Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยยาทางจิตเวช, นางสาววชิราภรณ์ ทัศคร…
การพยาบาลผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยยาทางจิตเวช
ยารักษาอาการซึมเศร้า (Antidepressant drugs)
1) Monoamine Oxidase Inhibitors (MAOIs)
ยากลุ่ม MAOIs ออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ monoamine oxidase ที่ใช้เผาผลาญ amine neurotransmitters ท าให้ปริมาณ monoamine เพิ่มขึ้น ระดับ serotonin, norepinephrine และ dopamine ในสมองสูงขึ้น กระบวนการนี้ใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการดีขึ้นของอาการซึมเศร้า
ผลข้างเคียง
Cardiovascular effects อาการ postural hypotension พบบ่อยในผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยหัวใจล้มเหลว
Sexual side effects พบในผู้ป่วยได้รับยาขนาดสูง
Sedative and weight gain อาการง่วงนอนและน้ำหนักเพิ่ม
Hypertensive crisis s เกิดความดันโลหิตสูงมากอย่างกะทันหันในผู้ป่วยที่ใช้ยาแล้ว รับประทานอาหารที่มี sympathetic amines
Precipitation of mania ยาอาจกระตุ้นให้เกิดอาการ mania ในผู้ป่วย bipolar disorder
การพยาบาล
ก่อนใช้ยาต้องตรวจหัวใจอย่างถี่ถ้วน และระหว่างใช้ยาต้องต รวจวัดความดันโลหิตสม่ำเสมอ
รายงานแพทย์เพื่อเปลี่ยนยา
รายงานแพทย์เพื่อลดปริมาณยาและควบคุมน้ำหนัก
ควบคุมอาหารที่มี tyramine อย่างเคร่งครัดึ่งพบมากใน ชีส เนยแข็ง ตับไก่ ไวน์ เบียร์ ช็อกโกแลต กล้วย องุ่นแห้ง ครีม ซีอิ๊ว อาหารที่มียีส โยเกิร์ต ฯลฯ
ปร ะเมินสภาพอารมณ์ของผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ
2) Tricyclic Antidepressants (TCAs)
ออกฤทธิ์ยับยั้งการเก็บกลับคืนของ serotonin และnorepinephrine (Serotonin-norepinephrine reuptake inhibitors) เข้าไปในปลายประสาทหลังจากหลั่งสารสื่อประสาทนี้ในระบบประสาทส่วนกลางทำให้ serotonin และ norepinephrineเพิ่มขึ้น จึงยกระดับอารมณ์ให้ดีขึ้น
ผลข้างเคียง
Anticholinergic effects ปากแห้ง คอแห้ง ตาพร่า เวียนศีรษะ สับสน สติสัมปชัญญะเสีย หมดสติ
Central nervous system effects มือสั่น หงุดหงิด กระสับกระส่าย ผุดลุกผุดนั่ง กล้ามเนื้อกระตุก การทรงตัวเสีย
Cardiovascular effects เกิดภาวะorthostatic hypertension หัวใจเต้นผิดปกต
การพยาบาล
ให้ความมั่นใจกับผู้ป่วยว่าอาการจะหายไปหลังจากได้รับยา 2-3 สัปดาห์ ให้การช่วยเหลือตามอาการ เช่น แนะนำผู้ป่วยอย่าขับรถจนกว่าอาการตาพร่าจะดีขึ้น ระวังการพลัดตกหกล้มจากการมองเห็นไม่ชัด ให้รับประทานอาหารที่มีกากใย ดื่มน้ำ เพิ่มขึ้นถ้าไม่มีข้อห้าม และกระตุ้นให้ผู้ป่วยออกกำลังกาย ให้รายงานแพทย์เมื่อปัสสาวะลำบาก จดบันทึกน้ำดื่มและปัสสาวะเพื่อดูความสมดุลของน้ำ
ระมัดระวังอุบัติเหตุ เช่น ตกเตียง หกล้ม เพราะผู้ป่วยมีการทรงตัวไม่ดี โดยเฉพาะผู้สูงอาย
แนะนำผู้ป่วยให้ลุกขึ้นอย่างช้าๆ จากท่านอนเป็นท่านั่ง หรือท่านั่งเป็นท่ายืน วัดความดันโลหิตท่านอนและท่ายืนเพื่อเปรียบเทียบกัน
อาการนี้เกิดร่วมกับสภาพจิตใจของผู้ป่วยทีขาดความภาคภูมิใจในตนเอง (low self esteem) จึงทำให้รุนแรงมากขึ้น ถ้าผู้ป่วยใช้ยานานต้องรายงานแพทย์
แนะนำผู้ป่วยเกี่ยวกับการรับประทานอาหารและให้ผู้ป่วยออกกำลังกาย
แนะนำผู้ป่วยไม่ควรขับรถและทำงานควบคุมเครื่องจักร ให้ระวังอุบัติเหต
Sexual side effects
Weight gain น้ำหนักเพิ่มขึ้น
Antihistamine effects ทำให้ง่วงซึมอาการจะดีขึ้นและหายไปใน 1-2 สัปดาห์ของการให้ยา
ตัวอย่างยาที่ใช้
1.Amitriptyline
2.Imipramine
3.Nortriptyline
3) Selective Serotonin Reuptake Inhibitors (SSRIs)
ออกฤทธิ์ยับยั้งการเก็บกลับคืนเฉพาะ serotonin (Selective serotoninreuptake inhibitors) ทำให้ serotonin เพิ่มขึ้นยกระดับอารมณ์ให้ดีขึ้น
ตัวอย่างยา
Fluoxetine
Paroxetine
Sertraline
ผลข้างเคียง
ผลต่อสมอง มึนงง ง่วงนอน นอนไม่หลับ ยาบางตัว ทำให้ง่วง
นอน เช่น sertraline paroxetine
ปวดศีรษะ
น้ำหนักลด
ความต้องการทางเพศลดลง เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
Serotonin syndrome
การพยาบาล
แนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานยาในตอนเช้าหลีกเลี่ยงอาหาร และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน สอนเทคนิคคลายเครียดให้ผู้ป่วยใช้ก่อนนอน
รายงานให้แพทย์ทราบ
ให้รับประทานอาหารให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
ให้ผู้ป่วยพูดถึงความรู้สึก รายงานแพทย์ทราบเพื่อให้การช่วยเหลือ
หยุดให้ยาทันที รายงานแพทย์ทราบ
4.New Generation เป็นยารักษาอาการซึมเศร้ากลุ่มใหม่
-Mianserin
Tianeptine
Trazodone
Mirtazapine
ยาคลายกังวล (Antianxiety drugs/Minor tranquillizers)
ตัวอย่างยาที่ใช้
Diazepam
Alprazolam
Lorazepam
Midazolam
ออกฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลาง โดยยับยั้งและปิดกั้น GABA (Gamma Amino Butyric Acid) บริเวณ limbic system และsubcortical ท าให้สมองส่วนที่รับความรู้สึกถูกกด การเคลื่อนไหวช้าลง ง่วงนอน ดังนั้น ยาจึงทำให้ระดับความวิตกกังวลในบุคคลลดลง ท าให้ผู้ป่วยสงบ และช่วยให้หลับได้
ผลข้างเคียง
ง่วงนอน ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ สับสน มึนงง(มักเกิดใน 1-2 ชั่วโมงแรกหลังรับประทานยา)
แขนขาไม่แรง เดินเซ กล้ามเนื้ออ่อนเปลี้ย
หลงลืมเหตุการณ์ช่วงใกล้ๆ ที่เกิดขึ้นก่อนให้ยา แต่จำเหตุการณ์ในอดีตได้ (Anterograde amnesia)
ทำให้เกิดอาการดื้อยา และติดยาได้ หากใช้เป็นระยะเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการมือสั่น หงุดหงิด กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ และเกิด อาการประสาทหลอนได้
สับสนตื่นเต้นก้าวร้าว (Paradoxical excitement)
การพยาบาล
1) สังเกตอาการข้างเคียงของยา เช่น ง่วงซึม เวียนศีรษะ สับสน มึนงง เดินเซ คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น หากพบอาการดังกล่าวต้องตรวจสอบสัญญาณชีพ ให้ผู้ป่วยนอนพัก รายงานแพทย์เพื่อปรับขนาดยาให้เหมาะสม
2) สังเกตผลข้างเคียงของยาที่เกิดขึ้น เช่น อาการง่วงนอนมาก ความดันโลหิตต่ำ ปวดตรงตำแหน่งที่ฉีดยา ผิวหนังเป็นผื่น และอาการ paradoxical excitement เช่น ท่าทีไม่เป็นมิตร สับสน มีการเคลื่อนไหวมากกว่าปกติ
3) ถ้าให้ยาคลายความวิตกกังวลวันละครั้ง ควรจัดให้ผู้ป่วยรับประทานก่อนนอนเพื่อส่งเสริมการนอนของผู้ป่วยให้ดีขึ้น ผลข้างเคียงจะลดลง และจัดให้ผู้ป่วยท ากิจกรรมต่างๆ ในเวลากลางวัน
4) ถ้าให้เป็นยาฉีด ควรฉีดเข้ากล้ามเนื้อให้ลึก และค่อยๆ เดินยาอย่างช้าๆเพราะยาอาจจะระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อและท าให้เกิดอาการปวดตรงตำแหน่งที่ฉีดยา
5) ถ้าลืมรับประทานยา ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ ไม่ควรรับประทานยาเป็น2 เท่า ในแต่ละมื้อ
6) แนะนำหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ ยาแก้แพ้หรือแก้หวัด และยาระงับประสาทต่างๆ เพราะจะเสริมฤทธิ์ยาคลายกังวล
7) แนะนำหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมาก เพราะว่าจะทำให้ไปลดฤทธิ์ของยาที่ทำให้นอนหลับ
8) แนะนำรับประทานผัก ผลไม้ ดื่มน้ำให้เพียงพอ วันละ 2.5-3.0 ลิตร และออกกำลังกาย เพื่อป้องกันอาการท้องผูก
9) แนะนำผู้ป่วยที่ติดยาเนื่องจากใช้เป็นเวลานานและปริมาณสูง (ได้รับยาต่อเนื่องนานเกิน 4 เดือน) ไม่ให้หยุดยาเองทันที เพื่อป้องกันอาการขาดยา ควรให้แพทย์เป็นผู้ลดยาให้
ยาลดอาการข้างเคียงของยารักษาโรคจิต (Anticholinergic drugs/Antiparkinson
drugs)
ตัวอย่างยาที่ใช้
Trihexyphenidyl
Benztropine
Diphenhydramine
ยารักษาโรคจิตออกฤทธิ์ยับยั้ง/ปิดกั้น dopamine receptor ในสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว ทำให้ปริมาณ dopamine neurotransmitter และ acetylcholine neurotransmitter ไม่สมดุล คือ มี acetylcholine และขาด dopamine ยาในกลุ่มนี้จะไปลดปริมาณ acetylcholine และเพิ่มปริมาณ dopamine เพื่อให้เกิดความสมดุล
การพยาบาล
1) ให้ผู้ป่วยรับประทานยาพร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันทีเพื่อป้องกันการระคายเคืองในระบบทางเดินอาหาร
2) ให้ดื่มน้ำจิบน้ำบ่อยๆ อมลูกกวาด อมน้ าแข็ง เพื่อลดอาการปากแห้ง
3) ให้รับประทานอาหารที่มีกากใย และเพิ่มกิจกรรมในรายที่มีอาการท้องผูก
4) ตรวจและบันทึกสัญญาณชีพและความสมดุลของน้ำ
5) ตรวจวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ และแนะนำให้เปลี่ยนอิริยาบถจากนอนเป็นนั่ง หรือนั่งเป็นยืนอย่างช้าๆ เพื่อป้องกันอาการหน้ามืด
6) อธิบายให้ผู้ป่วยทราบว่าอาการต่างๆ เป็นผลข้างเคียงของยาไม่เป็นอันตราย เพื่อให้ผู้ป่วยคลายความวิตกกังวล
7) ถ้าลืมรับประทานยา แนะน าให้รับประทานยาทันทีเมื่อนึกได้ แต่ให้ห่างจาก
มื้อต่อไป 2 ชั่วโมง ไม่รับประทานยาเป็น 2 เท่าในมื้อเดียว
8) ระวังอุบัติเหตุ ให้ผู้ป่วยสังเกตการเปลี่ยนแปลงของสายตาในรายที่มีอาการตาพร่าและง่วงซึม อ่อนเพลีย แนะนำไม่ให้ขับรถยนต์หรือใช้ของมีคม
ยาควบคุมอารมณ์ (Mood stabilizing drugs)
Lithium carbonate
การพยาบาล
1) ซักประวัติผู้ป่วยถึงการเป็นโรคประจำตัวต่างๆ และการตรวจร่างกายของผู้ป่วยเป็นสิ่งจำเป็นก่อนที่จะเริ่มให้ยา lithium carbonate การตรวจร่างกายนี้รวมทั้งการวัดความดันโลหิตตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ ตรวจการทำงานของต่อมไทรอยด์ หัวใจ และไต เพราะต้องระวังการใช้ยาในผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคไต และ hypothyroidism
2) ติดตามระดับ serum lithium ผู้ป่วยจะต้องตรวจสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ใน 4 สัปดาห์แรก หรือจนกว่ายาคงที่ หลังจากนั้นตรวจทุก 1-2 เดือน ในครึ่งปีแรก และทุก 3-6 เดือน ตลอดการใช้ยา การเจาะเลือดวัดระดับยาควรทำเมื่อได้ยามื้อสุดท้ายก่อนเจาะเลือด 12 ชั่วโมง ระดับยาที่เหมาะสมควรอยู่ระหว่าง 1.0-1.5 mEq/L
3) ให้ความรู้แก่ผู้ป่วยและญาติว่า การรับประทานยา lithium ต้องใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ยาจึงออกฤทธิ์ถึงระดับการรักษา ผู้ป่วยจึงอาการสงบลง และควรมารับการตรวจเลือดทุกครั้ง
4) ให้ผู้ป่วยรับประทานยาพร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันที เพราะยาทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร
5) อธิบายให้ผู้ป่วยทราบว่าต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง ถ้าลืมให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าลืมนานกว่า 3 ชั่วโมงหลังอาหาร ให้งดยาเม็ดที่ลืม แล้วรับประทานยามื้อถัดไปเวลาเดิม ห้ามรับประทานยาเป็น 2 เท่า
6) ผู้ป่วยที่มีอาการปากแห้ง คอแห้ง ให้จิบน้ำบ่อยๆ อมน้ำแข็ง หรือลูกกวาด และดูแลความสะอาดของปากและฟัน
7) ผู้ป่วยที่มีอาการง่วงซึม เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ ควรจัดให้ผู้ป่วยพักผ่อน และไม่ควรนำเข้ากลุ่มกิจกรรมที่เป็นการกระตุ้นความคลุ้มคลั่ง
8) ให้ผู้ป่วยรักษาภาวะสมดุลของน้ำและเกลือแร่ (Fluid and electrolyte balance)เพราะอาจเกิดภาวะ hypernatremia
ออกฤทธิ์ไปปรับเปลี่ยนสารสื่อประสาทบางชนิด ได้แก่ serotonin, dopamine, norepinephrine และ acetylcholine ให้เกิดความสมดุล ทำให้อารมณ์คงที่มากขึ้น มีอาการสงบลง
Carbamazepine (Tegretol)
Carbamazepine ออกฤทธิ์ต่อหลายระบบ เช่น ช่วยเสริมการทำงานของ serotonin เสริมการทำงานของ GABA ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ยับยั้งการทำงานของเซลล์ประสาท ทำให้รู้สึกสงบ คลายความกังวล
การพยาบาล
1) สังเกตและประเมินอาการของผู้ป่วย ตรวจสอบบันทึกสัญญาณชีพ
2) ให้ผู้ป่วยรับประทานยาพร้อมอาหารเพื่อลดการระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร
3) ติดตามระดับเม็ดเลือดขาว ถ้าต่ำกว่า 4,000/ลบ.ซม. ต้องรายงานแพทย์เพื่อหยุดยา
4) ให้การดูแลใกล้ชิด ป้องกันอุบัติเหต
5) ป้องกันการติดเชื้อ โดยให้ผู้ป่วยรักษาความสะอาดร่างกาย ช่องปาก เสื้อผ้า ผ้าปูที่นอน
6) แนะนำว่าถ้ามีอาการไข้สูง เจ็บคอ มีแผลในปาก ให้รีบปรึกษาแพทย์
นางสาววชิราภรณ์ ทัศคร ชั้นปีที่3 รุ่นที่ 26 ห้องB เลขที่ 64