Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะขาดออกซิเจนในทารกแรกเกิด (Birth asphyxia), นางสาวปัณฑิตา คำใจ…
ภาวะขาดออกซิเจนในทารกแรกเกิด (Birth asphyxia)
ความหมาย
ภาวะที่ประกอบด้วยเลือดขาดออกซิเจน (hypoxemia) คาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดสูง (hypercapnia) และเลือดเป็นกรด เนื่องจากมีการระบายอากาศที่ปอด (ventilation) และการกําซาบของปอด (pulmonary perfusion) ไม่เพียงพอหรือไม่มี ภายหลังคลอดแล้ว หลาย ๆ นาทีส่งผลให้อวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายมีเลือด และออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอ เป็นเหตุให้เซลล์หรืออวัยวะต่างๆ ตายหรือเสียหน้าที่
พยาธิสภาพ
ภาวะขาดออกซิเจนแรกคลอด ทำให้เกิดการหายใจทางปาก หายใจไม่สม่ำเสมอและหัวใจเต้นช้าลง
ส่งผลให้เกิดภาวะเลือดเป็นกรด ค่าความเป็นกรด (pH) ต่ำลง ค่าความดันออกซิเจนในเลือด (PaO2) ลดลง
ค่าความดันคาร์บอนไดออกไซด์ (PaCO2) เพิ่มขึ้น
การกระจายของเลือดไปสู่อวัยวะต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เพื่อให้หัวใจและสมองได้รับเลือดและออกซิเจนอย่างสม่ำเสมอ ปริมาณของเลือดที่ไปสู่ปอด ไต ลำไส้ และลำตัวจะลดลง
ทำให้หลอดเลือดฝอยในปอดหดตัวมีเลือดไหลลัดผ่าน foramen ovale และ ductus arteriosus เข้าสู่ระบบหลอดเลือดของร่างกาย เพื่อไปเลี้ยงส่วนที่จำเป็นของร่างกาย คือ สมอง และหัวใจ
ถ้าภาวะขาดออกซิเจนแรกคลอด นานเกิน 5 นาที หัวใจและสมองก็จะขาดออกซิเจน ถ้าทารกไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีจะทำให้เกิดภาวะเลือดเป็นกรดมากขึ้น ทำให้เกิดหลอดเลือดฝอยในปอดหดตัวมากยิ่งขึ้น ทำให้การแลกเปลี่ยนก๊าซลดลง
สาเหตุ
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการคลอด
ศีรษะทารกไม่ได้สัดส่วนกับเชิงกรานมารดา
คลอดติดไหล่
ความผิดปกติของสายสะดือ
ครรภ์แฝด
ทารกท่าผิดปกติ
การคลอดโดยใช้หัตถการต่าง ๆ
การคลอดที่ทำยากลำบาก
ปัจจัยเกี่ยวกับมารดา
ตกเลือด
อายุมาก
เบาหวาน
รกเกาะต่ำ
รกลอกตัวก่อนกำหนด
ภาวะพิษแห่งครรภ์
ความดันโลหิตต่ำ
ครรภ์เกินกำหนด
ซีดมาก
เคยคลอดมาแล้วหลายครั้ง
ได้รับยาแก้ปวดหรือยาสลบจำนวนมาก
ปัจจัยเกี่ยวกับทารก
ทารกที่เกิดก่อนกำหนด
ทารกที่เจริญเติบโตช้าในครรภ์
ภาวะติดเชื้อในครรภ์
ความพิการโดยกำเนิด
อาการและอาการแสดง
แรกคลอดทารกเขียว ไม่หายใจ กล้ามเนื้ออ่อนแรง หัวใจเต้นช้า รีเฟล็กซ์ลดลง ค่าคะแนน Apgarที่ 1 และ 5 นาทีหลังคลอดน้อยกว่า 5 หรือต้องช่วยหายใจนานเกิน 2-3 นาที ถือว่ามีภาวะขาดออกซิเจนระหว่างคลอด
Apgar score
ลักษณะสีผิวของทารก
ตัวเขียวคล้ำ, ซีด = 0
เขียวที่ส่วนปลายมือ
ปลายเท้า = 1
สีชมพู = 2
ชีพจรหรืออัตราการเต้นของหัวใจ
ไม่มี = 1
ช้า (<100 ครั้ง/นาที) = 1
100 ครั้ง/นาที = 2
สีหน้าจากการถูกกระตุ้น
ไม่ตอบสนอง = 0
หน้าเบะ = 1
ร้องเสียงดัง = 2
การเคลื่อนไหวหรือความตึงของกล้ามเนื้อ
อ่อนปวกเปียก = 0
งอแขนขาบ้าง = 1
เคลื่อนไหว = 2
การหายใจ
ไม่หายใจ = 0
ช้าไม่สม่ำเสมอ = 1
ดี ร้องดัง = 2
ผลของการขาดออกซิเจนแรกคลอดต่ออวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย
ระบบหัวใจและหลอดเลือด
ศูนย์ควบคุมการทำงานของหัวใจถูกกดเป็นผลให้หัวใจเต้นช้าลง
การขาดออกซิเจนและการลดลงของไกลโคเจนของหัวใจ ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจทำงาน
ประสิทธิภาพลดลง หัวใจพองขยาย ความดันโลหิตต่ำ เกิดภาวะช็อกจากหัวใจ
การขาดออกซิเจนมากของหัวใจ ทำให้เกิดภาวะหัวใจวาย
การมีเลือดไปเลี้ยงเนื้อเยื่อหัวใจลดลง ทำให้ลิ้นหัวใจหลอดเลือดหัวใจถูกทำลายเกิด
เนื้อตาย ในที่สุดลิ้นหัวใจปิดไม่สนิท ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้ได้ยินเสียงเมอร์เมอร์ (murmur)
การรั่วของซีรัมจากหลอดเลือด จากเยื่อบุหลอดเลือดเสียหน้าที่ ทำให้ปริมาณเลือดที่ไหลเวียนลดลง ทำให้ความดันโลหิตต่ำ
ระบบหายใจ
ศูนย์หายใจถูกกด ทำให้หายใจช้า หรือหยุดหายใจ
เนื้อเยื่อปอดขาดออกซิเจนมาก ๆ ทำให้เซลล์ถุงลม (elveolar cell type II) ไม่สามารถ
สร้างสารลดแรงตึงผิว (surfactant) ได้ เกิดกลุ่มอาการหายใจลำบาก
การรั่วของซีรัมจากหลอดเลือดปอด จากเยื่อบุหลอดเลือดเสียหน้าที่ ทำให้เกิดภาวะปอดคั่งน้ำ
ระบบประสาทกลาง
โรคสมองขาดออกซิเจนและเลือดไปเลี้ยง (hypoxic ischemic encephalopathy) ทารกจะมีการเปลี่ยนแปลงระดับการรู้สติ หายใจไม่สม่ำเสมอ หยุดหายใจ รีเฟล็กซ์ลดลง กำลังกล้ามเนื้อลดลงหรืออาจชักได้
เลือดออกในสมองจากหลอดเลือดของสมองเสียความคงทน แตกได้ง่าย เมื่อความดันในหลอดเลือดเพิ่มสูงขึ้นจากปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงสมองที่เพิ่มขึ้นผิดปกติ ทารกจะมีการเปลี่ยนแปลงระดับการรู้สติ หยุดหายใจ หายใจลำบาก กระหม่อมโป่งตึง ความดันโลหิตและอุณหภูมิร่างกายไม่คงที่ ระดับน้ำตาลในเลือดไม่คงที่ ฮีมาโทคริตลดลง
ภาวะชัก จากคอร์เท็กซ์ของสมองถูกทำลาย อาการมักจะเริ่มด้วยชักแบบซ่อนเร้นไปถึงชักตลอดเวลา
ภาวะสมองบวมจากการคั่งของสารน้ำทั้งภายในและภายนอกเซลล์ของสมอง เนื่องจากการสูญเสียการทำหน้าที่ของหลอดเลือดในสมองทำให้เกิดการรั่วของสารน้ำจากหลอดเลือด ทำให้เกิดภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูงขึ้น
ระบบการขับถ่าย
ไตจะไวต่อภาวะขาดออกซิเจน การขาดออกซิเจนและเลือดไปเลี้ยงทำให้หลอดฝอยของไต หรือเนื้อไตเกิดเน่าตายอย่างเฉียบพลัน ปัสสาวะลดน้อยลง หรือไม่ปัสสาวะใน 48 ชั่วโมงหลังคลอดหรือปัสสาวะเป็นเลือด
ระบบทางเดินอาหาร
ภาวะขาดออกซิเจนแรกคลอดทำให้เลือดไปเลี้ยงระบบทางเดินอาหารลดลง ทำให้เกิดภาวะลำไส้เน่าเปื่อยได้ และจากการเปลี่ยนแปลงการทำหน้าที่ของตับจากภาวะขาดออกซิเจน ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ บิลิรูบินในเลือดสูงหรือเซลล์ตับเน่าตาย นอกจากนี้ภาวะขาดออกซิเจนแรกคลอด ทำให้เกิดความผิดปกติของเมตาบอลิซึม ได้แก่ ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ
การดูแลรักษาและป้องกัน
ป้องกันปัญหาโดยแนะนำการดูแลสุขภาพมารดา
ในขณะตั้งครรภ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพ
วินิจฉัยภาวะขาดออกซิเจนแรกคลอด ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อจะได้รับการรักษาแก้ไข และเตรียมช่วยฟื้นชีวิต (resuscitation)
ช่วยฟื้นชีวิตในทารกแรกเกิด
(Neonatal resuscitation) ที่มีประสิทธิภาพ
การสังเกตอาการของทารกหลังการแก้ไข โดยเฉพาะการสังเกตการปรับตัวใน transitional period
การรักษาผลกระทบของภาวะขาดออกซิเจน
ต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย
การรักษาประคับประคองและการรักษาตามอาการ
การสังเกตอาการต่าง ๆ อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ถ้ามีการสังเกตโดยใช้เครื่องติดตาม
สัญญาณชีพตลอดเวลา จะยิ่งดีมากขึ้น
ให้ความอบอุ่นและควบคุมทารกให้มีอุณหภูมิปกติ
ให้ออกซิเจนที่เหมาะสม
งดอาหารทางปากชั่วคราว ให้สารน้ำและอาหารทางหลอดเลือด
ถ้าความเข้มข้นของเลือดต่ำหรือเสียเลือด การให้เลือดจะช่วยได้ดีมากกว่าการให้ออกซิเจนแต่เพียงอย่างเดียว
หลังจาก 12 ชั่วโมง ให้ระวังอาการชักไว้ ควรจะให้ค่าอิเล็กโทรไลต์ แคลเซียม ความดันของก๊าซในเลือด อยู่ในเกณฑ์ปกติ ถ้ามีอาการชักต้องรีบรักษาทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้มีอาการชักเกิดขึ้นบ่อย ๆซ้ำซาก อันจะเป็นผลให้สมองขาดออกซิเจนเพิ่มขึ้นได้อีก และพิการมากขึ้นได้
พิจารณาให้ยาปฏิชีวนะในกรณีที่มีหัตถการต่างๆ มากและนาน
ระมัดระวังภาวะแทรกซ้อนต่างๆ
นางสาวปัณฑิตา คำใจ 611001026