Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
เครื่องมือในการบําบัดทางการพยาบาลจิตเวช, นางสาวศศลักษณ์ จิตติศักดิ์…
เครื่องมือในการบําบัดทางการพยาบาลจิตเวช
การตระหนักรู้ในตนเอง และการใช้ตนเองเพื่อการบําบัด
การตระหนักรู้ในตนเอง (Self awareness)
อัตตา (Self)
ส่วนรวมทั้งหมดของบุคคล ซึ่งประกอบด้วยร่างกาย จิตใจ สังคม พฤติกรรม ค่านิยม ความรู้สึกนึกคิดเกี่ยวกับตนเองตามความเป็นจริง
อัตมโนทัศน์
(Self concept)
เป็นการรับรู้และตัดสินใจเกี่ยวกับตนเองในด้านต่าง ๆ เช่น ลักษณะนิสัย บุคลิกภาพ ความสามารถ ความภาคภูมิใจ คุณค่าศักดิ์ศรีแห่งตน ความเช่ือ ค่านิยม จริยธรรม อัตมโนทัศน์
อุดมคติแห่งตน
(Self Idea/Image)
เป็นอุดมคติ ความหวัง ภาพในอนาคตหรือความปรารถนาที่ตนเอง อยากเป็น
ภาพลักษณ์ทางกายแห่งตน
(Body Image)
เป็นการรับรู้เกี่ยวกับร่างกายของตน เช่น น้ําหนัก ส่วนสูง ความพิการ การเจ็บป่วยทางกายและจิตใจ
มโนธรรมแห่งตน
(Moral Image)
เป็นความคิด ความเชื่อ การตัดสินใจเกี่ยวกับการแสดงพฤติกรรม ต่าง ๆของตน ว่ามีความถูกต้อง รู้รับผิดชอบชั่วด
ศักดิ์ศรีแห่งตน
(Self esteem)
เป็นการยอมรับนับถือตนเอง ประเมินตนเองในด้านบวกและลบ
เอกลักษณ์เฉพาะตน
(Self of identity)
เป็นส่วนประกอบที่สําคัญของความเป็นตัวของตนของบุคคลมี ความแตกต่างเฉพาะคน
การตระหนักรู้และเข้าใจตนเอง
(Self awareness and Self understanding)
พฤติกรรมการแสดงออก ปฏิกิริยาตอบโต้กับบุคคลอื่น
ความคิดความรู้สึกท่ีมีต่อตนเองต่อบุคคลอ่ืน
ความต้องการ หรือความปรารถนา
แนวทางการพัฒนาการตระหนักรู้และเข้าใจตนเอง
การเปิดใจให้กว้าง รับฟังความคิดเห็นจากผู้อื่นเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาตนเอง
การประเมินตนเองตามความเป็นจริง ไม่อคติ มองหรือคิดเข้าข้างตนเอง
การพัฒนาจิตใจโดยการศึกษาธรรมะประพฤติปฏิบัติตามหลักศาสนา
ลักษณะของบุคคลที่มีความเข้าใจต่อตนเอง
Abraham Maslow
สามารถเข้าใจสภาพความเป็นจริง โดยถ่องแท้
ยอมรับตนเองและผู้อื่น
มีความเป็นธรรมชาติปราศจากการแสแสร้ง
วิเคราะห์ปัญหาได้และแก้ไขได้ตรงจุดโดยไม่เข้าข้างตนเอง
มีความสามารถอยู่ได้อย่างมีความสุข โดยรู้จักพึ่งพาผู้อื่นบ้างตามสมควร
มีอิสระเสรีมีความเป็นตัวของตัวเองพึ่งตนเองและอยู่อย่างสงบสุขได้
มีอารมณ์ขันอย่างมีสติ
ยึดมั่นในหลักศีลธรรม จรรยา มีธรรมประจําใจ รู้ความถูกต้องดีงาม
รู้จักคบเพื่อนท่ีมีทัศนคติตรงกัน ประพฤติปฏิบัติในทางที่ดี
ประโยชน์ในการตระหนักรู้และเข้าใจตนเอง
บุคคลสามารถเข้าใจตนเองในทุกๆด้าน
บุคคลสามารถนาข้อมูลที่ได้จากการรับฟัง ความคิดเห็นจากผู้อื่น จากการที่ผู้อื่นประเมินมาเป็น แนวทางในการปรับปรุงพัฒนาจุดด้อยของตนและพัฒนาจุดเด่นให้แข็งแรง
บุคคลสามารถใช้ประสบการณ์ที่เรียนรู้และเข้าใจตนเองเป็นพื้นฐานในการเรียนรู้และทำาความเข้าใจบุคคลอื่น
การมีสติระลึกรู้เท่าทันความคิดอารมณ์ความรู้สึกของตน
การใช้ตนเองเพื่อการบําบัด (Therapeutic use of Self)
พยาบาลต้องพยายามตระหนักในตนเองท่ีจะเรียนรู้จักและเข้าใจตนเองให้มากที่สุดเพื่อท่ีจะเรียนรู้และ ทาความเข้าใจพฤติกรรมของผู้รับบริการและครอบครัว
ประยุกต์องค์ความรู้จากศาสตร์ทางการพยาบาล และศาสตร์ที่เกี่ยวข้องมาใช้ในการพยาบาลแก่บุคคลที่ปัญหาสุขภาพจิตหรือผู้รับบริการอย่างมีประสิทธิภาพ
สามารถผสมผสานการใช้สัมพันธภาพเพื่อการบําบัดกับการใช้ตนเองเพื่อการบําบัดในการพยาบาล บุคคลมีปัญหาสุขภาพจิต
ปัจจัยสนับสนุนให้การใช้ตนเองเพื่อการบําบัดและการสร้างสัมพันธภาพเพื่อการบําบัดประสบผลสําเร็จ
คุณลักษณะของพยาบาลต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถและทักษะในการพยาบาลบุคคลที่มีปัญหา สุขภาพจิต
การรักษาความลับ : รักษาจรรยาบรรณของวิชาชีพ รักษาความลับเรื่องราวของผู้รับบริการอย่าง เคร่งครัด
มีเจตคติที่ดีในการปฏิบัติการพยาบาลบุคคลท่ีมีปัญหาสุขภาพจิตและการใช้ตนเองเพ่ือการบําบัด
สัมพันธภาพเพื่อการบําบัด (Therapeutic relationship)
สัมพันธภาพเชิงวิชาชีพ
(Professional Relationship)
สัมพันธภาพเพื่อการบําบัดระหว่างพยาบาลกับ ผู้ป่วย พยาบาลมีบทบาทให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ป่วย โดยอาศัยสื่อกลางเพื่อให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน พยาบาลจะต้องตระหนักและเข้าใจตนเองและใช้ตนเองเป็นสื่อในการบําบัด (Therapeutic use of self)
เพื่อมุ่งหวังให้ผู้ป่วยเกิดการเรียนรู้ เลียนแบบ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อการส่งเสริมสุขภาพ และป้องกันการเจ็บป่วย
เป้าหมายในการสร้างสัมพันธภาพเพื่อการบําบัดมีดังน้ี
เพื่อให้โอกาสผู้รับบริการได้ระบายความรู้สึกไม่สบายใจ
เพื่อให้ผู้รับบริการสามารถสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่นได้ รู้จักพึ่งตนเอง
เพื่อให้ผู้รับบริการรู้จักตนเองอย่างถูกต้อง
ยอมรับตนเอง และเพิ่มความเคารพนับถือตนเอง
เพ่ือให้ผู้รับบริการเข้าใจปัญหาของตนเองได้ตรงตามความเป็นจริง
เพื่อให้ผู้รับบริการเกิดการเรียนรู้และพัฒนาการปฏิบัติตนที่เหมาะสม
ระยะของสัมพันธภาพเพื่อการบําบัด
ขั้นเตรียมการสร้างปฏิสัมพันธ์
(Pre Initiating phase)
ควรวางแผนและเตรียมตัว โดยควรเตรียมเป้าหมาย ในการสร้างสัมพันธภาพเพื่อการบําบัดให้ชัดเจน
ขั้นการสร้างปฏิสัมพันธ์
(Initiating phase)
ปัญหาที่พบบ่อย คือ ความวิตกกังวล อาจพบได้ท้ังฝ่ายพยาบาลและฝ่ายผู้รับบบริการ
ระยะแก้ไขปัญหา
(Working Phase)
พยาบาลและผู้รับบริการ มาพบกันเพื่อการสนทนาอย่างสม่ําเสมอ ตามข้อตกลงท่ี บอกไว้กับผู้รับบริการ พยาบาลสามารถแสดงให้ผู้รับบริการเห็นว่าพยาบาลยอมรับ เข้าใจ และรับฟังปัญหาของ ผู้รับบริการอย่างไม่มีอคติ
ระยะยุติสัมพันธภาพ
(Terminating Phase)
เมื่อถึงกําหนดระยะเวลาตามที่ตกลงกันมาถึง ในทางปฏิบัติอาจพบว่ามีเหตุผลอื่นๆ ได้อีก เช่น ปัญหาของผู้รับบริการได้รับการแก้ไขแล้ว
องค์ประกอบของการสนทนาเพื่อการบําบัด
การจัดท่านั่ง (Seating Arrangement)
พยาบาลและผู้ใช้บริการนั่งเยื้องกันเล็กน้อยในลักษณะเป็นมุม เท่ากับหรือมากกว่า 90 องศา นั่งหันหน้า เข้าหากัน โดยไม่เผชิญหน้ากันโดยตรง
สถานที่สนทนากับผู้ใช้บริการ (Setting) สถานที่ที่เงียบสงบ มีสัดส่วนเป็นส่วนตัว (Privacy) จะช่วยทําให้ ผู้ใช้บริการมีความสะดวกใจในการเปิดเผยตนเอง
เวลาในการสนทนา : 30-60 นาที ในการใช้เวลา การสนทนาในระยะดําเนินการแต่ละครั้งอาจใช้เวลานาน กว่าระยะอื่น เนื่องจากผู้ใช้บริการเริ่มไว้วางใจพยาบาล และสนทนาเกี่ยวกับสาเหตุและปัญหาของผู้ใช้บริการ
เทคนิคสนทนาเพื่อการบําบัด
เทคนิคที่ช่วยส่งเสริมให้ผู้รับบริการหรือ
ผู้มาขอความช่วยเหลือรู้สึกว่าตนเองมีค่า
Giving Recognition
การให้ความสําคัญ
Giving Information
การให้ข้อมูลข่าวสาร ข้อเท็จจริงแก่ผู้รับบริการ
Offering - Self
การเสนอตนเองเพ่ืออยู่เป็นเพื่อนผู้รับบริการยามทุกข์
เทคนิคในการกระตุ้นให้ผู้รับบริการเป็นฝ่าย
นําการสนทนา หรือทําให้การสนทนาดําเนินไป
Using Broad Opening
ใช้คํากล่าวกว้างๆ เพ่ือเปิดโอกาสให้ผู้รับบริการเลือกหัวข้อสนทนา เลือกพูด ถึงสิ่งที่อยู่ในความคิด
Reflection
การสะท้อนความรู้สึก คือแสดงความรู้สึกหรือความคิดเป็นคําพูดในความหมายของคามรู้สึกในสิ่งท่ีผู้รับบริการกล่าว
Using General Lead
การใช้คํากล่าวนําโดยทั่วไป
Restating
การทวนความ เป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่า พยาบาลกําลังฟังผู้รับบริการพูด และเป็นการเน้นให้ ผู้รับบริการได้ยินและคิดถึงสิ่งท่ีตนเองพูดออกมา
Accepting
การยอมรับผู้รับบริการ และสิ่งที่ผู้รับบริการพูด
เทคนิคที่ช่วยกระตุ้นผู้รับบริการ
ให้ผู้รับบริการพูดระบายความรู้สึก
Sharing Observation
การบอกกล่าวส่ิงที่พยาบาลสังเกตเห็นได้ในตัวผู้รับบริการ
Acknowledge the Patient’s Feeling
Questioning
เป็นการรับรู้ความรู้สึกของ ผู้รับบริการ และยอมรับว่าผู้รับบริการมีความรู้สึกเช่นนี้
Actively Listening
การฟังอย่างตั้งใจ เป็นการฟังโดยไม่มีความคิดโต้แย้ง
ในสิ่งที่ผู้รับบริการพูด
Using Silence
การเงียบ เป็นเทคนิคที่มีประสิทธิภาพมาก
ในการกระตุ้นให้ผู้รับบริการสื่อสาร
เทคนิคที่ช่วยให้พยาบาลมีความเข้าใจ
ตรงกันกับผู้รับบริการ
Validating
การตรวจสอบว่าความเข้าใจของพยาบาลถูกต้องตรงกับ
ความต้องการความรู้สึกของ ผู้รับบริการหรือไม่
Clarifying
การให้ความกระจ่าง คือ ความพยายามในการท่ีจะเข้าใจ
ในคํากล่าวของผู้รับบริการ
เทคนิคที่กระตุ้นให้ผู้รับบริการ
คิดไตร่ตรองเรื่องราวของเขาใหม่
Exploring
การสอบถามเพื่อให้ได้ข้อมูลกระจ่างขึ้น การสอบถามให้ลึกและกว้างขึ้นนั้น จะช่วยทําให้ ผู้รับบริการได้คิด ได้ไตร่ตรองเรื่องราวของเขาใหม่
Focusing
เป็นการมุ่งประเด็นไปที่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง ในกรณีผู้รับบริการพูดหลายเรื่องปะปนกัน
Encouraging Evaluation
การกระตุ้นให้ผู้รับบริการได้ประเมินตัวเอง ให้ผู้รับบริการได้พิจารณา เหตุการณ์หรือเรื่องราวท่ีผ่านมา
Giving Feedback
การให้ข้อมูลย้อนกลับ เป็นการช่วยให้บุคคลตระหนักรู้ว่าพฤติกรรมของเขามี ผลกระทบต่อผู้อื่นอย่างไร
Voicing Doubt
การตั้งข้อสงสัย หรือแสดงความสงสัยในสิ่งที่ผู้รับบริการเล่า
Giving Suggestion
การให้คําแนะนํา เป็นการชี้แนะแนวทางปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาให้แก่ ผู้รับบริการ
Presenting Reality
การบอกสภาพความเป็นจริงเพ่ือให้ผู้รับบริการพิจารณาให้ชัดเจน
Summarizing
การสรุปข้อความเมื่อผู้รับบริการพูดจบแล้ว
นางสาวศศลักษณ์ จิตติศักดิ์ เลขที่79