Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การพยาบาลแบบองค์รวมในทารกแรกเกิด ที่มีภาวะเสี่ยงและปัญหาสุขภาพในภาวะเฉียบพ…

- - - - ผิวหนังเขียวช้ำ (ccchymosis) ,หนังศีรษะถลอก (scalp thration) , ก้อนบวมน้ำ (cruput succellaneum) , ก้อนบวมแนบมวยผม (Clugnon หรือ artitical cuput succlauseum) ,ก้อนบวมเลือด (cephal hematoma) , เลือดออกภายในร่างกาย (internal hemorrharge) , Fat necrosis
    - - Peripheral nerve pulsies , Facial nerve palsy , Brachial plexus palsy ( 3 แบบคือ• Erb’s palsy , F grasping reflex ,Complete bachual plexus palsy )
    - - กระดูกไหปลาร้าหัก (fracture of clavicle) , กระดูกต้นแขนหัก (fracture of humerus) , กะโหลกศีรษะร้าวหรือยุบ (kull Iracture) , กะโหลกศีรษะบุบ (depress skull tructure) , Epiphyseal injury
  - - - การบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อเนื้อเยื่อและผิวหนังควรฉีดวิตามินเอ 1 มิลลิกรัมเข้ากล้ามเนื้อ
      - ผิวหนังถลอกควรล้างฟอกด้วยสบู่ฆ่าเชื้อบริเวณที่มีผมควรโกนผมออกแล้วทาด้วย betadine
      - เกิดอักเสบเองและมีหนองจะเป็นต้องระบายหนองออกและให้ยาปฏิชีวนะที่ทำปฏิกิริยากับเชื้อที่พบ
      - เลือดคั่งในสมองจำเป็นต้องเจาะออกหรือทำการผ่าตัดเอาเลือดออกถ้าเลือดออกในอวัยวะภายในต้องให้เลือดและแก้ไขภาวะช็อคให้ทัน
    - - กลไกการเกิด
        
        การไหลเวียนเลือดทางสายสะคือขัดข้องมีการหยุคไหลเวียนหรือไหลเวียนลดลงเช่นสายสะดือถูกกดทับขณะเจ็บครรภ์หรือขณะคลอดเอกสาร
        
        ไม่มีการแลกเปลี่ยนออกซิเจนที่รกซึ่งเกิดจากรกมีการแยกตัวออกจากมดลูกเช่นรกลอกตัวก่อนกำหนด (abruptic placen) รกมีเนื้อคาย (placenta infarction)
        
        มีการนำออกซิเจนหรือสารอาหารจากมารดาไปยังทารกโดยผ่านทางรกไม่เพียงพอ
        
        ปอดทารกขยายไม่เต็มที่และการไหลเวียนเลือดยังคงเป็นแบบทารกในครรภ์ไม่ สามารถปรับเป็นเเบบทารกหลังคลอดได้
      - การรักษาตามความรุนแรง
        
        mild asphyxia ให้ความอบอุ่นทำทางเดินหายใจให้โล่งกระตุ้นการหายใจให้ออกซิเจนผ่านสายออกซิเจนหรือ mask ถ้าอาการดีขึ้นมีคะแนน APGAR ที่ 5 นาที> 8 คะแนนให้ดูแลต่อเหมือนทารกทั่วไปถ้าคะแนน AGAR ที่ 5 นาที <4 คะแนนดูแลเหมือนทารกที่มีภาวะ moderate asphyxia
        
        moderate asphyxia ให้ออกซิเจน 100% และช่วยหายใจด้วย mask และ bag เมื่อดีขึ้นจึงใส่ feeding tube เข้ากระเพาะอาหารเพื่อดูคลมออกถ้าไม่ดีขึ้นหลังช่วยหายใจนาน 30 วินาทีใส่ ET tube และนวคหัวใจ
        
        3.severe asphyxia ให้การช่วยเหลือโดยช่วยหายใจทันทีที่คลอดเสร็จโดยใส่ ET tube และช่วยหายใจด้วยออกซิเจน 100% ผ่าน bag ร่วมกับการนวดหัวใจถ้าไม่ดีขึ้นจึงรักษาด้วยยาการช่วยเหลือที่คืจะพบการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นของลักษณะทารกตามลำดับดังนี้
        
        1) อัตราการเต้นของหัวใจทารก
        
        2) การตอบสนองเมื่อถูกกระตุ้น
        
        3) ลักษณะสีผิว
        
        4) อัตราการหายใจ
        
        5) การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ
- - - - ลักษณะทั่วไปศีรษะโตไม่ได้สัดส่วนกับขนาดของร่างกายแขนขาผอมลีบเมื่อเทียบกับลำตัวกะโหลกศีรษะอ่อนนุ่มรอยต่อกระดูกและขม่อมกว้างผิวหนังแดง
        
        การเคลื่อนไหวไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหวความตึงตัวของกล้ามเนื้อไม่ดี
        
        ระบบหายใจกล้ามเนื้อการหายใจอ่อนแอเนื้อเยื่อปอดไม่ดีความยืดหยุ่นของทรวงอกไม่ดีทารกอาจหายใจขัดไม่สม่ำเสมอหายใจลำบากและเขียวร้องเสียงเบาร้องน้อยกว่าเด็กปกติ
    - - คลอดก่อนกำหนด
        
        1) ประสานงานกุมารแพทย์ทีมบุคลากรในการเตรียมความพร้อมช่วยฟื้นคืนชีวิตทารก
        
        2) ควบคุมอุณหภูมิร่างกายทารกให้อยู่ในเกณฑ์ปกติหรือคงที่ในช่วง 36.5-37.4 C
        
        3) ดูแลการหายใจให้เป็นปกติซึ่งการหายใจอาจหยุดเป็นช่วงสั้น ๆ ได้ประมาณ 5-10 วินาทีหากหยุคนานกว่า 20 วินาทีและมีหัวใจเต้นช้าลงต่ำกว่า 100 ครั้ง / นาทีร่วมกับมีอาการตัวเขียวต้องรีบช่วยหายใจเพื่อแก้ไขภาวะ apnea of prematurity
        
        4) ดูแลให้อาหารและน้ำเนื่องจากทารกเกิดก่อนกำหนดมีโอกาสเกิดภาวะ KIDS ได้ใน 6 ชั่วโมงแรกที่ต้องมีการช่วยฟื้นคืนชีวิตจึงต้องงดอาหารและน้ำทางปากไว้ก่อนถ้าไม่มีอาการผิดปกติด้านการหายใจเริ่มให้อาหารและน้ำได้เมื่ออายุ 6 ชั่วโมงการให้ทารกดูดนมจะให้เมื่อทารกมีอัตราการหายใจช้ากว่า 60 ครั้ง / นาทีกรณีการเคลื่อนไหวของลำไส้ดีสามารถให้นมทางสายยางได้ แต่ต้องระมัดระวังการเกิด aspiration
      - การเจริญเติบโตไม่สัมพันธ์กับอายุครรภ์
        
        1) ป้องกันการสูญเสียความร้อนใคยรีบเช็คด้วให้แห้งให้ความอบอุ่น
        
        2) ประเมินและติดตามภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำโดยเจาะคูระดับกลูโคสในเลือดหลังคลอค 2 ชั่วโมงถ้าน้ำตาลในเลือครีบให้กลูโคสทางหลอดเลือคถ้าทารกหายใจปกติให้รีบคุคนมโดยเร็วกาวะน้ำคาลในเลือคคำพิจารณาดังนี้ภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด <54 mg มากว่า 24 ชั่วโมงหลังคาค <40 mg กลูโคสที่ไปทางหลอดเลือดคำเป็นกลูโคสที่มีความเข้มข้น 10% ขนาด 2 cc
        
        3) ให้การพยาบาตามแผนการรักษาของแพทย์
  - - - ดูแลให้ทารกได้รับสารน้ำและอาหารอย่างเหมาะสมเพียงพอกับความต้องการของร่างกายโดยเร็วที่สุดหลังคลอด
      - ดูแลให้ความอบอุ่นแก่ทารกและควบคุมอุณหภูมิไม่ให้เกิดภาวะอุณหภูมิร่างกายทำเพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้น้ำตาลเพิ่มมากขึ้น
      - ประเมินและคิคคามระดับน้ำตาลในเลือดหลังคลอดทุก 30 นาทีนาน 6-8 ชั่วโมงเพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลและวางแผนการดูแลต่อไป
      - สังเกตบันทึกและรายงานการเปลี่ยนแปลงของอาการที่แสดงถึงภาวะน้ำตาลในเลือดค่ำและการบาดเจ็บอื่น
      - ดูแลให้ทารกพักผ่อนอย่างเพียงพอเพื่อลดการใช้พลังงาน
- - - - 1) การเจริญเติบโตช้าก่อนและ / หรือหลังคลอด
        
        2) ความผิดปกติของในหน้า
        
        3) ความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง ได้แก่ หัวเล็กปัญญาอ่อนการพัฒนาการของระบบประสาทผิดปกติ
  - - - ให้การพยาบาลตามมาตรฐานในการดูแลทารกแรกคลอด
      - เฝ้าระวังและสังเกตอาการทารกเกี่ยวกับภาวะ RDS, hypoglycemia, hypocalcemia, hypobilirubinemia az intraventicular hemorrhage
      - ห่อตัวทารกให้อบอุ่น
      - ดูแลให้ได้รับนมแคลอรี่สูง
      - งดให้นมมารดามารดาเป็นเวลา 2 ชั่วโมง
- - - - การควบคุมอุณหภูมิเช่น hypothermia, hyperthermia อาการไข้ที่สงสัยว่าน่าจะมีการติดเชื้อคือไข้ที่มีอยู่นานกว่า 1 ชั่วโมงหรือวัดไข้ได้มากกว่า 1 ครั้ง
      - ระบบประสาทเช่นซึม (lethargy) พบได้บ่อยทารกจะไม่ร้องนอนเฉยๆไม่ตอบสนอง
      - ระบบทางเดินอาหารเช่นอาเจียนท้องเสียตัวเหลืองตับ-ม้ามโตท้องอืดสำรอกนม
      - ระบบไหลเวียนเลือดเช่นขณะอยู่ครรภ์จะมีหัวใจเต้นเร็วมากกว่า 180 ครั้ง / นาที
      - ระบบหายใจเช่นหายใจเร็วปีกจมูกบานหน้าอกปุ่ม
      - ระบบโลหิตวิทยาเช่นมีจุดเลือดออก (petechine) ตามผิวหนังรายที่ติดเชื้อรุนแรงจะเกิดภาวะ DIC
  - - - 1.ดูดเมือกและเลือดออกจากปากและจมูกทารกให้มากที่สุด
      - ขจัดสิ่งคัดหลั่งหรือเลือดที่เปื้อนตัวทารกระหว่างการคลอดออกให้หมดหรือให้มากที่สุด
      - ทำความสะอาดร่างกายทารกทันทีหลังคลอด
      - ให้ immunoglobulin (LIG) 0.5 cc, เข้ากล้ามเนื้อภายใน 12-24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด. พร้อมกับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบชนิดบี (HIV) เข็มแรก
    - - ให้การพยาบาลตามมาตรฐานในการดูแลทารกแรกคลอด
      - เก็บเลือดจากสายสะดือส่งตรวจหาเชื้อซิฟิลิสทันทีหลังคลอด
      - ให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษาของแพทย์เมื่อมีการติดเชื่อ
    - - ระมัดระวังไม่ให้ทารกมีการบาดเจ็บในระหว่างการคลอด
      - ตรวจร่างกายทารกแรกคลอดอย่างละเอียด
      - อาบน้ำทำความสะอาดทารกทันทีภายหลังคลอด
      - ให้นมผสมแทนนมมารดา
      - ให้ยาต้านไวรัสเอดส์คือ Zidovudine syrup (AZT) สำหรับทารกที่มีน้ำหนักตัวแรกคลอด 3,000 กรัมเมื่อทารกคลอดได้ 6-8 ชั่วโมงเริ่มให้ในขนาด 2 / ม.ก.กก. ครั้งทุก 6 ชั่วโมงหรือประมาณ 0.6 ซีซีกินทุก 6 ชั่วโมง
    - - ช่วยคลอดโดยการผ่าตัดกลอคในห้องความค้นลบ
      - รักษาตามแนวทางการดูแลผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อ COviI1 19 คือตรวจหาเชื้อโควิดตามมาตรฐานด้วยวัย 14T-IPCCIk 2 ครั้งเมื่ออายุ 24 ชั่วโมงและ 45-71 ชั่วโมงหากไม่พบเชื้อทั้ง 2 ครั้งจะวินิจฉัยว่าไม่ติดเชื้อ
  - - - ถุงน้ำแตกก่อนคลอดเป็นเวลานาน
      - ภาวะติดเชื้อในน้ำคร่ำ
      - มารดามีเชื้อ group B streptococcus ในช่องคลอดหรือระบบสืบพันธุ์
    - - 1.อายุครรภ์น้อย
      - 2 น้ำหนักน้อย
      - 3 การะแทรกซ้อน