Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่มีความผิดปกติของน้ำคร่ำ และความผิดปกติของทารกในคร…
การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่มีความผิดปกติของน้ำคร่ำ และความผิดปกติของทารกในครรภ์
ภาวะน้ำคร่ำผิดปกติ
น้ำคร่ำมากกว่าปกติ (polyhydramnios)
การตั้งครรภ์ที่มีน้ำคร่ำมากผิดปกติ เกินเปอร์เซ็นไทล์ที่ 95 หรือ 97.5 ของแต่ละอายุครรภ์ โดยมีปริมาณน้ำคร่ำมากกว่ากว่า 2,000 มล.
แบ่งเป็น 2 ชนิด
ภาวะน้ำคร่ำมากอย่างเฉียบพลัน (Acute hydramnios)
อายุครรภ์ 20-24 สัปดาห์ จะมีมีปริมาณน้ำคร่ำเพิ่มขึ้นมากอย่างรวดเร็วภายใน 2-3 วัน
สตรีตั้งครรภ์มีอาการไม่สุขสบาย ปวดหลังและหน้าขา แน่นอึดอัดในช่องท้อง
มีอาการบวมที่ผนังหน้าท้อง อวัยวะเพศและหน้าขา ไม่สามารถคลำหาส่วน
ต่างๆของทารกได้อย่างชัดเจน
ภาวะน้ำคร่ำมากเรื้อรัง (chronic hydramnios)
น้ำคร่ำจะค่อยๆเพิ่มขึ้นอาการและอาการแสดงจะคล้ายๆกันกับภาวะน้ำคร่ำมากอย่างเฉียบพลัน
ส่วนใหญ่จะพบเมื่ออายุครรภ์ 30 สัปดาห์ขึ้นไป
สตรีตั้งครรภ์อาจมีอาการหายใจลำบาก อึดอัด
การดูแลรักษา
การเจาะดูดน้ำคร่ำออก (amnioreduction) ในรายที่มารดามีอาการแน่น อึดอัดหน้าท้องอย่างรุนแรง
รักษาด้วยยา prostaglandin synthetase inhibitors โดยใช้ในรายที่อายุครรภ์น้อยกว่า 32 สัปดาห
รับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง
น้ำคร่ำน้อยกว่าปกติ (oligohydramnios)
การตั้งครรภ์ที่มีน้ำคร่ำน้อยกว่า 300-500 มิลลิลิตร
การพยาบาล
ดูแลให้ได้รับการใส่สารน้ำเข้าไปในถุงน้ำคร้ำ (amnioinfusion)
รับฟังปัญหา แสดงความเห็นอกเห็นใจ และกระตุ้นให้ระบายความรู้สึก
ภาวะทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ (Intra Uterine Growth Restriction (IUGR)
ทารกที่มีการเจริญเติบโตช้าในครรภ์ ไม่เป็นไปตามปกติ ถึงแม้อายุครรภ์จะครบกำหนดแล้ว
โดยน้ำหนักแรกคลอดของทารกต่ำกว่าเปอร์เซนไทล์ที่ 10 ที่อายุครรภ์นั้นๆ (SGA)
การจำแนกประเภทของ IUGR
ทารกโตช้าในครรภ์แบบได้สัดส่วน (Symmetrical IUGR)
มีการเจริญเติบโตช้าทุกระบบของร่างกาย ทั้งส่วนที่กว้างของศีรษะ (BPD) เส้นรอบศีรษะ (HC) เส้นรอบท้อง (HC)ความยาวกระดูกต้นขา (FL) มีค่าต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำในอายุครรภ์นั้น ๆ
ทารกโตช้าในครรภ์แบบไม่ได้สัดส่วน (Asymmetrical IUGR)
พบได้ร้อยละ 80 ทารกจะเจริญเติบโตช้าในไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์
อัตราการเจริญเติบโตของส่วนท้อง (AC) จะช้ากว่าส่วนศีรษะ (HC)
การตั้งครรภ์ที่มีจำนวนทารกมากกว่า 1 คน (multiple pregnancy)
แฝดที่เกิดจากไข่ใบเดียวหรือแฝดแท้ (monozygotic twins / identical twins)
ปฏิสนธิจากไข่ 1 ใบ และตัวอสุจิ 1 ตัว มีการแบ่งตัวในระยะเวลาต่าง ๆ กันภายใน 14 วันหลังจากการปฏิสนธ
ทารกแฝดชนิดนี้จะมีรูปร่าง หน้าตา เพศ และลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนกัน
แฝดที่เกิดจากไข่คนละใบ หรือแฝดเทียม (dizygotic twins/ fratemal)
ไข่ 2 ใบผสมกับอสุจิ 2 ตัว amnion 2 อัน และ chorion 2 อัน มีรก 2 อัน
ลักษณะทารกแฝดที่เป็นผู้รับ (recipient)
ทารกมีขนาดใหญ่กว่ามีน้ำหนักมากกว่าถึง 1,000 กรัม
เกิดภาวะตัวเหลืองจากการสลายของเม็ดเลือด
(hemolysis) ทำให้เกิดkernicterus
เกิดภาวะความเข้มข้นของเลือดมาก
เกิดภาวะ cardiac hypertrophy
เกิดภาวะน้ำคร่ำมาก (polyhydramnios)
ลักษณะทารกแฝดที่เป็นผู้ให้ (donor)
ทารกมีขนาดเล็กกว่า
น้ำตาลในกระแสเลือดน้อย
เกิดภาวะซีดค่อนข้างรุนแรง
เกิดภาวะ cardiac atrophy
เกิดภาวะน้ำคร่ำน้อย (oligohydramnios)
ทารกพิการแต่กำเนิด (congenital anormality)
ความผิดปกติของร่างกายทารกแรกเกิดที่พบได้ โดยมีความพิการที่สามารถสังเกตได้จากลักษณะภายนอกหรือความพิการที่อยู่ในอวัยวะภายใน
ความผิดปกติของทารกสามารถแบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม
2.Disruption คือ ความผิดปกติทางรูปร่างของอวัยวะจากปัจจัยภายนอกมาขัดขวางขบวนการเจริญเติบโตของอวัยวะนั้น
3.Deformation คือ โครงสร้างของอวัยวะของร่างกาย
เดิมเคยปกติมาก่อน มีผลมาจากแรงภายนอกทำให้โครงสร้างที่กำลังพัฒนาผิดรูปไป
1.Malformation คือ ความผิดปกติทางรูปร่างของอวัยวะหรือขบวนการเจริญเติบโตของอวัยวะนั้น เช่น ความผิดปกติที่เกิดจากยีนและโครโมโซม ได้แก่ ปากแหว่ง เพดานโหว
4.Dysplasia คือ ความผิดปกติทางรูปร่างของอวัยวะเป็นผลมาจากความผิดปกติของการจัดระเบียบของเซลล์ที่จะเจริญไปเป็นเนื้อเยื่อ
การป้องกัน
1.การให้คำแนะนำปรึกษาทางพันธุศาสตร์ (Genetic counseling)
1.1 ก่อนการตั้งครรภ์ในรายที่มีภาวะเสี่ยง จะต้องได้รับการให้คำแนะนำปรึกษาทางพันธุศาสตร์ตั้งแต่ก่อนการตั้งครรภ์รวมถึงการทำพงศาวลี (pedigree)
1.2 เมื่อตั้งครรภ์ จะทำการตรวจวินิจฉัยก่อนคลอด
1.3 การให้คำปรึกษาภายหลังการตรวจวินิจฉัยก่อนคลอด
1.4 หลีกเลี่ยงการสัมผัส teratogen
ทารกตายในครรภ์ (Dead Fetus in Utero DFU)
การตายของทารกในระยะแรก (early fetal death) คือ การตายก่อนอายุครรภ์ 20 สัปดาห์
การตายของทารกในระยะกลาง (intermediate fetal death) คือการตายระหว่างอายุครรภ์ 20-28 สัปดาห์
การตายของทารกในระยะสุดท้าย (late fetal death) คือการตายตั้งแต่อายุครรภ์ 28 สัปดาห์ขึ้นไป
การวินิจฉัย
ซักประวัติมารดาพบ ทารกไม่ดิ้นหรือดิ้นน้อยลง
การตรวจร่างกาย
น้ำหนักตัวของมารดาคงที่หรือลดลง
คลำยอดมดลูกพบว่าไม่สัมพันธ์กับอายุครรภ์ไม่พบว่าทารกมีการเคลื่อนไหว
ฟังเสียงหัวใจทารกไม่ได้
พบสิ่งคัดหลั่งสีน้ำตาลไหลออกทางช่องคลอด
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยการ ultrasound
ทารกไม่มีการเต้นของหัวใจ
การเกยกันของกะโหลกศีรษะ (overlapping)
ตรวจพบแก๊สในหัวใจ เส้นเลือดใหญ่ หรือช่องท้องทารก เรียกว่า Robert sign
การพยาบาล
ให้การประคับประคองทางด้านจิตใจ
ประเมินความต้องการสัมผัสกับทารกแรกคลอดที่เสียชีวิต
ติดตามผลการตรวจเลือดเพื่อหาระยะการแข็งตัวของเลือด clotting time ระดับของ fibrinogen ในกรณีที่ทารกตายในครรภ์เกิน 2 สัปดาห์
ให้ได้รับยายับยั้งการหลั่งน้ำนมตามแผนการรักษาของแพทย์