Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับยาทางจิตเวช - Coggle Diagram
การพยาบาลผู้การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับยาทางจิตเวช
ความหมายของการบำบัดรักษาด้วยยาทางจิตเวช
การรักษาผู้ป่วยที่มีอาการทาง
จิต ผู้ป่วยที่มีความแปรปรวนทางด้านจิตใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นโรคจิต โรควิตกกังวล จิตสรีรแปรปรวน ภาวะซึมเศร้า ความแปรปรวนในการใช้สารเสพติด ด้วยสารเคมีที่ออกฤทธิ์ต่อสมองและ
ระบบประสาท ซึ่งควบคุมความคิด อารมณ์ และพฤติกรรมของผู้ป่วยให้อยู่ในภาวะปกติ
ประเภทของยาที่ใช้ในการบำบัดรักษาอาการทางจิต
1 ยารักษาโรคจิต (Antipsychotic drugs/Major tranquillizers)
ข้อบ่งใช้
1) โรคจิตเภท (Schizophrenia)
2) โรคจิตอารมณ์ (Schizoaffective disorder)
3) โรคจิตจากภาวะทางกาย (Organic psychosis)
4) โรคจิตที่เกิดในบางช่วงของโรคอารมณ์แปรปรวน (Mood disorders) ทั้งโรคอารมณ์สองขั้ว ระยะคลุ้มคลั่ง (Bipolar disorder, mania type) และโรคซึมเศร้า (Majordepressive disorder: MDD)
5) รักษาอาการ Agitation ในผู้ป่วย Alzheimer และ Bipolar disorder
6) รักษาอาการก้าวร้าวในผู้ป่วยสมองเสื่อมและผู้ป่วย Delirium
ประเภทของยา
ยารักษาโรคจิต แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ Typical antipsychoticdrugs หรือ Dopamine antagonists (DA) และ Atypical antipsychotic drugs หรือ Serotonindopamine antagonists (SDA)
1) Typical antipsychotic drugs หรือ Dopamine antagonists (DA)
กลไกการออกฤทธิ์ ยาออกฤทธิ์ยับยั้งการจับของ dopamine ท าให้ dopamine ลดลง
2) Atypical antipsychotic drugs หรือ Serotonin-Dopamine
Antagonists (SDA) กลไกการออกฤทธ์ ยาออกฤทธิ์ปิดการจับของ serotonin และ dopamine จึงเพิ่มประสิทธิภาพการรักษากลุ่มอาการด้านลบ (Negative symptoms) และด้านกระบวนการรู้คิด (Cognitivesymptoms) ได้ดีกว่ากลุ่ม DA ในขณะที่รักษากลุ่มอาการด้านบวก(Positive symptoms) ได้ดีเท่าๆ กัน
การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยารักษาโรคจิต
Extrapyrmidal Symptoms (EPS) ทำให้เกิดเกิดความผิดปกติทางการเคลื่อนไหว
1.1 Pseudoparkinsonism/Parkinsonism มีอาการเหมือนกับคนเป็นโรค Parkinson เช่น การเคลื่อนไหวช้า (Akinesia) เดินขาลาก มีอาการสั่น (Tremor) กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง (Rigidity) สีหน้าเฉยเมยไม่แสดงความรู้สึกเหมือนใส่หน้ากาก (Mask Face) กลืนน้าลายไม่ลง ทำให้มีน้าลายเต็มปาก
1.2 Acute Dystonia ผู้ป่วยจะมีอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ (Muscle Spasm) คอบิดไปข้างใดข้างหนึ่งหรือลำตัวบิดไปด้านข้าง กล้ามเนื้อที่หน้ากระดุก ขากรรไกรแข็ง น้าลายไหล ลิ้นคับปาก พูดไม่ชัด กลืนลำบาก ตาเหลือกขึ้นค้างบนตลอดเวลา หลังแอ่น
1.3 Akathisia เป็นความรู้สึกกระวนกระวาย กระสับกระส่าย อยู่นิ่งไม่ได้ ต้องเคลื่อนไหวตลอดเวลา มือและแขนสั่น มีอาการคล้าย Agitation
1.4 Tardive dyskinesia จะมีอาการของการเคลื่อนไหวซ้าๆ ของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าลิ้น และลำคอ ผู้ป่วยอาจไม่รู้ตัวหรือควบคุมไม่ได้ เช่น ดูดปาก แลบลิ้น เลียริมฝีปาก เคี้ยวปาก แสยะใบหน้า กลืนลำบาก ซึ่งเกิดจากการใช้ยาในขนาดสูงเป็นระยะนานติดต่อกันอย่างน้อย 3 เดือน เป็นอาการที่ดื้อต่อการรักษา
การพยาบาล (Nursing Intervention)
1.4 คอยสังเกตอาการ ถ้าพบควรให้อาหารที่มีแคลลอรี่สูง อาหารอ่อน ให้ผู้ป่วยพักผ่อนให้เพียงพอแนะนำผู้ป่วยให้พูดช้าๆ ให้ผู้ป่วยพูดถึงความรู้สึกเขาออกมา
Neuroleptic malignant syndrome (NMS) เป็นอาการที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก อาการสำคัญ คือ มีอาการกล้ามเนื้อแข็งเกร็งอย่างรุนแรง
คอยสังเกตการ ถ้าพบรีบรายงานแพทย์ทราบเพื่อให้การช่วยเหลือ
Anticholinergic side effect จะทำให้มีผลต่อระบบประสาทอัตโนมัติ เกิดจากการใช้ยา Thioridazine
1.จิบน้ำแข็งบ่อยๆ 2.ให้ความมั่นใจว่าอาการจะหายไปได้ ไม่ควรขับรถจนกว่าอาการตาพร่าจะดีขึ้นระวังการพลัดตกหกล้มจากการมองเห็นไม่ชัด 3.จดบันทึกน้ำดื่มและปัสสาวะเพื่อดูความสมดุลของน้ำที่ได้รับและการขับถ่ายออกไป หาหลายๆ วิธีที่จะทาให้ผู้ป่วยปัสสาวะได้เอง 4.แนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารที่มีกากใยมากๆ เช่น ผัก ผลไม้ ดื่มน้ำเพิ่มขึ้นถ้าไม่มีข้อห้าม และกระตุ้นให้ผู้ป่วยออกกำลังกาย
Adrenergic side effect มีความดันโลหิตต่ำเมื่อเปลี่ยนอิริยาบถ Orthostatic hypotension) ทำให้ผู้ป่วยมีอาการเวียนศีรษะและหน้ามืด
แนะนำผู้ป่วยให้ลุกขึ้นอย่างช้าๆจากท่านอนเป็นท่านั่ง หรือท่านั่งเป็นท่ายืน วัดความดันโลหิตท่านอนและท่ายืนเพื่อเปรียบเทียบกัน
5.ผลต่อระบบต่อมไร้ท่อ (Endocrine effect) ยารักษาโรคจิต มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายกลายชนิด ที่พบบ่อย คือ ผู้หญิงมีการเพิ่มระดับ Prolactin ซึ่งเป็นผลให้มีเต้านมคัด และบางรายมีการหลั่งน้ำนม (Lactation) ประจำเดือนผิดปกติ ความต้องการทางเพศลดลง สำหรับผู้ชายอาจมีเต้านมโตขึ้น การหลั่งอสุจิลดลง มักเกิดจากยา Thioridazine นอกจากนี้ที่พบบ่อย คือ หิวบ่อย กินจุ น้าหนักตัวเพิ่มขึ้น (Weight Gain)
อธิบายให้ผู้ป่วยฟังว่าอาการเล่านี้จะเกิดชั่วคราวเท่านั้นและจะเป็นปกติได้ แนะนำเรื่องอาหารและการออกกำลังกาย
ผลต่อผิวหนัง (Skin reaction) อาจจะมีลมพิษหรือผิวหนังอักเสบ เนื่องจากผิวหนังไวต่อแสงแดด มักจะพบบริเวณใบหน้าและแขนผิวหนังอาจจะไหม้เมื่อถูกแสงแดดหรือสีผิวอาจเปลี่ยนไป โดยเฉพาะในส่วนที่ถูกแสงแดด เกิดจาก Chlorpromazine
อาจจะหยุดยาชั่วคราว หรือให้ยาแก้แพ้และแนะนำผู้ป่วยให้ระวัง โดยใส่เสื้อแขนยาวหรือกางร่ม หรือใช้ยาทาผิวกันแสงแดดเมื่อจะออกไปข้างนอก
7.ผลต่อตับ (Hepatologic effect) ทำให้เกิดดีซ่านได้ จากยา Chlorpromazine ใน 1-2 เดือนแรกของการใช้ยา
สังเกตอาการดีซ่าน เช่น ตัวเหลือง ตาเหลือง
8.ผลต่อระบบเลือด (Hematologic effect) ทาให้มีจำนวนเม็ดเลือดขาวน้อยกว่าปกติ (Agranulocytosis) ผู้ป่วยจะมีอาการติดเชื้อง่าย (เจ็บคอ มีไข้) พบได้จากยา Chlorpromazine
สังเกตอาการของผู้ป่วย เช่น เจ็บคอ มีไข้ รายงานให้แพทย์ทราบ
9.ความต้านทานต่อการชักลดลง (Effect on seizure threshold) ผู้ป่วยจะมีอาการชักง่ายขึ้น ในผู้ป่วยที่มีประวัติโรคลมชัก
คอยสังเกตอาการชักของผู้ป่วยที่อาจจะเกิดขึ้นได้
ผลต่อตา (Ocular effect) มีการเปลี่ยนสีที่เลนส์ถูกตาและที่ Retina ทำให้ตาพร่ามองเห็นไม่ชัด พบในรายที่ได้รับการรักษาเป็นเวลานานเป็นผลจาก Thioridazine ขนาดสูง (800 mg/day)
คอยสังเกตอาการของผู้ป่วยและถ้าพบแนะนำให้ผู้ป่วยระวังการเคลื่อนไหว เพราะอาจพลัดตกหกล้มทำให้บาดเจ็บได้
2.ยารักษาอาการซึมเศร้า (Antidepressant drugs)
ข้อบ่งใช้
1) โรคซึมเศร้า (Major depressive disorder)
2) โรคอารมณ์สองขั้ว ระยะซึมเศร้า (Bipolar disorder, depressed type)
3) โรควิตกกังวล (Anxiety disorder) เช่น Panic disorder, Obsessive
compulsive disorder: OCD, Social phobia
4) โรควิตกกังวลที่เกิดภายหลังการเผชิญเหตุการณ์รุนแรงในชีวิต (PostTraumatic Stress Disorder: PTSD)
5) โรคบูลิเมีย (Bulimia nervosa)
6) อาการปวดทางกายที่มีสาเหตุจากปัญหาด้านจิตใจ (Pain disorder)
โดยเฉพาะ อาการปวดเรื้อรัง (Chronic pain)
7) อาการซึมเศร้าที่พบร่วมกับโรคทางจิตเวชอื่นๆ
การพยาบาล
ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้กับยารักษาอาการซึมเศร้าทุกกลุ่ม
1.1 ปากแห้ง (Dry mouth)
-แนะนำให้ผู้ป่วยอมก้อนน้ำแข็งหรือจิบน้าบ่อยๆ
1.2 ง่วงซึม (Sedation) โดยเฉพาะ เมื่อได้รับยา Amitriptyline และ Mianserin
-แพทย์อาจให้เป็นยาก่อนนอนและแนะนำผู้ป่วย อย่าขับรถหรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรที่อาจเกิดอันตรายจากการง่วงซึม
1.3 คลื่นไส้ (Nausia)
-ผู้ป่วยรับประทานยาพร้อมอาหารเพื่อลดอาการระคายเคืองของกระเพาะอาหาร
ผลข้างเคียงที่เกิดได้กับยากลุ่ม TCAs
2.1 ตาพร่า
-ให้ความมั่นใจกับผู้ป่วยว่าอาการจะหายไปหลังจากได้รับยา 2-3 สัปดาห์แนะนำผู้ป่วยอย่าขับรถจนกว่าอาการตาพร่าจะดีขึ้นระวังการพลัดตกหกล้มจากการมองเห็นไม่ชัด
2.2 ท้องผูก
-แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีกากใย ดื่มน้ำเพิ่มขึ้นถ้าไม่มีข้อห้าม และกระตุ้นให้ผู้ป่วยออกกำลังกาย
2.3 ปัสสาวะลำบาก
-แนะนำให้ผู้ป่วยรายงานแพทย์เมื่อปัสสาวะลำบาก จดบันทึกน้ำดื่มและปัสสาวะเพื่อดูความสมดุลของน้ำ หาวิธีที่จะทำให้ผู้ป่วยปัสสาวะได้เอง
2.4 ความดันโลหิตต่ำเมื่อเปลี่ยนอิริยาบถ (Orthostatic hypotension)
-แนะนำผู้ป่วยให้ลุกขึ้นอย่างช้าๆจากท่านอนเป็นท่านั่ง หรือท่านั่งเป็นท่ายืน วัดความดันโลหิตท่านอนและท่ายืนเพื่อเปรียบเทียบกัน
2.5 มีโอกาสชักง่ายขึ้นในรายที่เป็นโรคลมชัก
2.5 สังเกตผู้ป่วยรายที่มีประวิตโรคลมชักอย่างใกล้ชิด
2.6 น้ำหนักเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ Amitriptyline
2.6 แนะนำผู้ป่วยเกี่ยวกับการรับระทานอาหารและให้ผู้ป่วยออกกำลังกาย
ผลข้างเคียงที่เกิดได้กับยากลุ่ม SSRIs
3.1 นอนไม่หลับ
-แนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานยาในตอนเช้า หลีกเลี่ยงอาหาร และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน สอนเทคนิคคลายเครียดให้ผู้ป่วยใช้ก่อนนอน
3.2 ปวดศีรษะ
-รายงานให้แพทย์ทราบ
ผลข้างเคียงที่เกิดได้กับยากลุ่ม MAOIs ภาวะความดันโลหิตสูงอย่างเฉียบพลัน (Hypertensive crisis) มีอาการความดันโลหิตสูงร่วมกับอาการปวดศีรษะ ใจสั่น คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ เจ็บหน้าอก
แนะนำผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีสาร Tyramine หยุดให้ยาทันทรายงานแพทย์ วัดความดันโลหิตตามเวลาเพื่อประเมินอาการและระวังการเกิดความดันโลหิตสูงอย่างเฉียบพลัน
ยาควบคุมอารมณ์ (Mood stabilizing drugs)
ข้อบ่งใช้
1) Acute mania ที่ไม่ตอบสนองต่อ lithium หรือ valproate
2) Acute mania ที่มีอาการ severe mania, mixed mania, rapid cycling (มีอาการมากกว่า 4 ครั้ง/ปี)
3) ป้องกันระยะยาวในผู้ป่วย bipolar disorder
4) ผู้ป่วยมีปัญหาด้านการควบคุม impulse
การพยาบาล
ระดับเฝ้าระวัง (Serum Lithium 1.2-1.5 mEq/L) เป็นระดับที่มี Lithium สูงสุดที่มีผลในการรักษา อาการข้างเคียงที่พบ เช่น มือสั่น ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำ ท้องเสีย ปวดท้องและอ่อนเพลีย ซึ่งอาจจะไม่รุนแรง
-ให้ผู้ป่วยรับประทานยาต่อไป ให้ข้อมูลกับผู้ป่วยว่าเป็นผลข้างเคียงของยาที่พบได้ในระยะ 1-2 สัปดาห์แรกที่ได้รับยาติดตามประเมิน Serum Lithium เป็นระยะ
ระดับเป็นพิษปานกลาง (Serum Lithium 1.5-2.0 mEq/L) เป็นระดับที่มี Lithium สูงจนเกิดอาการเป็นพิษ ระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง อาการข้างเคียงที่พบ เช่น ปวดท้อง ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ปากแห้ง มึนศีรษะ กล้ามเนื้ออ่อนแรง พูดไม่ชัด ผิดปกติในการเคลื่อนไหว เดินเซ ตาพร่ามัว และหูอื้อ
-อาจจะปฏิบัติเหมือนข้อ 1 หรือข้อ 3 อยู่ที่ความรุนแรงของอาการ
ระดับเป็นพิษรุนแรง (Serum Lithium 2.0-2.5 mEq/L) เป็นระดับที่มี Lithium สูงจนเกิดอาการเป็นพิษ ระดับปานกลางถึงรุนแรงอาการข้างเคียงที่พบ เช่น ท้อเสีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ และอาเจียนตลอด แขนขากระตุกเป็นระยะ จนถึงแสดงอาการชัก สับสนมาก การทำงานของหัวใจผิดปกติ เป็นลม หมดสติ
-หยุดยาทันที ถ้าผู้ป่วยยังรู้สึกตัวให้ยาแก้อาเจียน และทำ Gastric lavage
ระดับอันตราย (Serum Lithium > 2.5 mEq/L) เป็นระดับที่มี Lithium สูงจนเกิดอันตรายถึงชีวิต อาการสำคัญได้แก่ การทำงานของหัวใจล้มเหลว ความดันโลหิตต่ำมาก ไข้สูง ไม่รู้สึกตัว มีอาการชัก ปัสสาวะออกน้อย และการทำงานของไตล้มเหลว
-ปฏิบัติเหมือนข้อ 3 และเตรียมทา Hemodialysis
3.ยาลดอาการข้างเคียงของยารักษาโรคจิต (Anticholinergic drugs/Antiparkinsondrugs)
ข้อบ่งชี้
ใช้ยานี้เพื่อป้องกันและลดอาการข้างเคียงโดยเฉพาะอาการ EPS ที่เกิดจากการใช้ยารักษาโรคจิต
การพยาบาล
1) ให้ผู้ป่วยรับประทานยาพร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันทีเพื่อป้องกันการระคายเคืองในระบบทางเดินอาหาร
2) ให้ดื่มน้ำจิบน้ำบ่อยๆ อมลูกกวาด อมน้ าแข็ง เพื่อลดอาการปากแห้ง
3) ให้รับประทานอาหารที่มีกากใย และเพิ่มกิจกรรมในรายที่มีอาการท้องผูก
4) ตรวจและบันทึกสัญญาณชีพและความสมดุลของน้ำ
5) ตรวจวัดความดันโลหิตอย่างสม่ าเสมอ และแนะน าให้เปลี่ยนอิริยาบถจากนอนเป็นนั่ง หรือนั่งเป็นยืนอย่างช้าๆ เพื่อป้องกันอาการหน้ามืด