Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะขาดออกซิเจน (Birth asphyxia หรือperinatal asphyxia ), นางสาวศุภสุตา…
ภาวะขาดออกซิเจน (Birth asphyxia หรือperinatal asphyxia )
พยาธิสรีรภาพ
เมื่อทารกมีภาวะขาดออกซิเจนร่างกายไม่สามารถดูดซึมออกซิเจนเข้าสู่ระบบไหลเวียนเลือดได้ทําให้มปริมาณออกซิเจนในกระแสเลือด ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงการ ไหลเวยีนเลือดในร่างกายโดยมีเลือดไปเลี้ยงอวัยวะที่สําคัญที่สุดในร่างกายก่อน คือ สมอง หวัใจ และต่อมหมวกไตส่วนอวัยวะอื่น ๆ จะมีเลือดไปเลี้ยงน้อยลง การเปลี่ยนแปลงที่เห็น ได้ชัด คือ มีการเปลี่ยนแปลงอัต ราการเต้นของหัวใจและการหายใจ เริ่มด้วยมีอาการหายใจ แบบขาดอากาศ
(gasping) ประมาณ 1 นาทีตามด้วยการหายใจไม่สม่ำเสมอและหัวใจเต้นช้าลง ถ้าไม่ได้รับการแก้ไขทารกจะหยุดหายใจ
อาการและอาการแสดง
ระยะตั้งครรภ์หรือก่อนคลอด
ทารกมีการเคลื่อนไหวมากกว่าปกติและต่อมาจะมีการเคลื่อนไหวน้อยลงกว่าปกติอัตราการเต้นของหัวใจทารกในระยะแรกจะเร็วมากกว่า 160 ครั้ง/นาทีต่อมาจึงช้าลง
ระยะคลอด
พบขี้เทาปนในน้ำคร่ำ
ระยะหลังคลอด
แรกคลอดทันทีมีคะแนน APGAR ต่ำกว่า 7 หลังคลอดในระยะต่อมาจะมีการเปลี่ยนแปลงมีอาการและอาการแสดงดังนี้
การเปลี่ยนแปลงในปอดการขาดออกซิเจนทําใหห้ลอดเลือดในปอดหดตัวความดันเลือดในปอดสูงขึ้น เลือดไปเลี้ยงปอดได้น้อยลงการทํางานของเซลล์ปอดเสียไปทําให้ท้ารกมีอาการหายใจหอบ ตัวเขียว
การเปลี่ยนแปลงในระบบหวัใจและการไหลเวยีนเลือด การขาดออกซิเจนระยะแรกร่างกายจะส่งเลือดไปเลี้ยงสมอง หวัใจและต่อมหมวกไตแต่ลดปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงผิวหนัง ลําไส้กล้ามเนื้อและไต ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็ว ผิวซีด หายใจแบบ gasping มี metabolic acidosis อุณหภูมิร่างกายต่ำลงความดันโลหิตต่ำ
การเปลี่ยนแปลงในระบบประสาท ถ้าขาดออกซิเจนนานทารกจะซึมหยุดหายใจบ่อย หัวใจเต็นช้าลง ม่านตาขยายกว้าง ไม่ตอบสนองต่อแสง ไม่มีDoll’s eye movement และมักเสียชวีติ
การเปลี่ยนแปลงในระบบทางเดินอาหาร ลําไส้จะบีบตัวแรงชัวคราวทําให้ทารกถ่ายขี้เทาขณะอยู่ในครรภ์มารดาจึงเสี่ยงก่อการสําลักขี้เทาเข้าปอด
การเปลี่ยนแปลงทางเมตาบอลิซึม หลังขาดออกซิเจนทารกมักเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำแคลเซียมต่ำและโปแตสเซียมสูง มีผลทําให้ทำรกชักและเสียชวีติ
การเปลี่ยนแปลงในระบบทางเดินปัสสาวะทารกจะมีปัสสาวะน้อยลงหรือไม่ถ่ายปัสสาวะหรอืถ่ายปัสสาวะเป็นเลือด
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ค่า arterial blood gas ผิดปกติ คือ PaCO2 > 80 mmHg, PaO2 < 40 mmHg, pH < 7.1
ระดับน้ำตาลในเลือด 30 mg%
ค่าของ calcium ในเลือดต่ำกว่า 8 mg%
ค่าของ potassium ในเลือดสูง
ความหมาย
ภาวะขาดออกซิเจนในทารกแรกเกิด หมายถึงภาวะที่ทารกแรกเกิดไม่สามารถหายใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นผลให้ขาดสมดุลของการแลกเปลี่ยนก๊าซทำให้มีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ (hypoxia) มีการคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์ (hypercapnia)และมีสภาพเป็นกรดในกระแสเลือด(metabolic acidosis)
กลไกการเกิด
การไหลเวียนเลือดทางสายสะดือขัดข้อง มีการหยุดไหลเวียนหรือไหลเวียนลดลง
ไม่มีการแลกเปลี่ยนออกซิเจนที่รก ซึ่งเกิดจากรกมีการแยกตัวออกจากมดลูก
มีการนำออกซิเจนหรือสารอาหารจากมารดาไปยังทารกโดยผ่านทางรกไม่เพียงพอ
ปอดทารกขยายไม่เต็มที่และการไหลเวียนเลือดยังคงเป็นแบบทารกในครรภ์ไม่สามารถปรับเป็นแบบทารกหลังคลอดได้และไม่พัฒนาเป็นแบบผู้ใหญ่
การรักษา
การรกัษาเริ่มต้องแต่การช่วยขั้นพื้นฐานไปจนถึงการช่วยกู้ชวีติ
การให้ยา (medication)
Epineprine เมื่อช่วยหายใจด้วยออกซิเจน 100% และนวดหัวใจนานเกิน 30 วินาทีแล้ว HR ยังน้อยกว่า 60ครั้ง/นาที ใช้ยาเข้มข้น 1 : 10,000 ปริมาณ 0.01-0.03 mg/kg ผ่านทางหลอดเลือด
สารเพิ่มปริมาตร(volume expanders) เมื่อมีภาวะ hypovolemic ให้ NSS หรือ Ringer’s lactate หรือ packed red cell ขนาด 10 mg/kg ในเวลา 5-10 นาทีใหซ้ำได้เมื่ออทารกมีการตอบสนองที่ดีขึ้นและต้องการเพิ่ม
Naloxone hydrochroride (Narcan) ใช้กับทารกที่มารดาได้รับยากลุ่มยาเสพติดที่กดการหายใจภายใน 4 ชั่วโมงก่อนคลอดภายหลังช่วยหายใจแล้วให้ขนาด 0.1 mg/kg หรือ 0.25 mg/kg ของยาที่มีความเข้มข้น 0.4 mg/kg
การนวดหัวใจ(Chest compression)
การใช้นิ้วมือ 2 นิ้วโดยใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางของมือข้างหนึ่งกดบนกระดูกสันอกมืออีกข้างรองรับแผ่นหลังทารก
การใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างโดยใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างกดบนกระดูกสันอกใช้อุ้งมือโอบรอบหน้าอกและนิ้วที่เหลือเป็นตัวรองรับแผ่นหลังทารก
ทําทางเดินหายใจให้โล่ง (clearing the airway)
กรณีไม่มีขี้เทาปนในน้ำคร่ำ
หลังจากศีรษะทารกคลอด ใช้ลูกสูบยางแดงดูดสิ่งคัด
หลั่งในปากก่อนแล้วจึงดูดในจมูก
กรณีมีขี้เทาปน
ต้องรีบดูดขี้เทาออกทันทีที่ศีรษะทารกคลอด โดยใช้สายดูดเสมหะเบอร์ 12F-14F หรือใช้ลูกสูบยางแดง แล้วจึงทำคลอดลำตัว ถ้าทารกไม่หายใจ ตัวอ่อน หัวใจเต้นช้ากว่า 100 ครั้ง/นาที ใส่endotracheal tube ดูดขี้เทาออกจากคอหอยและหลอดคอใหม้ากที่สุด
การกระตุ้นทารก(tactile stimulation)
เช็ดตัวและดูดเมือกจากปากและจมูกสามารถกระตุ้นทารกให้หายใจได้อย่างดีถ้าทารกยังไม่ร้องหรือหายใจไม่เพียงพอให้ลูบบรเิวณหลังหน้าอก ดีดส้นเท้าทารก
การให้ออกซิเจน
ให้ออกซิเจน ในทารกที่มีตัวเขียว อัตราการเต้นของหัวใจช้า หรือมีอาการหายใจลําบากให้ออกซิเจน 100% ที่ผ่านความชื้นและอุ่น ผ่านทาง mask หรือท่อให้อ้อกซิเจนโดยใช้มือผู้ให้ทำเป็นกระเปาะเปิดออกซิเจน 5 ลิตร/นาที
การช่วยหายใจ(ventilation)การช่วยหายใจด้วยแรงดันบวก โดยใช้ mask และ bag
หยุดหายใจหรอืหายใจแบบ gasping
อัตราการเต้นของหัวใจน้อยกว่า 100คร้ัง/นาที
เขียวขณะได้ออกซิเจน 100%
การใส่ท่อหลอดลมคอ
เมื่อต้องช่วยหายใจด้วยแรงดันบวกเป็นเวลานาน
เมื่อช่วยหายใจด้วย mask และ bagแล้วไม่ได้ผล
เมื่อต้องการดูดสิ่งคัดหลั่งในหลอดลมคอ กรณีที่มีขี้เทาปนเปื้อนน้ำคร่ำ
เมื่อต้องการนวดหัวใจ
ทารกมีไส้เลื่อนกระบังลม หรือน้ำหนักตัวน้อยกว่า 1,000 กรัม
1.การให้ความอบอุ่น
เช็ดผิวหนังทารกให้แห้งอย่างรวดเร็ว ด้วยผ้าแห้งและอุ่นแล้วเอาผ้าเปียกออก ห่อตัวทารกด้วยผ้าอุ่นผืนใหม่ หรือ skin to skin contact
การรักษาจําแนกตามความรุนแรงของการขาดออกซิเจน
mild asphyxia
ให้ความอบอุ่นทําทางเดินหายใจให้โล่ง กระตุ้นการหายใจให้ออกซิเจนผ่านสายออกซิเจนหรือ mask ถ้าอาการดีขึ้นมีคะแนน APGAR ที่ 5 นาที>8 คะแนน
ดูแลเหมือนทารกทั่วไป ถ้าคะแนน APGAR ที่ 5 นาที< 4 คะแนน ดูแลเหมือนทารกที่มีภาวะ moderate asphyxia
moderate asphyxia
ให้ออกซิเจน 100% และช่วยหายใจด้วย mask และ bag เมื่อดีขึ้นจึงใส่ feeding tube เข้ากระเพาะอาหารเพื่อดูดลมออก ถ้าไม่ดีขึ้นหลังช่วยหายใจนาน 30 วินาทีใส่ ET tube และนวดหัวใจ
severe asphyxia
ให้การช่วยเหลือโดยช่วยหายใจทันทีที่คลอดเสร็จ โดยใส่ ET tube และช่วยหายใจด้วยออกซิเจน 100% ผ่าน bag ร่วมกับการนวดหัวใจ ถ้าไม่ดีขึ้นรักษาด้วยยาการช่วยเหลือที่ดีจะพบการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นตามลําดับ ดังนี้อัตราการเต้นของหวัใจทารกการตอบสนองเมื่อถูกกระตุ้น ลักษณะสีผิวอัตราการหายใจ การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ
การวินิจฉัย
อาการและอาการแสดง
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจร่างกาย การประเมินคะแนน APGAR จะพบการเปลี่ยนแปลงตามลำดับ ดังนี้
การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ
สีผิว
อัตราการเต้นของหัวใจ
อัตราการหายใจ เริ่มจากไม่สม่ำเสมอไปจนหยุดการหายใจ
การตอบสนองเมื่อถูกกระตุ้น
ประวัติการคลอด
การพยาบาล
เตรียมทีมบุคลากรเครื่องมือให้พร้อมก่อนคลอด ในรายที่มารดามีภาวะเสี่ยงหรือมีอาการแสดงที่น่าสงสัยว่าจะเกิด asphyxia
ดูดสิ่งคดัหลั่งให้มากที่สุดก่อนคลอดลำตัว
เช็ดตัวทารกให้แห้งทันทีหลังคลอดและห่อตัวรักษาความอบอุ่นของร่างกาย เพื่อลดการใช้ออกซิเจน
บันทึกอัตราการหายใจ การเต้นของหัวใจทารกภายหลังคลอด
สังเกตอาการขาดออกซิเจนเช่น ริมฝีปากและปลายมือปลายเท้าซีด เขียว หายใจปีกจมูกบาน หายใจออกมีเสียงคราง หน้าอกบุ๋ม หรืออาการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ เพื่อให้การช่วยเหลือและปรึกษาแพทย์ต่อไป
ดูแลให้ได้รับการตรวจทางห้องปฏิบัติการและได้รับยาตามแผนการรักษาของแพทย์
ดูแลให้ได้รับอาหารและสารน้ำตามแผนการรักษาของแพทย์
ดูแลความสะอาดของร่างกาย
ดูแลให้พักผ่อน
10.ส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างมารดาและทารก
นางสาวศุภสุตา โกยสมบูรณ์ รหัส 611001050 เลขที่51