Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยยาทางจิตเวช - Coggle Diagram
การพยาบาลผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยยาทางจิตเวช
หลักการใช้ยาทางจิตเวชอย่างสมเหตุสมผล ประกอบด้วย
Right time and duration
ใช้ยาให้ถูกมื้อโดยยาทีทำให้ง่วง
Right route of administration
เลือกวิธีบริหารยาทีเหมาะสม
Right choice for patients and preference
ใช้ยาให้ตรงกับความพึงพอใจของผู้ป่วย
Right drug
เลือกใช้ยาให้ถูกชนิดและเหมาะสมกับอาการของผู้ป่วย
Right for economic reason
เลือกใช้ยาให้เหมาะสมกับเศรษฐานะของผู้ป่วย
Right diagnosis
เลือกใช้ยาให้ตรงกับอาการและการวินิจฉัย
Right dose
ใช้ยาในขนาดที่เหมาะสม
ยาทางจิตเวช สามารถจัดเป็นกลุ่มที่สำคัญ ได้ 6 กลุ่ม
ยาคลายกังวล (Antianxiety Drugs/Anxiolytic Drugs/Minor Tranquillizers)
ยาควบคุมอารมณ์ (Mood Stabilizing Drugs/Antimanic Drugs)
ยารักษาอาการซึมเศร้า (Antidepressant Drugs)
ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้กับยารักษาอาการซึมเศร้าทุกกลุ่ม
1.1 ปากแห้ง (Dry mouth)
1.1 แนะนำให้ผู้ป่วยอมก้อนน้ำแข็งหรือจิบน้าบ่อยๆ
1.2 ง่วงซึม (Sedation) โดยเฉพาะ เมื่อได้รับยา Amitriptyline และ Mianserin
1.2 แพทย์อาจให้เป็นยาก่อนนอนและแนะนำผู้ป่วย อย่าขับรถหรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรที่อาจเกิดอันตรายจากการง่วงซึม
1.3 คลื่นไส้ (Nausia)
1.3 ผู้ป่วยรับประทานยาพร้อมอาหารเพื่อลดอาการระคายเคืองของกระเพาะอาหาร
ยาลดอาการข้างเคียงของยาทางจิตเวช (Anticholinergic Drugs/Antiparkinson Drugs)
การพยาบาล
อธิบายคุณสมบัติของยาและวิธีรับประทานยาว่า ควรรับประทานเมื่อใด หากไม่มีอาการไม่จ้าเป็นต้องรับประทาน
ควรให้รับประทานยาหลังอาหารทันทีเพื่อป้องกันการรบกวนกระเพาะอาหาร
ควรสังเกตอาการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากการใช้ยา เช่น การทรงตัว การพูด และความสามารถในการดูแลตนเองของผู้ป่วย
ระมัดระวังอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้จากาการ ตามัว เดินเซ เดินไม่ตรงทาง เป็นต้น
สังเกตและประเมินผลหลังให้ยา เพื่อจะได้ช่วยเหลือทันทีที่มีปัญหา
รายงานแพทย์ทันที่พบปัญหาที่เกิดขึ้นหลังจากได้รับยา
ควรให้คำแนะนำผู้ป่วยและญาติ ดังนี้
7.1 ดื่มน้ำให้เพียงพอหรืออมลูกอมเพื่อลดอาการปากแห้ง
7.2 ควรหลีกเลี่ยงการขี่พาหนะ การควบคุมเครื่องจักร เพราะผู้ป่วยมักง่วงนอน และตาพร่า
7.3 ควรรายงานอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้น
7.4 ตรวจร่างกายสม่ำเสมอ โดยเฉพาะตรวจตา
7.5 ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และลดอาหารที่มีโปรตีนสูง
ยารักษาโรคจิต (Antipsychotic Drugs/Major Tranquillizers)
ผลข้างเคียงของยาและการพยาบาล
Extrapyrmidal Symptoms (EPS) ทำให้เกิดเกิดความผิดปกติทางการเคลื่อนไหว ดังนี้
1.1 Pseudoparkinsonism/Parkinsonism มีอาการเหมือนกับคนเป็นโรค Parkinson เช่น การเคลื่อนไหวช้า (Akinesia) เดินขาลาก มีอาการสั่น (Tremor) กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง (Rigidity) สีหน้าเฉยเมยไม่แสดงความรู้สึกเหมือนใส่หน้ากาก (Mask Face) กลืนน้าลายไม่ลง ทำให้มีน้าลายเต็มปาก
1.2 Acute Dystonia ผู้ป่วยจะมีอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ (Muscle Spasm) คอบิดไปข้างใดข้างหนึ่งหรือลำตัวบิดไปด้านข้าง กล้ามเนื้อที่หน้ากระดุก ขากรรไกรแข็ง น้าลายไหล ลิ้นคับปาก พูดไม่ชัด กลืนลำบาก ตาเหลือกขึ้นค้างบนตลอดเวลา หลังแอ่น
1.3 Akathisia เป็นความรู้สึกกระวนกระวาย กระสับกระส่าย อยู่นิ่งไม่ได้ ต้องเคลื่อนไหวตลอดเวลา มือและแขนสั่น มีอาการคล้าย Agitation
Neuroleptic malignant syndrome (NMS) เป็นอาการที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก อาการสำคัญ คือ มีอาการกล้ามเนื้อแข็งเกร็งอย่างรุนแรง
ไข้สูง หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออกมาก ปัสสาวะออกน้อย ความดันโลหิตไม่สม่ำเสมอ ระดับการรู้สึกตัวลดลง อาจเกิดภาวการณ์ทางานของระบบหายใจล้มเหลว และอาจเสียชีวิตได้
คอยสังเกตการ ถ้าพบรีบรายงานแพทย์ทราบเพื่อให้การช่วยเหลือ
ยารักษาอาการชัก (Anticonvulsant Drug)
ยาคลายกังวล (Antianxiety Drugs/Anxiolytic Drugs/Minor Tranquillizers)
ง่วงนอน
เดินเซ
ข้อ 1 และ 2 แนะนำผู้ป่วยไม่ให้ขับรถในระยะที่ใช้ยานี้ หรือผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกลต้องระมัด ระวัง เพราะยาอาจทำให้เกิดอาการเชื่องช้า จะเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยได้
หลงลืมเหตุการณ์ช่วงใกล้ๆ ที่เกิดขึ้นก่อนการใช้ยา แต่เหตุการณ์ในอดีตจำได้ (Anterograde amnesia)
ให้ข้อมูลกับผู้ป่วยว่าอาจมีหลงลืมได้บ้าง
ยาควบคุมอารมณ์ (Mood Stabilizing Drugs/Antimanic Drugs)
ผลข้างเคียงของยา
Early Side Effects เป็นอาการที่เกิดขึ้นในช่วงแรกที่ได้ยา ได้แก่
1.1 ระบบทางดินอาหารถูกรบกวน เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ปวดท้อง ท้องเสีย
1.2 กล้ามเนื้ออ่อนแรงและอ่อนเพลีย
1.3 มือสั่น โดยเฉพาะเวลาเขียนหนังสือ
1.4 ปากแห้ง กระหายน้ำ
Late Side Effects เป็นอาการที่เกิดขึ้นเมื่อใช้ยาเป็นเวลานาน ได้แก่
2.1 อาการมือสั่น
2.2 ระหายน้ำและปัสสาวะบ่อยมากกว่าระยะแรก
2.3 บวมและมีน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น จากการเพิ่มปริมาณน้ำในร่างกายและการเปลี่ยนแปลงของการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต
2.4 อาจมีภาวะแทรกซ้อนของ Hypothyroidism หรือ Goiter
2.5 Leukocytosis
2.6 หัวใจเต้นผิดจังหวะ
ยารักษาอาการชัก (Anticonvulsant Drug)
Lithium
ชื่อยา: Lithium
รูปแบบยา: ยาแคปซูล ขนาด 300 mg
วิธีการบริหารยา: รับประทาน
ขนาดยา: Bipolar disorder
ผู้ใหญ่: 900-2,000 mg/day แบ่งให้วันละ 3-4 ครั้ง
ผู้สูงอายุ: 300 mg วันละ 1-2 ครั้ง ค่อยๆ เพิ่มขนาดครั้งละ 300 mg/day ทุกๆ สัปดาห์ จนตอบสนองต่อยา
เต็มที่
เด็ก 6-12 ปี : 15-60 mg/kg/day แบ่งให้วันละ 3-4 ครั้ง ไม่เกินขนาดที่ให้ในผู้ใหญ่
อาการพิษ: GI complaints, tremor, confusion, somnolence, seizures, death
การแก้ไข การล้างท้องและรักษาตามอาการ เนื่องจากไม่มียาแก้พิษที่เจาะจง (activated charcoal ใช้ไม่
ได้ผลเนื่องจากไม่จับกับ lithium)
การติดตาม: serum lithium ( toxic concentration > 1.5 mEq/L)
การเก็บรักษา: เก็บในภาชนะป้องกันแสงและความชื้น อุณหภูมิไม่เกิน 30°C
Sodium valproate
ชื่อยา: Sodium valproate
รูปแบบยา: ยาเม็ดขนาด 200 mg และ 500 mg, ยาน้ำเชื่อมขนาด 200 mg/5ml
วิธีการบริหารยา: รับประทาน
ขนาดยา:
Seizures: เด็กอายุมากกว่า 12 ปี และผู้ใหญ่ 10-15mg/kg/day แบ่งให้วันละ 1-3 ครั้ง เพิ่มขนาดยาขึ้นได้ครั้งละ5-10 mg/kg/day ต่อสัปดาห์ จนกระทั่งถึงขนาดรักษา
Maintenance dose: 30-60 mg/kg/day ผู้ใหญ่ 1,000-2,500 mg/day
Mania: ผู้ใหญ่ 750-1,500 mg/day แบ่งให้วันละ 2-3 ครั้ง
Loading dose: 20 mg/kg
Maintenance dose: 60 mg/kg/day
Migraine prophylaxis: ใช้ยาเม็ดออกฤทธ์เนิ่นขนาด 500 mg วันละครั้ง นาน 7 วัน แล้วเพิ่มขึ้นเป็น
1,000 mg/day โดยปรับขนาดยาตามการตอบสนองของผู้ป่วย
อาการพิษ: Coma, deep sleep, motor restlessness, visual hallucination
การแก้ไข supportive treatment or hemodialysis
การติดตาม: Liver enzymes, CBC with platelets
การเก็บรักษา: เก็บในภาชนะป้องกันแสงและความชื้น อุณหภูมิไม่เกิน 30°C