพจะนำปฏิกิริยาของผู้รับบริการมาเป็นแนววิเคราะห
Satisfaction gain ความพอใจของพยาบาลอยู่ที่ว่าผู้รับบริการได้รับการเรียนรู้และพัฒนาบุคลิกภาพ
และพัฒนาความสามารถในการสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่นและกลับเข้าสู่สังคมได้
Terminated-relationship เป็นสร้างสัมพันธภาพที่มีการเริ่มต้นและการสิ้นสุด ภายหลังจากบรรลุ
วัตถุประสงค
เป้าหมายในการสร้างสัมพันธภาพเพื่อการบำบัด
เพื่อให้โอกาสผู้รับบริการได้ระบายความรู้สึกไม่สบายใจ
เพื่อให้ผู้รับบริการรู้จักตนเองอย่างถูกต้อง ยอมรับตนเอง
เพื่อให้ผู้รับบริการสามารถสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่นได้
เพื่อให้ผู้รับบริการเข้าใจปัญหาของตนเองได้ตรงตามความเป็นจริง
เพื่อให้ผู้รับบริการเกิดการเรียนรู้และพัฒนาการปฏิบัติตนที่เหมาะสม
ระยะของสัมพันธภาพเพื่อการบำบัด
ระยะเริ่มต้นสัมพันธภาพ (Orientation/Initiating Phase)
1.แนะนำตัวให้ รู้จักว่าเป็นใคร มาจากไหน ทำอะไร
2.กำหนดข้อตกลง ได้ แก่ บอกวัตถุประสงค์ วัน เวลาและสถานที่ในการสนทนาแต่ละครั้ง
เป้าหมาย : ผู้ป่วยไว้วางใจพยาบาล
ระยะแก้ไขปัญหา (Working Phase)
-ร่วมกับผู้ป่วยในการวิเคราะห์ หาสาเหตุและกลไกของปัญหาต่าง ๆ
-ร่วมกับ ผู้ป่วยหาวิธี แก้ไขปัญหา หรือปรับปรุงพฤติกรรมให้เหมาะสม
นำแผนการแก้ไขปัญหาไปปฏิบัติ
เป้าหมาย : ผู้ป่วยเข้าใจและแก้ปัญหาของตนเองได้
ระยะยุติสัมพันธภาพ (Terminating Phase) เป็นระยะที่คลี่คลายปัญหาได้แล้ว และส่งเสริมความเชื่อมั่นในตนเองในการ ตัดสินใจและปรับตัว
ปฏิกิริยาจากการพรากจาก (Separate anxiety)
1.พยาบาลอาจรู้สึกเศร้า เพราะผูกพันธ์กับผู้รับบริการ
2.ด้านผู้รับบริการ
-แสดงพฤติกรรมถดถอย ได้แก่ แสดงพฤติกรรมให้เห็นว่า ผู้รับบริการรับผิดชอบตนเองไม่ได้ หรือแสดง
อาการต่างๆ เหมือนเมื่อเริ่มต้นสร้างสัมพันธภาพ
-แสดงพฤติกรรมโกรธ ได้แก่ แสดงความโกรธออกมาเป็นคำพูด แสดงออกของความไม่สนใจในท่าทีของ
พยาบาล
3.3 เทคนิคการสื่อสารเพื่อการบำบัด
เทคนิคที่ช่วยส่งเสริมให้ผู้รับบริการหรือผู้มาขอความช่วยเหลือรู้สึกว่าตนเองมีค่า
Giving Information การให้ข้อมูลข่าวสาร ข้อเท็จจริงแก่ผู้รับบริการเช่น “ดิฉันชื่อ เป็นพยาบาลประจำตึกนี้ มีหน้าที่ช่วยเหลือดูแลคุณ”
Giving Recognition การให้ความสำคัญ แสดงให้เห็นว่า พยาบาลรู้จักผู้รับบริการ
Offering - Self การเสนอตนเองเพื่ออยู่เป็นเพื่อนผู้รับบริการยามทุกข์เช่น “ดิฉันจะนั่งเป็นเพื่อนคุณสักครู่”
เทคนิคในการกระตุ้นให้ผู้รับบริการเป็นฝ่ายนำการสนทนา
Using Broad Opening ใช้คำกล่าวกว้างๆ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้รับบริการเลือกหัวข้อสนทนา เช่น“คุณกำลังคิดอะไรอยู่คะ”
Using General Lead เป็นคำกล่าวที่ช่วยกระตุ้นและจูงใจให้
ผู้รับบริการพูดต่อ เช่น“แล้วอย่างไรต่อไป
ล่ะคะ”
Reflection การสะท้อนความรู้สึก เช่น“น้ำเสียงของคุณ ดูเหมือนว่าคุณยังโกรธพี่ชายของคุณอยู่”
Restating การทวนความ เป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่า พยาบาลกำลังฟังผู้รับบริการพูด และเป็นการเน้นให้
ผู้รับบริการได้ยินและคิดถึงสิ่งที่ตนเองพูดออกมา
Accepting การยอมรับผู้รับบริการ และสิ่งที่ผู้รับบริการพูด
เทคนิคที่ช่วยกระตุ้นผู้รับบริการให้ผู้รับบริการพูดระบายความรู้สึก
Sharing Observation คือ การบอกกล่าวสิ่งที่พยาบาลสังเกตเห็นได้ในตัวผู้รับบริการ
Acknowledge the Patient’s Feeling รับรู้ความรู้สึกของผู้รับบริการ
Questioning การถาม ควรจะถามเป็นประโยค
ปลายเปิดมากกว่าปลายปิด (Open – Ended Question)
Actively Listening การฟังอย่างตั้งใจ
Using Silence การเงียบ การกระตุ้นให้ผู้รับบริการสื่อสาร
เมื่อต้องการให้ผู้รับบริการมีการ
พิจารณาว่าเขาพูดอะไรออกไป
เทคนิคที่ช่วยให้พยาบาลมีความเข้าใจตรงกันกับผู้รับบริการ
Clarifying การให้ความกระจ่าง
Validating
คือ การตรวจสอบว่าความเข้าใจของพยาบาลถูกต้อง
ตรงกับความต้องการความรู้สึกของ ผู้รับบริการหรือไม่
เทคนิคที่กระตุ้นให้ผู้รับบริการคิดไตร่ตรองเรื่องราวของเขาใหม่
Exploring การสอบถามเพื่อให้ได้ข้อมูลกระจ่างขึ้น
Focusing เป็นการมุ่งประเด็นไปที่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง
Encouraging Evaluation การกระตุ้นให้ผู้รับบริการได้ประเมินตัวเอง
Giving Feedback การให้ข้อมูลย้อนกลับ เป็นการช่วยให้บุคคลตระหนักรู้ว่าพฤติกรรมของเขามี
ผลกระทบต่อผู้อื่นอย่างไร
Voicing Doubt การตั้งข้อสงสัยหรือแสดงความสงสัยในสิ่งที่ผู้รับบริการเล่า
Giving Suggestion การให้คำแนะนำ
Presenting Reality การบอกสภาพความเป็นจริงเพื่อให้ผู้รับบริการพิจารณาให้ชัดเจน
Summarizing การสรุปข้อความเมื่อผู้รับบริการพูดจบแล้ว เป็นการกล่าวสรุปเพื่อให้ผู้รับบริการได้ยิน
สิ่งที่เขาเล่ามาทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง
องค์ประกอบสำคัญของเทคนิคการสื่อสารเพื่อการบำบัด
สถานที่ที่ใช้ในการพบผู้รับบริการ (setting)
ระยะเวลาในการพบผู้รับบริการ(times)
การจัดท่านั่ง (seating arrangement)
ระยะระหว่างบุคคล (personal space)
นางสาวสุกัญญา เส้งสุก 62122301084 เลขที่ 84