ดาวฤกษ์
สมบัติดาวฤกษ์
ความส่องสว่างและโชติมาตรของดาวฤกษ์
สี
น้ำเงิน
น้ำเงินแกมขาว
ขาว
ขาวแกมเหลือง
เหลือง
ส้ม
แดง
ชนิดสเปกตรัม O
อุณหภูมิผิวโดยประมาณ มากกว่า 30,000 K
ex.ดาวอัลนีแทค กลุ่มดาวนายพราน
โชติมาตร(magnitude)
ความส่องสว่าง(brightness)
ชนิดสเปกตรัม B
อุณหภูมิผิวโดยประมาณ 10,000-30,000 K
ex.ดาวรวงข้าว ในกลุ่มดาวหญิงสาว
เป็นพลังงานจากดาวฤกษ์ที่ปลดปล่อยออกมาในเวลา 1 วินาทีต่อหน่วยพื้นที่ มีหน่วยเป็นวัตต์ต่อตารางเมตร ค่าการเปรียบเทียบความสว่างของดาวฤกษ์ เรียกว่า อันดับความสว่าง หรือ แมกนิจูด(magnitude) ดาวที่มีค่าโชติมาตรต่างกัน 1 จะมีความสว่างต่างกัน 2.512เท่า ดาวที่มีค่าโชติมาตรน้อยจะมีความสว่างมากกว่าดาวที่มีค่าโชติมาตรมาก
ชนิดสเปกตรัม A
อุณหภูมิผิวโดยประมาณ 7,500-10,000 K
ex. ดาวหางหงส์(Deneb) ในกลุ่มดาวหงส์ (Cygnus)
-ดาวฤกษ์ที่ริบหรี่ที่สุดจะมีอันดับความสว่าง 6
-ดาวฤกษ์ที่สว่างที่สุดจะมีอันดับความสว่าง 1
-อันดับความสว่างสามารถนำไปใช้กับดวงจันทร์และดาวเคราะห์ได้
ที่สังเกตได้จากโลก เรียกว่า โชติมาตรปรากฏ(apparent magnitude) นำมาใช้เปรียบเทียบความสว่างที่แท้จริงของดาวฤกษ์ไม่ได้ นักดาราศาสตร์จึงกำหนดโชติมาตรสัมบูรณ์(absolute magnitude) เป็นค่าโชติมมาตรของดาวเมื่อดาวนั้นอยู่ห่างจากโลกเป็นระยะทางเท่ากับ 10 พาร์เซก หรือ 32.62 ปีแสง นำมาใช้เปรียบเทียบความสว่างของดาวฤกษ์ทั้งหลาย
ชนิดสเปกตรัม F
อุณหภูมิผิวโดยประมาณ 6,000-7,500 K
ex.ดาวโพรซิออน ในกลุ่มดาวสุนัขเล็ก ( Canis minor)
ชนิสเปกตรัม G
อุณหภูมิผิวโดยประมาณ4,900-6,000 K
ex.ดวงอาทิตย์ ดาวคาเพลลาในกลุ่มดาวสารถี (Auriga)
ชนิดสเปกตรัม M
อุณหภูมิผิวโดยประมาณ 2,500-3,500 K
ex.ดาวปาริชาติในกลุ่มดาวแมงป่อง
ชนิดสเปกตรัม K
อุณหภูมิผิวโดยประมาณ 3,500-4,900 K
ex.ดาวดวงแก้วในกลุ่มดาวคนเลี้ยงสัตว์
วิวัฒนาการของดาวฤกษ์
M≥25M0
9M0≤ M<25M0
กำเนิดดาวฤกษ์
อันดับความสว่างของดาวฤกษ์แบ่งเป็น 2 ประเภท
1.อันดับความสว่างปรากฏ
- อันดับความสว่างที่แท้จริง
0.08M0≤ M<9M0
ดาวยักษ์ใหญ่สีนำ้เงิน
ดาวยักษ์ใหญ่สีนำ้เงิน
ดาวฤกษ์คล้ายดวงอาทิตย์
ซูเปอร์โนวา
หลุมดำ
ดาวยักษ์แดง
ซูเปอร์โนวา
ดาวนิวตรอน
ดาวยักษ์แดง
เนบิวลาดาวเคราะห์
ดาวแคระขาว
เริ่มจากฝุ่นและก๊าซในอวกาศรวมตัวกัน บริเวณที่มีฝุ่นและก๊าซหนาแน่นเรียกว่า เนบิวลา (nebula)
ดาวยักษ์ใหญ่สีนำ้เงิน
เมื่อฝุ่นและก๊าซเหล่านี้ถูกดึงดูดเข้าหากันด้วยแรงโน้มถ่วง บริเวณใจกลางเนบิวลาจะหน้าแน่นและร้อนขึ้น เกิดเป็นดาวฤกษ์ใหม่ หรือ โปรโตสตาร์ (protostar)
ที่ใจกลางของโปรโตสตาร์ อุณหภูมิจะสูงขึ้นเรื่อยๆมีปฏิกิริยานิวเคลียร์เกิดขึ้น พลังงานความร้อนและแสงสว่างจะถ่ายเทออกจากใจกลางดาวสู่อวกาศ เกิดเป็น ดาวฤกษ์(star)