Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 2 แนวคิด หลักกการ ทฤษฎีการพยาบาลจิตเวช - Coggle Diagram
บทที่ 2
แนวคิด หลักกการ ทฤษฎีการพยาบาลจิตเวช
ความหมายของสุขภาพจิต
องค์การอนามัยโลก (WHO, 2014) “สภาพสุขภาวะ (Well-being) ที่บุคคลรับรู้ศักยภาพของตนเอง สามารถรับมือกับความเครียด ในชีวิต สามารถทำงานให้เกิดประโยชน์และสร้างสรรค์ และสามารถทำประโยชน์ให้แก่สังคมของตนเอง ได้”
ลักษณะของผู้มีสุขภาพจิตดี
1 มีความสุขในชีวิต มีชีวิตที่สนุกสนาน ค้นหาเป้าหมายของชีวิต
2 มีความมั่นคงทางอารมณ์
3 มีเจตคติทางบวกต่อตนเอง ประกอบไปด้วยการยอรับตนเองและการตระหนักรู้ในตนเอง โดยบุคคลจะต้องรู้จักความเป็นจริงเกี่ยวกับตนเอง
4 มีความสามารถในการทำงาน
5 การมีสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น
6 ความสามารถที่จะเอาชนะอุปสรรค
7 เป็นผู้ที่มีการปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี (Integration)
ปัจจัยที่มีผลต่อภาวะสุขภาพจิต
1. ปัจจัยทางด้านร่างกายหรือด้านชีวภาพ (Biological factors)
พันธุกรรม (Genetic factors)
กายวิภาคและสรีรวิทยาของระบบประสาท
(Neuroanatomic and Neurophysiological factors)
ชีวเคมี (Biochemistry factors)
ฮอร์โมน (Hormonal influences)
สภาพร่างกาย ได้แก่ รูปร่าง หน้าตา เพศ วัย ความแข็งแรง การเจ็บป่วย ความบกพร่องหรือ พิการ เป็นต้น
2. ปัจจัยทางด้านจิตใจ (Psychological factors)
1.ตามทฤษฎีจิตวิเคราะห์
ถ้าพัฒนาการในแต่ละขั้นตอนเกิดปมปัญหา จะส่งผลต่อบุคลิกภาพ ของเขา และเมื่อเขาต้องเผชิญกับเหตุการณ์ในชีวิต เขาก็จะปรับตัวไม่เหมาะสม เกิดปัญหาสุขภาพจิตได้
2.ทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างบุคคล
ซัลลิแวน มีความเห็นว่ามนุษยจำเป็นต้องมีสัมพันธภาพ กับบุคคลอื่น ๆ และสิ่งแวดล้อม ถ้าเด็กหรือบุคคลได้รับการยอมรับ ทำให้มีสุขภาพจิตดี ปรับตัวได้ดี แต่ถ้าไม่ได้รับการยอมรับ จะ ก่อให้เกิดความวิตกกังวล เกิดปัญหาสุขภาพจิตได้
3.ทฤษฎีพฤติกรรมนิยม
เชื่อว่าพฤติกรรมมนุษย์เกิดขึ้นจากการเรียนรู้
4.ตามแนวคิดทฤษฎีมนุษยนิยม
เชื่อว่า มนุษย์มีศักยภาพในตัวเอง และถ้ารู้สึกว่าตนมี ความสามารถ ก็จะใช้ความสามารถตามศักยภาพของตนได้เต็มที่
3. ปัจจัยทางด้านสังคมวัฒนธรรม หรือสิ่งแวดล้อม (Social cultural or Environmental factors)
1.ลักษณะสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ
ได้แก่ ที่อยู่อาศัย บริเวณที่ตั้ง ลักษณะของชุมชน ความ หนาแน่น ความสะดวกในการติดต่อและคมนาคม เป็นต้น
2 ปัจจัยทางครอบครัว
การอบรมเลี้ยงดูการที่เด็กหรือบุคคลในครอบครัวจะมีพฤติกรรมอย่างไร
การอบรมเลี้ยงดูแบบเผด็จการ (Authoritarian)
การอบรมเลี้ยงดูแบบปล่อยปละละเลยหรือทอดทิ้ง (Rejection)
การอบรมเลี้ยงดูแบบทนุถนอมมากเกิดไป (Overprotection)
การอบรมเลี้ยงดูแบบประชาธิปไตย (Democracy)
ความสัมพันธ์ในครอบครัว มีผลต่อสุขภาพจิตของสมาชิกในครอบครัว ถ้า ครอบครัว อบอุ่น มีความรักใคร่ปรองดอง ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
3.ปัจจัยทางเศรษฐกิจ
ปัญหาทางด้านการเงินหรือความยากจน สร้างความทุกข์ให้แก่บุคคล จะ เห็นได้ว่าพิษทางเศรษฐกิจทำให้บางคนถึงกับต้องฆ่าตัวตาย บางคนยอมทำงานหนักด้วยความยากลำบาก ก็เพื่อฐานะทางการเงิน
4.ปัจจัยทางด้านการเมือง
การเมืองของไทยมีลักษณะไม่แน่นอน ประชาชนก็เกิด ความแตกแยกทางความคิด
5.ปัจจัยทางวัฒนธรรมและเชื้อชาติ
เช่น การไม่เท่าเทียมกันทางเพศ การทำบุญหรือทำ ตามประเพณีเพื่อรักษาหน้า
4. ปัจจัยทางจิตวิญญาณ (Spiritual factors)
1.สิ่งที่นับถือหรือที่พึ่งทางใจ (Concept of Deity)
ช่วยให้เกิดสงบสุข ทำ แล้วสบายใจ จะเป็นผลดีต่อสุขภาพจิต แต่ถ้าสิ่งเหล่านั้นบีบคั้นกดดันก่อให้เกิดความเครียด ย่อมมีผลเสีย ต่อสุขภาพจิต
2.ปรัชญาชีวิต (Philosophy of Life)
เป็นแนวคิดเกี่ยวกับชีวิต เป็นการกำหนดหรือให้ ความหมายแก่สิ่งที่มีความสำคัญในชีวิต
การเจ็บป่วยทางจิต
ความหมาย
การเจ็บป่วยทางจิต (Mental illness)
คือ ความผิดปกติที่กระทบต่ออารมณ์ (Emotion) พฤติกรรม (Behavior) และความคิด (Thinking) อาทิเช่น ภาวะซึมเศร้า (Depression) จิตเภท (Schizophrenia) โรควิตกกังวล (Anxiety disorder)
2.ปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดการเจ็บป่วยทางจิต
1.ปัจจัยส่วนบุคคล
ประกอบด้วย ปัจจัยด้านชีวภาพ ความกลัว/กังวล การใช้ชีวิตที่ไม่ แน่นอน การแยกไม่ได้ว่าอะไรจริงอะไรที่เพ้อฝัน ความรู้สึกว่าชีวิตไม่ลงรอย (Sense of disharmony) การสูญเสียความหมายชีวิต
2.ปัจจัยระหว่างบุคคล
ประกอบด้วย การสื่อสารที่ขาดประสิทธิภาพ การพึ่งพามาก ผิดปกติ การแยกตัว การไม่มีความรู้สึกของการเป็นเข้าของ การขาดการสนับสนุน การไม่สามารถควบคุม อารมณ์
3.ปัจจัยด้านสังคม/วัฒนธรรม
ประกอบด้วย การขาดแหล่งสนับสนุน ความรุนแรง การไร้ บ้าน ความยากจน การมองโลกทางลบ การโดนแบ่งแยก เช่น ตราบาป การเหยียดเชื้อชาติ ชนชั้น อายุ เพศ
ลักษณะสำคัญและเกณฑ์การจำแนกโรคทางจิตเวชที่พบบ่อย
1. ลักษณะสำคัญของโรคทางจิตเวช
ความคิด ความรู้สึกและพฤติกรรม เป็นอาการและอาการแสดงเมื่อมีความไม่สบายใจหรือ กระทบจิตใจ พบได้ทั้งในคนปกติและผู้ป่วย
อาการเข้าได้กับกลุ่มโรคหรือ Syndrome ต่าง ๆ ที่เฉพาะหรือเข้าเกณฑ์การวินิจฉัยโรค
เสียหน้าที่ (Dysfunction)ซึ่งอาจเป็นการงาน อาชีพ (Occupational dysfunction) หรือการ เข้าสังคมหรือการรักษาสัมพันธภาพกับผู้อื่น (Social dysfunction) หรือรู้สึกเป็นทุกข์ (Distress)
2.ระบบการแบ่งประเภทของโรคทางจิตเวช (Classification systems)
WHO ใช้ ICD-10 เป็นมาตรฐานเดียวกันในระดับนานาชาติ
DSM โดย APA (สมาคมจตแพทย์อเมริกา) ปัจจุบันใช้ DSM-V
คุณลักษณะและบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของพยาบาลจิตเวชและทีมจิตเวช
1. ทีมจิตเวชและบทบาทหน้าที่
1.พยาบาลจิตเวช (Psychiatric nurse)
เป็นผู้ที่ให้การช่วยเหลือ ดูแลผู้ป่วยในหลายๆด้าน
2.จิตแพทย์ (Psychiatrist)
เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีความรู้ทางด้านจิตเวชศาสตร์ มีบทบาทในการตรวจวินิจฉัย สั่งการรักษาต่างๆ
3.นักจิตวิทยาคลินิก (Clinical psychologist)
หรืออาจเป็นนักจิตวิทยาทั่วไป เป็นผู้ที่มีความรู้และความสามารถในการใช้เครื่องมือทางจิตวิทยา
4.นักสังคมสงเคราะห์ทางจิตเวช (Psychiatric social worker)
เป็นผู้ที่มีความรู้ทางด้านสภาพสังคมของผู้ป่วยให้การช่วยเหลือผู้ป่วยด้านความเป็นอยู่เมื่อผู้ป่วยกลับบ้าน
5 นักกิจกรรมบำบัด (Activity therapy)
เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถในการจัดกิจกรรม ต่าง ๆที่ส่งเสริมในด้านการบำบัดให้กับผู้ป่วย
2. คุณลักษณะของพยาบาลจิตเวช
มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับทฤษฎีทางจิตเวช การพยาบาลจิตวิทยา สังคมวิทยาปัญหาสังคม เพื่อใช้เป็นแนวทางในการช่วยเหลือผู้รับบริการได้อย่างถูกต้อง
ยอมรับในพฤติกรรมของผู้รับบริการและหาแนวทางแก้ไขให้ดีขึ้น
มีความสม่ำเสมอในการกระทำและคำพูด เป็นที่ไว้วางใจสำหรับผู้รับบริการมีความจริงใจแสดงให้ผู้รับบริการเห็นว่าพยาบาลสนใจ เข้าใจ และยินดีช่วยเหลือ จริงใจ
มีความเป็นอิสระและเชื่อถือในตนเอง
มีความอดทน เห็นอกเห็นใจผู้อื่น
3. บทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของพยาบาลจิตเวช
การพยาบาลจิตเวชเป็นกระบวนการปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่จะส่งเสริมและคงไว้ซึ่งการดำรงบทบาท และหน้าที่ของบุคคล ครอบครัว ชุมชน เพื่อให้บุคคลมีสุขภาพจิตดี มีบุคลิกภาพที่มั่นคง มีวิธีการแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม เป็นที่ยอมรับของสังคม สามารถพึ่งพาตนเอง และดำรงตนอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดี ดังนั้นบทบาทหน้าที่ของพยาบาลจิตเวชกำหนดได้เป็น 2 ระดับ
บทบาทหน้าที่ระดับพื้นฐานหรือระดับรอง มีดังนี้
1.เป็นผู้จัดสรรสิ่งแวดล้อมเพื่อการรักษา
2.เป็นเสมือนตัวแทนของแม่
3.เป็นตัวแทนสังคม มีหน้าที่ช่วยให้ผู้รับบริการอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้
4.เป็นผู้ให้คำปรึกษาแนะนำ มีหน้าที่รับฟังผู้รับบริการ ให้คำแนะนำช่วยเหลือตามความเหมาะสม
5.พยาบาลเป็นเสมือนครูมีหน้าที่สอนกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน
6.ทางการรักษาพยาบาลที่ใช้เทคนิคเฉพาะทางการพยาบาล มีหน้าที่ในการพยาบาลพื้นฐานทุกประเภท
บทบาทหน้าที่ระดับสูงหรือระดับผู้เชี่ยวชาญ มีดังนี้
1.เป็นที่ปรึกษา มีความรู้ความสามารถเฉพาะทาง มีหน้าที่ให้คำปรึกษาและแนะแนวแก่บุคคลที่มีปัญหาหรือตกอยู่ในภาวะวิกฤต เพื่อลดความเครียด
เป็นผู้ติดต่อให้ความร่วมมือ การให้การพยาบาลทั่วไป การให้การช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตในแผนกต่าง ๆ ของโรงพยาบาลโดยประเมินพฤติกรรมให้การวินิจฉัยและวางแผนการพยาบาลแก่ผู้รับบริการ
3.เป็นผู้บำบัดรักษาเบื้องต้น พยาบาลจิตเวชเป็นผู้ชำนาญการเฉพาะทาง มีหน้าที่คัดกรองผู้รับบริการและให้การบำบัดรักษาเบื้องต้นในชุมชนโรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลจิตเวช ในขั้นต้นอาจให้คำปรึกษา ให้จิตบำบัดประคับประคองให้ยาตามแผนการรักษาของแพทย์ เช่น ยาลดความวิตกกังวล
4.เป็นผู้นำการบำบัด มีหน้าที่ดังนี้
สร้างสัมพันธภาพกับผู้รับบริการเชิงการรักษา
การทำจิตบำบัดประคับประคอง
เป็นผู้ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้รับบริการ
เป็นผู้ให้ความรู้
เป็นผู้นิเทศงานหรือประสานงาน
แนวโน้มสุขภาพจิตและการพยาบาลจิตเวช
1.การเป็นสังคมผู้สูงอายุ เด็กเกิดน้อย วัยทำงานลดลง ผู้สูงอายุมีปัญหาสุขภาพ มี โรคประจำตัว ขาดคนดูแล มีความเหงา เศร้า
2.การใช้โลกโซเซียลมากขึ้น เป็นสังคมก้มหน้า มีพฤติกรรมการเสพติดเพิ่มขึ้น เช่น เด็กและวัยรุ่นติดเกม ติดอินเตอร์เน็ต ผู้ใหญ่เครียด
3.การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ทำให้คนไทยมีความอดทนต่ำ
4.ภาวะโลกร้อน ภัยพิบัติธรรมชาติ โรคอุบัติใหม่
5.เกิดช่องว่างระหว่างวัยมากขึ้น