Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
สรุปเนื้อหาบทที่ 2 เรื่องดาวฤกษ์, AD021FD0-78DE-46DE-8A7F-C708CDCDB2F6,…
สรุปเนื้อหาบทที่ 2 เรื่องดาวฤกษ์
Link Title
:fire: สเปกตรัม: แยกแแสงดาวของดาวด้วยสเปกโตรมิเตอร์ เรียกว่า "กระบวนการสเปกโตรสโคปี"
:fire: กำลังส่องสว่าง : แปรผันตรงตามความสว่าง แต่แปรผกผันกับระยะห่างของดาว
:fire: ระยะห่างของดาว : ใช้กำลังขยายของกล้องโทรทรรศน์ตรวจวัดมุมแพรัลแลกซ์ เรียกว่า "กระบวนการแอสโตรเมทรี"
:fire: โชติมาตร : บันทึกแสงของดาวด้วย CCD แล้วคำนวณเปรียบเทียบอันดับความสว่าง เรียกว่า
"กระบวนการโฟโตเมทรี
:fire: องค์ประกอบทางเคมี: ได้จากการวิเคราะห์เส้นดูดกลืนและเส้นแผ่รังสีของสเปกตรัม
สมบัติของดาวฤกษ์
:fire:ทิศทางการเคลื่อนที่และความเร็วเชิงเรเดียน : ได้จากการวิเคราะห์ปรากฏการณ์ด็อปเปลอร์
:fire:อุณหภูมิ : ได้จากการวิเคราะห์กราฟแสง หาค่าความยาวคลื่นเข้มสุด (λmax) ด้วยกฎการแผ่รังสีของวีน
การกำเนิดความฤกษ์
:red_flag:ดาวฤกษ์ที่มีมวลมากกว่า 9 เท่า แต่น้อยกว่าหรือเท่ากับ 25 เท่าของมวลดวงอาทิตย์มีสีน้ำเงินเมื่อดาวฤกษ์ใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนหมดดาวฤกษ์จะขยายขนาดขึ้นพร้อมทั้งอุณหภูมิที่ผิวจะลดลงเปลี่ยนจากดาวฤกษ์ที่มีสีค่อนข้างไปทางน้ำเงินไปเป็นดาวยักษ์แดงจากนั้นแก่นของดาวจะยุบตัวลงพร้อมกับเกิดการระเบิดที่เรียกว่าซูเปอร์โนวา แต่ตาวฤกษ์บางตวงอาจจะเปลี่ยนจากดาวยักษ์แดงเป็นดาวยักษ์ใหญ่สีน้ำเงินก่อนจากนั้นแก่นของดาวจะยุบตัวลงพร้อมกับเกิดการระเบิดที่เรียกว่าซูเปอร์โนวาสุดท้ายแก่นของดาวจะยุบตัวเป็นดาวนิวตรอน
:red_flag:ดาวฤกษ์ที่มีมวลมากกว่า 25 เท่าของมวลดวงอาทิตย์มีสีน้ำเงินเมื่อดาวฤกษ์ใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนหมดจะเริ่มการเผาผลาญธาตุที่มีมวลมากขึ้นเป็นลำดับ ได้แก่ ฮีเลียมคาร์บอนนีออนแมกนีเซียมออกซิเจนและสิ้นสุดที่เหล็กจากนั้นแก่นของดาวจะยุบตัวลงพร้อมกับเกิดการระเบิดที่เรียกว่าซูเปอร์โนวาสุดท้ายแก่นของดาวจะยุบตัวเป็นหลุมดำ] :
:red_flag:วิวัฒนาการของดาวฤกษ์มีมวลมากกว่า 0.08 เท่า แต่น้อยกว่าหรือเท่ากับ 9 เท่าของมวลดวงอาทิตย์หรือมวลใกล้เคียงกับดวงอาทิตย์เมื่อใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนหมดแกนกลางของดาวจะยุบตัวเกิดการเผาผลาญฮีเลียมดาวจะขยายขนาดใหญ่ขึ้นเป็นดาวยักษ์แดงเมื่อเชื้อเพลิงฮีเลียมที่แก่นกลางหมดดาวจะยุบตัวลงอีกครั้งต่อมาเมื่อปฏิกิริยาหลอมฮีเลียมสิ้นสุดลงแก่นของดาวยักษ์แดงยุบตัวกลายเป็นดาวแคระขาว ส่วนอื่น ๆ ที่อยู่รอบแก่นไม่ได้ยุบเข้ามารวม แต่กระจายตัวออกสู่อวกาศทำให้เกิดเป็นเนบิวลาดาวเคราะห์
:fire:รัศมีของดาว : ได้จากการแทนค่ากำลังส่องสว่างและอุณหภูมิชองดาว ตามกฏความเข้มพลังงาน ของสเตฟาน-โบลทซ์มานน์
:fire: มวลของดาว: ได้จากการคำนวณความสัมพันธ์ระหว่างคาบวงโคจรและระยะห่างระหว่างดาวสองดวงในระบบดาวคู่