Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 3 เครื่องมือในการบําบัด ทางการพยาบาลจิตเวช - Coggle Diagram
บทที่ 3 เครื่องมือในการบําบัด
ทางการพยาบาลจิตเวช
สัมพันธภาพเพื่อการบําบัด (Therapeutic relationship)
กระบวนการ/ขั้นตอนในการสร้างสัมพันธภาพเพื่อการบําบัด
ขั้นเริ่มต้นสร้างสัมพันธภาพ (Orientation phase)
กิจกรรมการพยาบาล
ทําความรู้จักซึ่งกันและกัน
ลดความวิตกกังวล
สร้างความเชื่อถือไว้วางใจในตัวพยาบาล
วางแผนสิ้นสุดสัมพันธภาพ
ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
ความวิตกกังวลทั้งตัวผู้ป่วยและพยาบาล
ทดสอบความความจริงใจ
การปฏิเสธการสนทนา
ขั้นดําเนินการแก้ไข (Working phase)
กิจกรรมการพยาบาล
เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้พูดระบายความรู้สึกและปัญหา
ประเมินปัญหา พิจารณาปัญหาหลักและปัญหารอง
กระตุ้นให้ผู้ป่วยคิด แล้วแก้ปัญหาด้วยตนเอง
เสริมสร้างให้ผู้ป่วยเข้าใจตนเองอย่างถูกต้อง
เตือนย้ำระยะเวลาที่เหลืออยู่
ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
ความรู้สึกพึ่งพาของผู้ป่วย (dependency)
ความวิตกกังวลเห็นใจที่พบในพยาบาล (Sympathy)
ขั้นสิ้นสุดสัมพันธภาพ (Termination phase)
กิจกรรมการพยาบาล
สร้างความรู้สึกให้ยอมรับความจริงในการพรากจาก
ประเมินความรู้สึก พฤติกรรมการพรากจาก
ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
ผู้ป่วยไม่ให้ความร่วมมือในการรักษาพยาบาล
ผู้ป่วยเกิดความรู้สึกและแสดงปฏิกิริยาว่าถูกทอดทิ้ง เสียใจ ไม่เป็นมิตร
ลักษณะของสัมพันธภาพ
เพื่อการบําบัด
ข้อควรคํานึงในการสนทนากับผู้ป่วย
3.ระยะห่างระหว่างบุคคล : ควรจัดให้เหมาะสม ไม่ใกล้จนเกินไป
4.สถานที่ (Setting) : มีสัดส่วนเป็นส่วนตัวจะช่วยทําให้
ผู้รับบริการมีความสะดวกใจในการเปิดเผยตนเอง
5.การจัดท่านั่ง (Seating Arrangement) : ไม่นั่งใกล้ชิดจนเกินไป อาจทําให้เกิดความอึดอัด นั่งในลักษณะเป็นมุม 90 องศา
2.บรรยากาศ : เงียบ สงบมีความเป็นส่วนตัว ไม่มีเสียงดังรบกวน
1.เวลา (Time) : ไม่ควรเกิน 1 ชั่วโมง
6.บุคลิกภาพของพยาบาล : ผ่อนคลายมากที่สุด, ใช้คําถามปลายเปิด, ไม่มีการจดบันทึกข้อมูล, ไม่หลบตาไปมา, ใช้เวลาให้เหมาะสม เต็มที่
ขอบเขตสัมพันธภาพระหว่างพยาบาลและผู้ป่วยในเชิงบําบัด
การรับสิ่งตอบแทน : ไม่ควรรับสิ่งของตอบแทนเพราะอาจเกิดสัมพันธภาพเชิงสังคม
ไม่ควรการพบกันในลักษณะของสัมพันธภาพทางสังคม
การเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของพยาบาล : ตอบตามความเป็นจริงเท่าที่จําเป็น
การรักษาความลับ : ยกเว้นการส่งเวร
หลีกเลียงการสัมผัสร่างกายผู้ป่วย เช่น การกอด การสัมผัสต้นขาด้านใน
การกําหนดแนวทางในการสร้างสัมพันธภาพ
เทคนิคการสื่อสาร
เพื่อการบําบัด
เทคนิคที่จะช่วยให้ผู้ป่วยคิดไตร่ตรองเรื่องราวของเขาใหม่
Encouraging Evaluation การให้ผู้รับบริการประเมินความรู้สึกด้วยตนเอง เช่น “เหตุการณ์นี" ทําให้คุณรู้สึกอย่างไร” “การที่คุณหนีออกจากบ้านไปอยู่กับเพื่อน มีผลอย่างไรกับคุณบ้าง”
Focusing การมุ่งความสนใจให้อยู่ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งผู้รับบริการพูดให้รายละเอียดในบางประเด็นให้กระจ่าง เช่น ผู้รับบริการ “วันนี้ ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเลย” พยาบาล “อธิบายความรู้สึกที่ว่าไม่ค่อยดีให้ดิฉันฟังได้ไหมคะ”
Presenting Reality การให้ความจริงแก่ผู้รับบริการในกรณีที่ผู้รับบริการมีความคิดหรือการรับรู้ที่ผิดไปจากความเป็นจริง เช่น มีอาการหลงผิด อาการหูแว่ว ประสาทหลอน เป็นต้น โดยเลี่ยงการใช้คําปฏิเสธ/ไม่มี/ไม่ใช่ เช่น ผู้รับบริการถือใบไม้อยู่แล้วบอกว่า “ฉันรวยมาก” พยาบาล “สิ่งที่คุณถืออยู่คือใบไม้ค่ะ”
Voicing doubt การตั้งข้อสงสัย ตรวจสอบความแน่ใจ
เช่น “คุณคิดว่าเป็นไปได้หรือคะที่”
Summarizing การสรุปเนื้อหา/สรุปความ ด้วยคําพูดสั้น ๆเพื่อให้ได้ใจความทั"งหมด หรือสรุปประเด็นการสนทนา เมื่อสิ"นสุดการสนทนา เช่น “คุณเล่าว่า” “วันนี"เราได้พูดกันถึงเรื่อง”
เทคนิคที่จะช่วยให้พยาบาล และผู้ป่วยเข้าใจตรงกัน
Clarifying or Seeking Clarification เป็นการขอความกระจ่าง คือการขอคําอธิบายเพิ่มเติม ในกรณีที่ผู้รับบริการพูดคลุมเครือ/มีความหมายไม่ชัดเจน เพื่อที่จะสามารถเข้าใจเรื่องราวของผู้รับบริการได้อย่างถูกต้อง ทั้งยังช่วยให้ผู้รับบริการเกิดความเข้าใจตนเองมากขึ้นด้วย เช่น “ที่คุณพูดว่าคุณหมายความว่าอย่างไร”“เขา ที่คุณพูดถึงหมายถึงใคร”
Validating or Seeking Consensual Validation เป็นการตรวจสอบว่า ความเข้าใจของพยาบาลตรงกับความคิด ความรู้สึก หรือ ความต้องการของผู้รับบริการหรือไม่ เช่น “เขาที่คุณพูดถึงนั้น หมายถึงสามีของคุณ” “ที่คุณพูดนี"หมายถึง”
เทคนิคที่กระตุ้นให้ผู้ป่วยระบาย ความคิดและความรู้สึก
Restating เป็นการพูดทวนเนื้อหาหรือใจความสําคัญในสิ่งที่ผู้รับบริการพูด อาจจะทวนซ้ำทั้งหมดหรือเฉพาะข้อความสําคัญเพื่อให้ผู้ป่วยได้ ทบทวนทําความเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดอีกครั้งหนึ่ง ทั้งยังเป็นการ กระตุ้นให้ผู้รับบริการได้เล่าเรื่องราวของเขาต่อไป เช่น ผู้รับบริการ: “แม่ไม่สนใจฉันเลย” พยาบาล: “คุณบอกว่าแม่ไม่สนใจคุณ”
Exploring เป็นการสอบถามเพื่อให้ได้ข้อมูล/ปัญหา/รายละเอียดเกี่ยวกับผู้รับบริการและเรื่องราวของเขามากขึ้น เพื่อที่จะทําความเข้าใจในเรื่องราวของเขามากขึ้น เช่น “คุณมาโรงพยาบาลด้วยอาการอะไร” “ที่คุณว่านอนไม่หลับนั้นมันเป็นอย่างไรช่วยอธิบายอีกสักนิด”
Making Observation or Sharing Observation การบอกในสิ่งที่พยาบาลสังเกตเห็นเกี่ยวกับตัวผู้รับบริการให้ผู้รับบริการทราบ เพื่อแสดงว่าพยาบาลใส่ใจ/สนใจเขา และช่วยให้ผู้รับบริการสํารวจตนเอง เข้าใจตนเองมากขึ้น ทั้งยังช่วยให้ผู้รับบริการพูดถึงความรู้สึก ที่แท้จริงของเขา เช่น “คุณกํามือแน่นเมื่อพูดถึงเรื่องคุณพ่อของคุณ” “ท่าทางของคุณดูเครียด ๆ”
Using Silence เป็นการใช้ความเงียบ คือ การนั่งฟังโดยไม่แสดงความคิดเห็น โต้ตอบ ถ้าใช้ได้อย่างถูกจังหวะ และอย่างมีความหมาย จะช่วยกระตุ้นให้ผู้ใช้บริการพูดระบาย ความรู้สึกและความคิดออกมาได้ ความเงียบที่ใช้อย่างถูกต้องจะมีประโยชน์มากกว่าคําพูดปลอบใจที่ไร้ความหมาย
Active Listening เป็นการฟังอย่างตั้งใจ ทักษะอย่างหนึ่งในการฟังที่ผู้ฟังจะทําความเข้าใจในความรู้สึกของผู้พูด โดยตีความหมายจากคําพูด และ อากัปกิริยาของผู้พูด แล้วผู้ฟังสื่อสารด้วยคําพูดของผู้ฟังเอง ให้ผู้พูดทราบว่า ผู้ฟังเข้าใจคําพูดและ ความรู้สึกของผู้พูดอย่างไร
Open-ended question เป็นคําถามปลายเปิด ที่มีคําตอบได้หลากหลาย มักใช้ในการสอบถามเบื้องต้น ในระยะแรกๆของการสัมภาษณ์ ที่ยังไม่แน่ใจว่าจะตอบอย่างไร เช่น“ขณะนี"มีอะไรที่รบกวนจิตใจบ้าง” “หลังจากเหตุการณ์นี" เห็นตัวเองเปลี่ยนไปอย่างไร”“อยากให้หมอช่วยเรื่องอะไร” “เรื่องอะไรที่ทําให้ไม่สบายใจ”
เทคนิคกระตุ้นให้ผู้ป่วยเป็นฝ่ายนํา
ในการสนทนาหรือกําลังทําให้
สนทนาดําเนินต่อไป
Giving Broad Openings การใช้คํากล่าวกว้างๆเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้รับบริการเป็น ฝ่ายเริ่มต้นในการสนทนาเลือกหัวข้อในการสนทนาหรือเลือกคําพูดในสิ่ง ที่คิดหรือไม่สบายใจอยู่ เช่น
“ คุณกําลังคิดอะไรอยู่ ” “คุณมีเรื่องอะไรจะเล่าให้ฉันฟังบ้าง ”
Reflecting การสะท้อนคําพูดของผู้ให้บริการการกล่าวซ้ำความหมายของข้อความที่ผู้ให้บริการพูด เช่น “ ผู้ให้บริการพูดว่าผมกลับไปบ้านก็ไม่มีความหมายไม่มีใครสนใจหรอกพยา บาลตอบว่าคุณ” “ บอกว่าคุณไม่มีความหมายสําหรับคนที่บ้าน ”
Using General lead เป็นการพูดนําเพื่อกระตุ้นให้ผู้รับบริการพูดต่อ การใช้คําพูด หรือแสดงออกว่า เรากําลังฟัง สนใจในสิ่งที่ผู้รับบริการพูดและอยากให้เขาพูดต่อ เช่น “ค่ะ” “แล้วอย่างไรต่อคะ” หรือในกรณีที่มีเหตุการณ์มาขัดจังหวะในระหว่างสนทนากับผู้รับบริการ พยาบาลอาจจะทบทวน/สรุปเรื่องเดิมแล้วใช้เทคนิคนี"กระตุ้นให้ผู้รับบริการเล่าต่อ
Acceptance เป็นการยอมรับสิ่งที่ผู้ให้บริการคิดพูด หรือแสดงพฤติกรรมออกมาด้วยท่าทางที่เต็มใจเข้าใจ ไม่โต้แย้งแต่ไม่ใช่การมองเห็นด้วยว่าเป็นความจริงตามที่เขาคิดหรือพูด ทุกประการ เช่น สวัสดีค่ะคุณ
เทคนิคที่ช่วยส่งเสริม
ให้ผู้ป่วยรู้สึกมีคุณค่า
Giving Information การรู้จักจําได้เป็นการแสดงให้เห็นว่าพยาบาลรู้จักเขาโดยการเรียกชื่อเขาได้ถูกต้อง เช่น “ สวัสดีค่ะคุณ ดิฉันขอนั่งคุยด้วยนะคะ “
Giving Information การให้ข้อมูลข่าวสารเป็นข้อเท็จจริงเป็นประโยชน์ต่อผู้ให้บริการเช่น “ การเข้าร่วมกลุ่มกิจกรรมบําบัดจะทําให้คุณมีสัมพันธภาพที่ดีและปรับตัวให้ดีขึ้น “
Offering Self เป็นการเสนอตนเองเพื่อให้ความช่วยเหลือทําให้ผู้ให้บริการรับรู้ว่ายังมีคุณค่าเช่น “ ดิฉันจะนั่งเป็นเพื่อนคุณสักครู่ “ “ ไปเดินเล่นที่สนามหญ้ากันไหมคะ “
Accepting การยอมรับผู้รับบริการและสิ่งที่ผู้รับบริการพูด อาจแสดงออกด้วยท่าทาง น้ำเสียง หรือ คําพูด เช่น การพยักหน้า การฟังโดยไม่โต้แย้ง ไม่คัดค้าน ไม่แก้ตัวแทนบุคคลที่ผู้รับบริการกล่าวถึงตลอดจนใช้คําพูด
การใช้ตนเองเป็นเครื่องมือในการบำบัด(Therapeutic use of self)
ขั้นตอนในการพัฒนา
ความตระหนักรู้ในตนเอง
2.การรับฟังผู้อื่น คือ การเปิดโอกาสให้คนอื่นป้อนกลับ (Feed back) หรือให้คําติชม
3.การเปิดเผยตนเอง self-discloser ขณะที่เราเปิดเผยตนเองเราจะรับรู้ความรู้สึกของเราว่ามีความเข้มแข็งหรือความอ่อนแออย่างไร
4.การปฏิบัติเพื่อพัฒนาความตระหนักรู้ในตนเองself-interventing การพยายามค้นหาตนเองให้พบ การยอมรับและพัฒนาจะช่วยให้บุคคลได้มีความตระหนักในตนเองมากขึ้น และสามารถดําเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขขึ้น
1.การประเมินตนเอง self-assesing คือการสํารวจความรู้สึกของตนเองในขณะนั้นว่าเรามีความรู้สึกอะไรเกิดขึ้น และค้นหาสาเหตุของความรู้สึกว่าเกิดจากอะไร
หลักสําคัญของการใช้
ตนเองเพื่อการบําบัด
Love ความรักในเพื่อนมนุษย์>ความห่วงใยความเอาใจใส่
มุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือ>เคารพในคุณค่าของบุคคล
Empathyการเข้าใจถึงความรู้สึกของบุคคลอื่น>ใส่ใจผู้ป่วย
Sympathy ความเห็นอกเห็นใจ>เป็นความรู้สึกที่พยาบาล
จะเข้าใจถึงความทุกข์>อยากที่จะช่วยเหลือ
Understandingความเข้าใจ>เข้าใจในผู้ป่วยถึงอาการที่ผู้ป่วยแสดงออกมา
Acceptanceการยอมรับ>ยอมรับในอาการที่
ผู้ป่วยเป็นหรือแสดงออกมาด้วยความจริงใจไม่เสแสร้ง
ความแตกต่างระหว่างสัมพันธภาพทางสังคมและสัมพันธภาพทางวิชาชีพ
สัมพันธภาพเพื่อการสังคม
(Social Relationship)
เป็นสัมพันธภาพของบุคคลในสังคมโดยทั่วไป
เกิดขึ้นเมื่อมีการรวมกลุ่ม เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์
สัมพันธภาพเพื่อการประกอบวิชาชีพ (Professional Relationship)
Process dynamic มีการประเมินผลเป็นระยะ
Action-oriented การนําปฏิกิริยาของผู้ใช้บริการมาเป็นแนววิเคราะห์
Helping มุ่งให้ความช่วยเหลือผู้ใช้บริการเป็นสําคัญโดยไม่หวังผลตอบแทน
Satisfaction gain ความพอใจของพยาบาลอยู่ที่ว่าผู้ใช้บริการได้รับการเรียนรู้และพัฒนา บุคลิกภาพ และพัฒนาความสามารถในการสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่นและกลับเข้าสู่สังคมได้
Goal directed การช่วยเหลือผู้ใช้บริการให้อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้
Terminated-relationship เป็นสร้างสัมพันธภาพที่มีการเริ่มต้นและการสิ้นสุด ภายหลังจากบรรลุวัตถุประสงค์