Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ข้อบังคับสภาการพยาบาล ว่าด้วยข้อจำกัดและเงื่อนไขในการประกอบวิชาชีพการพยาบ…
ข้อบังคับสภาการพยาบาล
ว่าด้วยข้อจำกัดและเงื่อนไขในการประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ พ.ศ.2564
หมวด 1 บททั่วไป
ข้อ 4
การรักษาโรคเบื้องต้น = กระบวนการประเมินภาวะสุขภาพเพื่อการแก้ปัญหา ความเจ็บป่วย บรรเทาความรุนแรง หรืออาการของโรค เพื่อให้ผู้ป่วย พ้นภาวะการเจ็บป่วยหรือภาวะวิกฤต
การเจ็บป่วยฉุกเฉิน = การได้รับบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วยกะทันหันซึ่งเป็นอันตรายต่อการดำรงชีวิต และอวัยวะสำคัญ จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที รวมถึง การปฐมพยาบาล การปฏิบัติและการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินและวิกฤต ตั้งแต่จุดเกิดเหตุ หรือจุดแรกพบผู้ป่วย จนกระทั่งผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ถูกวิธีจากผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เพื่อป้องกัน การเสียชีวิต หรืออาการรุนแรงขึ้นจากการบาดเจ็บ หรืออาการป่วยนั้น
การเจ็บป่วยวิกฤต = การเจ็บป่วยที่มีความรุนแรงถึงหรือที่มีผลต่อชีวิตหรือการทำงานของอวัยวะสำคัญถึงขั้นที่อาจทำให้ผู้ป่วยถึงแก่ชีวิตหรือพิการได้
การปฐมพยาบาล = การให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่บาดเจ็บหรือเจ็บป่วย โดยดูแล เพื่อบรรเทาอาการหรือป้องกันมิให้ภาวะนั้นเลวลง หรือเพื่อส่งเสริมการฟื้นหาย ก่อนได้รับการช่วยเหลือ จากผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค = กระบวนการที่ทำให้ร่างกายสร้าง หรือเกิดภูมิคุ้มกัน หรือมีภูมิต้านทานต่อโรคที่ต้องการ โดยการให้วัคซีน
หมวด 2
การประกอบวิชาชีพการพยาบาล
ส่วนที่ 1 การพยาบาล
ข้อ 5 ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง กระทำการพยาบาลโดยใช้กระบวนการพยาบาล
5.1)การกระทำต่อร่างกายและจิตใจของบุคคล
5.2)การสอน การแนะนำ การให้คำปรึกษาและการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพอนามัยการวางแผนการดูแลต่อเนื่อง
5.3)การจัดสภาพแวดล้อมเพื่อการส่งเสริมสุขภาพ
5.4)การปฏิบัติการพยาบาลตามแผนการพยาบาล
5.5)การให้พยาบาลที่บ้านและส่งเสริมความสามารถของบุคคล
ข้อ 6 จะให้ยาผู้รับบริการได้เฉพาะที่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งเป็นผู้บำบัดโรคได้ระบุไว้ในแผนการรักษา
6.1)ห้ามให้ยา หรือสารละลายในช่องรอบเยื่อบุไขสันหลัง ช่องไขสันหลังสายสวนทางหลอดเลือดดำส่วนกลาง และช่องทางอื่นๆที่กำหนด
6.2)ห้ามให้ยา หรือสารละลาย หรือสารที่เกี่ยวข้องกับรังสีวินิจฉัย และยาอื่นตามที่กำหนด
ข้อ 7 ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นสอง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและ การผดุงครรภ์ ชั้นสอง ให้กระทำการพยาบาลที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนตามแผนการพยาบาล ในกรณีที่เป็นปัญหา ยุ่งยาก ซับซ้อน หรือเป็นการเจ็บป่วยฉุกเฉิน หรือวิกฤต จะทำการประกอบวิชาชีพการพยาบาลได้ จะต้องกระทำร่วมกับผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นหนึ่ง หรือผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและ การผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง
ข้อ 8 ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นสอง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นสอง จะให้ยาผู้รับบริการได้เฉพาะการให้ยาทางปากและยาภายนอก ตามที่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งเป็นผู้บำบัดโรคได้ระบุไว้ในแผนการรักษาหรือเมื่อเป็นการปฐมพยาบาล และห้ามให้ยาในชนิด และช่องทางตามที่สภาการพยาบาลประกาศตามข้อ 6.1 และ 6.2
ส่วนที่ 2 การทำหัตถการ
ข้อ 9 ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง กระทำการพยาบาลโดยการทำหัตถการตามขอบเขตที่กำหนด ดังนี้
9.1)การทำแผล การเย็บแผลขนาดลึกต้องไม่เกินชั้นเนื้อเยื่อไขมันใต้ผิวหนัง ไม่อยู่ในตำแหน่งซึ่งเป็นอันตรายต่ออวัยวะสำคัญ โดยใช้ยาระงับความรู้สึกเฉพาะที่หรือการตัดไหมในตำแหน่งที่ไม่เป็นอันตราย การดูแลรักษาบาดแผลไหม้ แผลน้ำร้อนลวก หรือสารเคมี ไม่เกินระดับ ๒ ของแผลไหม้
9.2)การผ่าตัดเอาสิ่งแปลกปลอม การผ่าฝี การผ่าตัดตาปลา การเลาะก้อนใต้ผิวหนังในบริเวณที่อยู่ในตำแหน่งซึ่งไม่เป็นอันตรายต่ออวัยวะที่สำคัญของร่างกาย
9.3)การถอดเล็บ การจี้หูดหรือจี้ตาปลา โดยใช้ยาระงับความรู้สึกทางผิวหนังหรือฉีดยาชาเฉพาะที่
9.4)การให้ออกซิเจน
9.5)การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ ในผู้ป่วยที่มีภาวะวิกฤต
9.6)การให้ยา ทางปาก ทางผิวหนัง ทางหลอดเลือดดำ หรือช่องทางอื่นๆ
9.7)การให้เลือด
9.8)การเปิดทางเดินหายใจให้โล่งด้วยการดูดเสมหะ การเคาะปอด
9.9)การช่วยฟื้นคืนชีพ(CPR)
9.10)การเช็ดตา ล้างตา หยอดตา ป้ายตา ปิดตา หรือการล้างตา
9.11)การสอดใส่สายยางลงไปในกระเพาะอาหารหรือล้างกระเพาะอาหารในรายที่กินสารพิษ หรือตามแผนการรักษาของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
9.12)การสวนปัสสาวะ หรือการเปลี่ยนสายสวนปัสสาวะ ในรายที่ไม่มีความผิดปกติ ของระบบทางเดินปัสสาวะ
9.13)การสวนทางทวารหนัก ในรายที่ไม่มีข้อบ่งชี้อันตราย
9.14)การดาม หรือการใส่เฝือก ชั่วคราว
9.15)การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม
9.16)การเจาะเก็บตัวอย่างเลือดจากหลอดเลือดดำ หรือสารคัดหลั่ง เพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ
9.17)หัตถการอื่น ๆ
หมวด 3 การรักษาโรคเบื้องต้นและการให้ภูมิคุ้มกันโรค
ข้อ 10 ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ให้กระทำการประกอบวิชาชีพการพยาบาลตามข้อกำหนดของสภาการพยาบาลในการรักษาโรค เบื้องต้นและการให้ภูมิคุ้มกันโรค
ข้อ 11ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ที่ผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
11.1)การพยาบาลเฉพาะทาง
11.2)ผู้ผ่านการอบรมหลักสูตร และได้รับหนังสืออนุมัติหรือวุฒิบัตร ที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
11.3ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและ การผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ตามข้อ 11.1 และข้อ 11.2 นอกจากปฏิบัติตามข้อ 9 และข้อ 10 ได้แล้ว สามารถทำการพยาบาล การรักษาโรคเบื้องต้นและหัตถการ ในสาขาที่ผ่านการศึกษา ฝึกอบรม
ข้อ 12 ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ต้องกระทำการรักษาโรคเบื้องต้นตามข้อกำหนดของสภาการพยาบาลในการรักษาโรคเบื้องต้น และการให้ภูมิคุ้มกันโรคโดย
12.1)ตรวจวินิจฉัยและบำบัดรักษาโรค
12.2)ให้ส่งผู้ป่วยไปรับการบำบัดรักษาจากผู้ประกอบวิชาชีพอื่น เมื่อตรวจพบหรือพิจารณาแล้วเห็นว่าอาการไม่บรรเทา
ข้อ 13 ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและ การผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ถ้าจำเป็นต้องใช้ยาให้ใช้ยาได้ตามคู่มือการใช้ยาที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
ข้อ 14 ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและ การผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ในการให้ภูมิคุ้มกันโรค ต้องปฏิบัติตามแนวทางการให้ภูมิคุ้มกันโรค ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
ข้อ 15 ต้องมีบันทึกรายงานเกี่ยวกับประวัติของผู้ป่วย ตามแบบของสภาการพยาบาล เก็บบันทึกและรายงานไว้เป็นหลักฐานเป็นเวลา 5 ปี
หมวด 4 การประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์
ส่วนที่ 3 การพยาบาลมารดาและทารก ระยะหลังคลอด
ข้อ 26 ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ให้การพยาบาลกับมารดาหลังคลอดอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน โดยเฉพาะภาวะ ตกเลือดหลังคลอด และหรืออาการอื่นที่อาจจะเกิดขึ้น
ข้อ 27 ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง จะต้องใช้ยาทำลายและป้องกันการติดเชื้อสำหรับหยอดตา หรือป้ายตาทารกแรกเกิดทันที
ข้อ 28 การพยาบาลทารกแรกเกิด และให้มารดาได้สัมผัสโอบกอดทารกและเริ่มให้ดูดนมจากมารดาภายในชั่วโมงแรกหลังคลอด
ข้อ 29 ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่งจะต้องบันทึกรายงานเกี่ยวกับหญิงตั้งครรภ์ ตามแบบของสภาการพยาบาลและต้องเก็บบันทึก รายงานไว้เป็นหลักฐาน เป็นระยะเวลา 5 ปี
ข้อ 30 ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นสอง และผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นสองให้ทำการพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ในสถานพยาบาลและการเยี่ยมบ้านที่ไม่ยุ่งยาก ซับซ้อน แต่เมื่อทำงานร่วมกับบผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ห้ามไม่ให้ทำในกรณีที่เป็นปัญหายุ่งยาก ซับซ้อน หรือตรวจพบความผิดปกติ
ส่วนที่ 4 การวางแผนครอบครัวและการคัดกรองมารดาทารก
ข้อ 31 ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง สามารถทำการพยาบาล และการวางแผนครอบครัว
31.1)แบบวิธีธรรมชาติ/การคุมกำเนิดด้วยวิธีธรรมชาติไม่ต้องใช้ยาหรืออุปกรณ์
31.2 แบบใช้ยาหรืออุปกรณ์
ข้อ 32 ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง สามารถทำการคัดกรองมารดาทารก
32.1)การทำ Pap smear
32.2)การประเมินภาวะสุขภาพ ความผิดปกติและความพิการของทารก
ข้อ 33 ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นสอง ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นสอง การให้บริการวางแผนครอบครัวแบบใช้ยาหรือใช้อุปกรณ์
33.1)ยาเม็ดคุมกำเนิด
33.2)ถุงยางอนามัย
33.3)วงแหวนคุมกำเนิด
33.4)แผ่นแปะคุมกำเนิด/ยาคุมกำเนิดชนิดแผ่นแปะผิวหนัง
ส่วนที่ 2 การพยาบาลระยะคลอด
ข้อ 19 ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง จะกระทำการผดุงครรภ์ได้แต่เฉพาะรายที่ตั้งครรภ์ปกติ และคลอดอย่างปกติ ตลอดจนการดูแล มารดาและทารกแรกเกิด
ข้อ 20 ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง ให้การผดุงครรภ์หญิงมีครรภ์ ระยะก่อนคลอด
20.1)การประเมินหญิงมีครรภ์
20.2)การตรวจประเมินทารกในครรภ์
20.3)การประเมินความก้าวหน้าของการคลอด
ข้อ 21 การพยาบาลระยะคลอด
21.3)ทำคลอดรก และเยื่อหุ้มทารกโดยใช้วิธี Modified Crede Maneuver
21.6)การประเมินสัญญาณชีพ
21.2)การทำคลอดในรายปกติ เตรียมทำคลอดเมื่อปากมดลูกเปิดสมบูรณ์แล้ว
21.5)การประเมินการเสียเลือด
21.1)การพยาบาลหญิงมีครรภ์ ที่ได้รับการชักนำการคลอด
21.4)การเย็บซ่อมแซมฝีเย็บ
ข้อ 22 การช่วยเหลือผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมทำคลอดในรายที่มีการคลอดผิดปกติ
ข้อ 23 ห้ามผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง กระทำการที่เกี่ยวกับการคลอด
23.1)การเจาะน้ำคร่ำ
23.4)การกลับท่าของทารกในครรภ์
23.5)การใช้มือกดท้องในขณะช่วยทำคลอด
23.2)การทำคลอดที่มีความผิดปกติ
23.3)การล้วงรก
23.6)การเย็บซ่อมฝีเย็บที่มีการฉีกขาดระดับ3
23.7)การทำแท้ง
ข้อ 24 จะทำการช่วยคลอดฉุกเฉินได้เมื่อเห็นว่าถ้าละเลยจะเป็นอันตรายต่อมารดาและทารก แต่ห้ามใช้คีมสูง หรือเครื่องดูดสุญญากาศ หรือทำการผ่าตัด หรือใช้ยารัดมดลูก
ข้อ 25 ในรายที่มีอากาศตกเลือดให้ทำการรักษาอาการตกเลือดเบื้องต้นตามความจำเป็นและส่งต่อทันที
ส่วนที่ 5 การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคแก่มารดา ทารก และเด็ก
ข้อ 35 ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นสอง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
ชั้นสอง ให้คำแนะนำเรื่องการเข้ารับภูมิคุ้มกันโรคและติดตามให้มารับภูมิคุ้มกันโรค
ข้อ 34 ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง จะให้ภูมิคุ้มกันโรค ต้องปฏิบัติตามแนวทางการให้ภูมิคุ้มกันโรคที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด
ส่วนที่ 1 การพยาบาลก่อนการตั้งครรภ์ ระยะตั้งครรภ์
ข้อ 16 ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและ การผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ให้การผดุงครรภ์แก่หญิงและครอบครัว เมื่อต้องการมีบุตร ก่อนการตั้งครรภ์ระยะตั้งครรภ์ ด้วยกระบวนการ ดังนี้
16.1)การตรวจประเมินภาวะสุขภาพของหญิงและคู่สมรสเพื่อวางแผนการมีบุตร
16.2)การตรวจประเมินภาวการณ์ตั้งครรภ์ด้วยเวชภัณฑ์ทดสอบการตั้งครรภ์
16.3) การรับฝากครรภ์
ข้อ 17 แนะนำและส่งต่อหญิงมีครรภ์ให้ได้รับการตรวจและการรักษากับผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
ข้อ 18 ส่งต่อหญิงมีครรภ์กลุ่มเสี่ยงให้ได้รับการรักษาพยาบาลจากผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมหรืส่งต่อไปสถานพยาบาลที่มีความพร้อม เพื่อความปลอดภัยของหญิงมีครรภ์และทารก