Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะขาดออกซิเจน (Birth asphyxia หรอืperinatal asphyxia ) - Coggle Diagram
ภาวะขาดออกซิเจน (Birth asphyxia
หรอืperinatal asphyxia )
พยาธิสรีรภาพ
เมื่อทารกมีภาวะขาดออกซิเจนร่างกายไม่สามารถดูดซึมออกซิเจนเข้าสู่ระบบไหลเวียนเลือดได้ทำให้มีปริมาณออกซิเจนในกระแสเลือดลดลงส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงการไหลเวียนเลือดในร่างกายโดยมีเลือดไปเลี้ยงอวัยวะที่สำคัญที่สุดในร่างกายก่อนคือสมองหัวใจและต่อมหมวกตายส่วนอวัยวะอื่นๆจะมีเลือดไปเลี้ยงน้อยลงการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือมีการเปลี่ยนแปลงอัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจเริ่มด้วยมีอาการหายใจแบบขาดอากาศประมาณ 1 นาทีตามด้วยการหายใจไม่สม่ำเสมอและหัวใจเต้นช้าลงถ้าไม่ได้รับการแก้ไขทารกจะหยุดหายใจ
อาการและอาการแสดง
ระยะคลอด
พบขี้เทาปนในน้ำคร่ำ
ระยะหลังคลอด
แรกคลอดทันทีมีคะแนนAPGARต่ำกว่า7หลังคลอดในระยะต่อมาจะมีการเปลี่ยนแปลงมีอาการและอาการแสดงดังนี้
1ปอด ทำให้ทารกคลอดก่อนกำหนดเกิดภาวะRDSส่วนทารกที่คลอดครบกำหนดจะเกิดภาวะpersistent. pulmonary of the newborn (PPHN) ทำให้ทารกมีอาการหายใจหอบตัวเขียว
4เมตาบอลิซึม ทารกมักจะเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ แคลเซี่ยมต่ำ และโปรแทสเซียมสูงมีผลทำให้ทารกชักและเสียชีวิต
5ระบบทางเดินปัสสาวะ ทารกจะมีปัสสาวะน้อยลงหรือไม่ถ่ายปัสสาวะ ถ่ายปัสสาวะเป็นเลือด
2ระบบหัวใจและการไหลเวียนเลือด การขาดออกซิเจนในระยะแรกร่างกายจะส่งเลือดไปเลี้ยงสมอง หัวใจและต่อมหมวกไต ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็ว ผิวซีด หายใจแบบ gasping มี Metabolic acidosis อุณหภูมิร่างกายต่ำลง ความดันโลหิตต่ำ
3ระบบทางเดิน อาหารลำไส้จะบีบตัวแรงชั่วคราวทำให้ทารกถ่ายขี้เทาขณะอยู่ในครรภ์มารดาจึงเสี่ยงต่อการสำลักขี้เทาเข้าปอด ทารกที่คลอดก่อนกำหนดลำไส้จะตอบสนองต่อภาวะขาดออกซิเจนโดยการหยุดทำงานทำให้ท้องอืดมาก
ระยะตั้งครรภ์อยู่หรือก่อนคลอด
ทารกมีการเคลื่อนไหวมากกว่าปกติและต่อมาจะมีการเคลื่อนไหวน้อยลงกว่าปกติอัตราการเต้นของหัวใจทารกในระยะแรกจะเร็วมากกว่า 160 ครั้งต่อนาที ต่อมาจะช้าลง
กลไกการเกิด
การไหลเวียนเลือดทางสายสะดือขัดข้อง มีการหยุดไหลเวียนหรือไหลเวียนลดลง
ไม่มีการแลกเปลี่ยนออกซิเจนที่รก
มีการนําออกซิเจนหรือสารอาหารจากมารดาไปยังทารกโดยผ่านทางรกไม่เพียงพอ
ปอดทารกขยายไม่เต็มที¬และการไหลเวียนเลือดยังคงเป็นแบบทารกในครรภ์ไ ม่สามารถปรับเป็นแบบทารกหลังคลอดได้และไม่พัฒนาเป็นแบบผู้ใหญ่
การรักษา
การให้ความอบอุ่น เช็ดผิวหนังทารกให้แหง้อย่างรวดเร็ว ด้วยผ้าแห้งและอุ่น แล้วเอาผ้าเปียกออก ห่อตัวทารกด้วย ผ้าอุ่น ผืนใหม่ หรื อskin to skin contact
การกระตุ้นทารก(tactile stimulation)
การให้ออกซิเจน
การช่วยหายใจ(ventilation)การช่วยหายใจด้วย แรงดันบวก โดยใช้ mask และ bag มีข้อบ่งชี้ดังนี้
2) อัตราการเต้นของหัวใจน้อยกว่า 100ครั้ง/นาที
1) หยุดหายใจหรือหายใจแบบ gasping
3) เขียวขณะได้ออกซิเจน 100%
ทําทางเดินหายใจให้โล่ง (clearing the airway)
การใส่ท่อหลอดลมคอ มีข้อบ่งชี้ในการใส่คือ
1) เมื่อต้องช่วยหายใจด้วยแรงดันบวกเป็นเวลานาน
2) เมื่อช่วยหายใจด้วย mask และ bag แล้วไม่ได้ผล
3) เมื่อต้องการดูดสิ่งคัดหลั่งในหลอดลมคอ
4) เมื่อต้องการนวดหัวใจ
5) ทารกมีไส้เลื่อนกระบังลม หรือน้ำหนัก ตัวน้อยกว่า 1,000 กรัม
การนวดหัวใจ(Chest compression)
การให้ยา (medication)
Naloxone hydrochroride (Narcan) ให้ขนาด 0.1 มก/กก หรือ 0.25 มล/ กก ของยาที่มีความเข้มข้น 0.4 มก/ มล ห้ามให้ในทารกที่เพิ่งเกิดจากมารดาที่สงสัยติดยาเสพติดเพราะว่า จะเป็นการถอนยาอย่างกะทันหันทำให้ทารกชักได้
Epineprine ที่ใช้ยาเข้มข้น 1 : 10,000 ปริมาณ 0.01 - 0.03 มล/กก
การรักษาจําแนกตามความรุนแรงของการขาดออกซิเจน
severe asphyxia
ให้การช่วยเหลือโดยช่วยหายใจทันทีที่¬คลอดเสร็จ โดยใส่ ET tube และช่วยหายใจด้วย ออกซิเจน 100% ผ่าน bag ร่วมกับการนวดหัวใจ
moderate asphyxia
ให้ออกซิเจน 100% และช่วยหายใจด้วย mask และbag เมื่อดีขึ้นจึงใส่ feeding tube เข้ากระเพาะอาหารเพื่อดูดลมออก ถ้าไม่ดีขึ้นหลังช่วยหายใจนาน 30 วินาทีใส่ ET tube และนวดหัวใจ
mild asphyxia
ให้ความอบอุ่น ทำทางเดินหายใจให้โล่ง กระตุ้นการหายใจให้ ออกซิเจนผ่านสายออกซิเจนหรือ mask