Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 3 เครื่องมือในการบําบัด ทางการพยาบาลจิตเวช - Coggle Diagram
บทที่ 3 เครื่องมือในการบําบัด
ทางการพยาบาลจิตเวช
สัมพันธภาพเพื่อการบําบัด
(Therapeutic relationship)
เทคนิคการสื่อสาร
เพื่อการบําบัด
เทคนิคที่ชว่ยส่งเสรมิ
ใหผู้ป่วยรูสึกมีคุณค่า
Giving Information การรู้จัก จําได้เป็นการแสดงให้เห็นพยาบาลร็จักเขาโดยการเรียกเขาได้ถูกต้อง เช่น “ สวัสดีค่ะคุณ…….ดิฉันขอนั่งคุยด้วยนะคะ“
Giving Information การใหข้อมูลข่าวสารเป็นข้อเท็จจริงป็นประโยชน์ต่อผู้ให้บริการ เช่น “ การเข้ารว่ มกลุ่มกิจกรรมบําบัดจะทําให้คุณมีสัมพันธภาพที่ ดีและปรับตัวให้ดีขึ้น
Offering Self เป็นการเสนอตนเองเพื่อใหค้ วามช่วยเหลือทําใหผู้ให้ผู้รับบริการ รู้ว่ายังมีคุณค่า “ ดิฉันจะนั่งเป็นเพื่อนคุณสักครู่“ “ ไปเดินเล่นที่สนามหญ้ากันไหมคะ “
Accepting การยอมรับผู้รับบริการและสิ่งที่ผู้รับบริการพูด อาจแสดงออกด้วยท่าทาง น้ำเสียง หรือคำพูด เช่น การพยักหน้า การฟังโดยไม่โต้แย้ง ไม่คัดค้าน ไม่แก้ตัวแทนบุคคลที่ผู้รับบริการกล่าวถึงตลอดจนใช้คำพูด
เทคนิคที่กระตุ้นให้ผู้ป่วยระบาย
ความคิดและความรู็สึก
Open-ended question เป็นคําถามปลายเปิดที่มีคําตอบได้หลากหลาย มักใช้ในการสอบถามเบื้องต้น ในระยะแรกๆของการสัมภาษณ์ ที่ยังไม่แน่ใจว่าจะตอบอย่างไร เช่น “ขณะนี้มีอะไรที่รบกวนจิตใจบ้าง ” “หลังจากเหตุการณ์นี้เห็น ตัวเองเปลี่ยนไปอย่างไร” “อยากให้หมอช่วยเรื่องอะไร” “เรื่องอะไรที่ทำให้ไม่สบายใจ”
Exploring เป็นการสอบถามเพื่อให้ได้ข้อมูล/ปัญหา/รายละเอียดเกี่ยวกับผู้รับบริการและเรื่องราวของเขามากขึ้นเพื่อที่จะทำความเข้าใจในเรื่องราวของเขามากขึ้น เช่น “คุณมาโรงพยาบาลด้วยอาการอะไร” ที่คุณบอกว่านอนไม่หลับมันเป็นอาการอย่งไรอธิบายสักนิด
Restating เป็นการพูดทวนเนื้อหาหรือใจความสําคัญในสิ่งที่ผู้รับบริการพูด อาจจะทวนซ้ำทั้งหมดหรือเฉพาะข้อความสำคัญเพื่อให้ผู้ได้ทบรับบริการทวนทำความเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดอีกครั้ง ทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้ผู้รับบริการได้เล่าเรื่องราวของเขาต่อไป เช่น “แม่ไม่สนใจฉันเลย” พยาบาล “คุณบอกว่าแม่ไม่สนใจคุณ”
Making Observation or Sharing Observation การบอกในสิ่งที่พยาบาลสังเกตเห็นเกี่ยวกับตัวผู้รับบริการให้ผู้รับบริการทราบเพื่อแสดงว่ พยาบาลใส่ใจ / สนใจเขาและช่วยให้ผู้รับบริการสำรวจตนเองและเข้าใจตนเองมากขึ้นทั้งยังช่วยให้ผู้รับบริการพูดถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเขา เช่น “คุณกำมือแน่นเมื่อพูดถึง เรื่องคุณพ่อของคุณ” ท่าทางคุณดูเครียด
Using Silence เป็นการใช้ความเงียบ คือ การนั่งฟังโดยไม่แสดงความคิดเห็นโต้ตอบ ถ้าใช้ได้อย่างถูกจังหวะ และอย่างมีความหมาย จะช่วยกระตุ้นให้ผู้ใช้บริการพูดระบายความรู้สึกและเกิดความคิดออกมาได้ ความเงียบใช้อย่างถูกต้องจะมีประโยชน์มากกว่าคําพูดปลอบใจที่ไรค้ วามหมาย
Active Listening เป็นการฟังอย่างตั้งใจ ทักษะอย่างหนึ่งที่ผู้ฟังจะทําความเข้าใจในความความรู้สึกของผู้พูด โดยตีความหมายจากคําพูดและอากัปกิริยาของผู้พูด แล้วผู้ฟังสื่อสารด้วยคําพูดของผู้ฟังเอง ให้ผู้พูดทราบว่าผู้ฟังเข้าใจคําพูดและความรู้สึกของผู้พูดอย่างไร
เทคนิคกระตุ้นผู้ป่วยเป็นนฝ่ายนํา ในการสนทนาหรอืกําลังทําให้ สนทนาดําเนินต่อไป
Giving Broad Openings การใช้คำกล่าวกว้างๆเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้รับบริการเป็นฝ่ายเริ่มต้นในการสนทนาเลือกหัวข้อในการสนทนาหรอืเลือกคํา พูดในสิ่งที่คิดหรือไม่สบายใจอยู่ เช่น “ คุณกําลังคิดอะไรอยู่ ”
Giving Broad Openings การใช้คำกล่าวกว้างๆเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้รับบริการเป็นฝ่ายเริ่มต้นในการสนทนาเลือกหัวข้อในการสนทนาหรอืเลือกคํา พูดในสิ่งที่คิดหรือไม่สบายใจอยู่ เช่น “ คุณกําลังคิดอะไรอยู่ ”
Reflecting การสะท้อนคําพูดของผู้ให้บริการกล่าวซ้ำความหมายของ ข้อความที่ผู้ให้บริการพูด เช่น “ ผู้ให้บริการพูดว่าผมกลับไปบ้านก็ไม่มีความหมายไม่มีใครสนใ จหรอก พยาบาลตอบว่าคุณ” “ บอกว่าคุณไม่มีความหมายสำหรับที่บ้าน ”
Using General lead เป็นการพูดเพื่อกระตุ้นให้ผู้รับบริการพูดต่อหรือแสดงออกว่า เรากำลังฟัง สนใจในสิ่งที่ผู้รับบริการพูดและอยากให้เขาพูดต่อ เช่น “ค่ะ แล้วอย่างไรต่อคะ”
Acceptance เป็นนการยอมรบัสิ่ง ที่ผู้ให้บริการพูดหรือแสดงพฤติกรรมออกมาด้วยท่าทางที่เต็มใจเข้าใจ ไม่โต้แย้งแต่ไม่ใช่การมองเห็น ด้วยว่า เป็นความจรงิตามที่เขาคิดหรือพูด ทุกประการ
เทคนิคที่จะช่วยให้พยาบาลและผู้ป่วยเข้าใจตรงกัน
Clarifying or Seeking Clarification เป็นการขอความกระจ่าง คือการขอคําอธิบายเพิ่มเติม ในกรณีที่ผู้รับบริการพูดคลุมเครือหรือมีความหมายไม่ชัดเจน เพื่อที่จะสามารถเข้าใจเรื่องราวของผู้รับบริการได้อย่างถูกต้อง ทั้งยังช่วยให้ผู้รับบริการเกิดความเข้าใจตนเองมากขึ้นด้วย เช่น “ที่คุณพูดว่า.......คุณหมายความว่าอย่า งไร”
Validating or Seeking Consensual Validation เป็นการตรวจสอบว่าความเข้าใจของพยาบาลตรงกับความคิด ความรูสึกหรอื ความต้องการของผู้รับบริการหรือไม้ เช่น “เขาที่คุณพูดถึงนั้นหมายถึงสามีของคุณ”
เทคนิคที่จะช่วยให้ผู้ป่วยคิดไตร่ตรองเรื่องราวของเขาใหม่
Presenting Reality การให้ความจริงแก่ผู้รับริการในกรณีที่ผู้รับบริการมีความคิดหรือการรับรู้ที่ผิดไปจากความเป็นจริง
Focusing การมุ่งความสนใจให้อยู่ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งผู้รับบริการให้รายละเอียดในบางประเด็นกระจ่าง
Voicing doubt การตัง ข้อสงสัย ตรวจสอบความแน่ใจ
Encouraging Evaluation การให้ผู้รับบริการประเมิรความรู้สึกด้วยตนเอง
Summarizing การสรุปเนื้อหา/สรุปความด้วยคําพูดสั้น ๆ เพื่อให้ได้ใจความทั้งหมด หรือสรุปประเด็นการสนทนา
กระบวนการ/ขั้น ตอนในการสร้างสัมพันธภาพเพื่อการบําบัด
ขั้นดำเนินการแก้ไข (Working phase)
ปัญหาที่เกิดขึ้น
ความรู้สึกพึ่งพาของผู้รับบริการ (dependency)
ความวติ กกังวลเห็นใจพบในพยาบาล (Sympathy)
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินปัญหาและพิจารณาปัญหาหลักและปัญหารอง
กระตุ้นให้ผู้ป่วยคิดแะแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง
เปิดโอกาสให้ผู้รับบริการได้พูดระบายความรู้สึกและปัญหา
ส่งเสริมให้ผู้ป่ยเข้าใจตนเองได้อย่างถูกต้อง
เตือนย้ำระยะเวลาที่เหลืออยู่
ขั้นสิ้นสุดสัมพันธภาพ (Termination phase)
กิจกรรมพยาบาล
สร้างความรู้สึกให้ยอมรับความจริงในการพรากจาก
ประเมินความรู้สึกและพฤติกรรมพรากจาก
ปัญหาที่่เกิดขึ้น
ผู้รับบริการไม่ให้ความรร่วมมือในการรักษาพยาบาล
ผู้รับบริการเกิดความรู้สึกและแสดงปฏิกิริยาว่าถูกทอดทิ้ง เสียใจ ไม่เป็นมิตร
ขั้นเริ่มต้นสร้างสัมพันธภาพ (Orientation phase)
ปัญหาที่เกิดขึ้น
ความวิตกกังวทั้งในตัวผู้รับบริการและพยาบาล
ทดสอบความจริงใจ
การปฏิเสธการสนทนา
กิจกรรมการพยาบาล
ทำความรู้จักซึ่งกันและกัน
ลดความวิตกังวล
สร้างความเชื่อถือไว้วางใจในตัวพยาบาล
วางแผนสิ้นสุดสัมพันธภาพ
ขอบเขตสัมพันธภาพระหว่าพยาบ
าลและผู้ป่วยในเชิงบําบัด
ลักษณะของสัมพันธภาพเพื่อการบำบัด
1.เวลา (Time) : ไม่ควรเกิน 1 ชั่วโมง
2.บรรยากาศ :เงียบ สงบมีความเป็นส่วนตัว ไม่มีเสียงดังรบกวน
3.ระยะห่างระหว่างบุคคล : ควรจัดให้เหมาะสม ไม่ใกล้จนเกินไป
4.สถานที่ (Setting) : มีสัดส่วนเป็นส่วนตัวจะช่วยทําให้
ผู้รรับบริการมีความสะดวกใจในการเปิดเผยตนเอง
5.การจัดท่านั่ง (Seating Arrangement) : ไม่นั่งใกล้ชิดจนเกินไป อาจทําให้เกิดความอึดอัดนั่งในลักษณะเป็นมุม 90 องศา
6.บุคลิกภาพของพยาบาล : ผ่อนคลายมากที่สุด, ใช้คำถามปลายเปิด, ไม่มีการจดบันทึกข้อมูล, ไม่หลบตาไปมา, เวลาให้เหมาะสม เต็มที่
ข้อควรคำนึงในการสนทนากับผู้รับบริการ
1.กำหนดแนวทางในการสร้างสัมพันธภาพ
2.หลีกเลี่ยงการสัมผัสร่างกายผู้รับบริการ เช่น การกอด การสัมผัสต้นขาด้านใน
3.การรักษาความลับ ยกเว้นการส่งเวร
4.การเปิดเผยข้อมูลของพยาบาล ตอบตามความเป็นจริงเท่าที่จำเป็น
5.การตอบรับสิ่งตอบแทน ไม่ควรรับสิ่งตอบแทนเพราะอาจเกิดสัมพันธภาพเชิงสังคม
6.ไม่ควรพบกันในลักษณะสัมพันธภาพเชิงสังคม