การพยาบาลแบบองค์รวมในทารกแรกเกิด
ที่มีภาวะเสี่ยงและปัญหาสุขภาพในภาวะเฉียบพลัน วิกฤตและเรื้อรัง

ภาวะขาดออกซิเจนในทารกแรกเกิด หมายถึง ภาวะที่ทารกแรกเกิดไม่สามารถหายใจได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นผลทำให้ (hypoxia) , (hypercapnia), (metabolic acidosis)

กลไกการเกิด

  1. การไหลเวียนเลือดทางสายสะดือขัดข้อง มีการไหลเวียนลดลง
  1. ไม่มีการแลกเปลี่ยนออกซิเจนที่รก
  1. มีการนำออกซิเจนหรือสารอาหารจากมารดาไปยังทารกโดยผ่านทางรกไม่เพียงพอ
  1. ปอดทารกขยายไม่เต็มที่และการไหลเวียนเลือดยังคงเป็นแบบทารกในครรภ์

พยาธิสรีรภาพ

เมื่อทารกมีภาวะขาดออกซิเจนร่างกายไม่สามารถดูดซึมออกซิเจนเข้าสู่ระบบไหลเวียนเลือดได้ ทำให้มีปริมาณออกซิเจนในกระแสเลือดต่ำ โดยมีระดับแรงดันออกซิเจนในหลอดเลือด แดงเท่ากับหรือน้อยกว่า 40 mmHg และมีแรงดันคาร์บอนไดออกไซด์ในหลอดเลือดแดงมากกว่า 80 mmHg เลือดไหลเวียนเลือดในร่างกายน้อยลง โดยมีเลือดไปเลี้ยงอวัยวะที่สำคัญที่สุดในร่างกายก่อน คือ สมอง หัวใจ และต่อมหมวกไต ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตามมาเริ่มด้วยมีอาการหายใจแบบขาดอากาศ ประมาณ 1 นาที ตามด้วยการหายใจไม่สม่ำเสมอและหัวใจเต้นช้าลง ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือทารกจะหยุดหายใจ ซึ่งเป็นการหยุดหายใจครั้งแรก ถ้าไม่ช่วยกู้ชีพทารกจะ พยายามหายใจใหม่อีกครั้งแต่เป็นการหายใจที่ไม่สม่ำเสมอ ประมาณ 4-5 นาที แล้วจะทรุดลงไป อย่างรวดเร็วและหยุดหายใจอย่างถาวร ทารกขาดออกซิเจน ถ้าไม่ได้รับการแก้ไขที่ถูกต้อง ภายใน 8 นาที หลังเกิดการขาดออกซิเจนทารกจะเสียชีวิต

อาการและอาการแสดง

  1. ระยะคลอด พบขี้เทาป่นน้ำคร่ำ
  1. ระยะหลังคลอด แรกคลอดทันทีมีคะแนน APGAR ต่ำกว่า 7 ตัวเขียว ไม่หายใจเอง ตัวนิ่ม อ่อนปวกเปียก ปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นลดลง หัวใจเต้นช้า

1.ระยะตั้งครรภ์หรือก่อนคลอด ทารกมีการเคลื่อนไหวมากกว่าปกติและต่อมาจะมีการเคลื่อนไหวน้อยลงกว่าปกติ อัตราการเต้นของหัวใจทารกในระยะแรกจะเร็วมากกว่า 160คร้ัง/นาทีต่อมาจึงช้าลง

การวินิจฉัย

  1. ประวัติการคลอด
  1. การตรวจร่างกาย การประเมินคะแนน APGAR
  1. อาการและอาการแสดง
  1. การตรวจทางห้องปฏิบัติการ

3.2.1 การเปลี่ยนแปลงในปอด การขาดออกซิเจนทำให้หลอดเลือดในปอดหดตัว ความดันเลือดในปอดสูงขึ้นเลือดไปเลี้ยงปอดได้น้อยลง การทำงานของเซลล์ปอดเสียไป ทำให้ทารกคลอดก่อนกำหนดเกิดภาวะ RDS ทารกมีอาการหายใจหอบ ตัวเขียว

3.2.2 การเปลี่ยนแปลงในระบบหัวใจและการไหลเวียนเลือด
การขาดออกซิเจนในระยะแรกร่างกายจะส่งเลือดไปเลี้ยงสมอง หัวใจและต่อมหมวกไต แต่ลดปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะอื่น ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็ว ผิวซีด หายใจแบบ gasping มีmetabolic acidosis อุณหภูมิร่างกายต่ำลง ความดันโลหิตต่ำ

3.2.3 การเปลี่ยนแปลงในระบบประสาท
ถ้าขาดออกซิเจนนานทารกจะซึม หยุดหายใจบ่อย หัวใจเต้นช้าลง ม่านตาขยายกว้างไม่ตอบสนองต่อและมักเสียชีวิต ถ้าขาดออกซิเจนในระยะเวลาสั้นๆ หรือสามารถกู้ชีพได้สำเร็จอย่างรวดเร็ว อาจมี hypoxic ischemic encephalopathy (HIE)

3.2.4 การเปลี่ยนแปลงในระบบทางเดินอาหาร
ลำไส้จะบีบตัวแรงชั่วคราวทำให้ทารกถ่ายขี้เทาขณะอยู่ในครรภ์ จึงเสี่ยงก่อการสำลักขี้เทาเข้าปอด

3.2.5 การเปลี่ยนแปลงทางเมตาบอลิซึม
หลังจากขาดออกซิเจน ทารกมักจะเกิด ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ แคลเซียมต่ำ และโปแตสเซียมสูง มีผลทำให้ทารกชักและเสียชีวิต

3.2.6 การเปลี่ยนแปลงในระบบทางเดินปัสสาวะ
ทารกจะมีปัสสาวะน้อยลง หรือ hematuria

3.2.7 ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ

-ค่า arterial blood gas ผิดปกติ คือ PaCO2 > 80 mmHg, PaO2 < 40 mmHg, pH < 7.1

-ระดับน้ำตาลในเลือด 30 mg%

-ค่าของ calcium ในเลือดต่ำกว่า 8 mg%

-ค่าของ potassium ในเลือดสูง

การรักษา

การให้ความอบอุ่น

ทำทางเดินหายใจให้โล่ง

การกระตุ้นทารก

การให้ออกซิเจน

การช่วยหายใจ

1) หยุดหายใจหรือหายใจแบบ gasping

2) อัตราการเต้นของหัวใจน้อยกว่า 100คร้ัง/นาที

3) เขียวขณะได้ออกซิเจน 100%

การใส่ท่อหลอดลมคอ

1) เมื่อต้องช่วยหายใจด้วยแรงดันบวกเป็นเวลานาน

2) เมื่อช่วยหายใจด้วย mask และ bagแล้วไม่ได้ผล

3) เมื่อต้องการดูดสิ่งคัดหลั่งในหลอดลมคอ

4) เมื่อต้องการนวดหัวใจ

5) ทารกมีไส้เลื่อนกระบงัลม หรือน้ำหนักตัวน้อยกว่า 1,000 กรัม

การนวดหัวใจ

การใช้นิ้วมือสองนิ้ว

การใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้าง

การให้ยา

การพยาบาล

  1. เตรียมทีมบุคลากร เครื่องมือให้พร้อมก่อนคลอด ในรายที่มารดามีภาวะเสี่ยงหรือมีอาการแสดงที่น่าสงสัยว่าจะเกิด asphyxia
  1. ดูดสิ่งคัดหลั่งให้มากที่สุดก่อนคลอด
  1. เช็ดตัวทารกให้แห้งทันทีหลังคลอดและห่อตัวรักษาความอบอุ่นของร่างกาย เพื่อลดการใช้ออกซิเจน
  1. บันทึกอัตราการหายใจ การเต้นของหัวใจทารกภายหลังคลอด
  1. สังเกตอาการขาดออกซิเจน เช่น ริมฝี ปากและปลายมือปลายเท้าซีด เขียว หายใจปี กจมูกบาน หายใจออกมีเสียงคราง หน้าอกบุ๋ม หรืออาการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ เพื่อให้การช่วยเหลือและปรึกษาแพทย์ต่อไป
  1. ดูแลให้ได้รับการตรวจทางห้องปฏิบัติการและได้รับยาตามแผนการรักษาของแพทย์
  1. ดูแลให้ได้ร้บอาหารและสารน้ำ ตามแผนการรักษาของแพทย์
  1. ดูแลความสะอาดของร่างกาย
  1. ดูแลให้พักผ่อน

10.ส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างมารดาและทารก

นางสาวหทัยภัทร บัวอ่อน รหัส 611001060