Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพัฒนาของวัยต่างต่าง - Coggle Diagram
การพัฒนาของวัยต่างต่าง
การเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารก
การเจริญเติบโต พฤติกรรม และพัฒนาการของวัยทารก
พัฒนาการพื้นฐานที่สำคัญในวัยนี้ คือ พัฒนาการทางร่างกาย การเคลื่อนไหวและการพูดในขณะที่พัฒนาการด้านอื่นเช่น สติปัญญา อารมณ์และสังคม จะเกิดขึ้นช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไปและเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก
พัฒนาการทางด้านสติปัญญา จะเป็นไปตามวัยและต้องอาศัยการทำหน้าที่ในส่วนอื่นของร่างกายประกอบกันด้วย เช่น การรับรู้ การเรียนรู้ และความรู้เรื่องภาษา โดยที่ในขวบปีแรกการรับรู้จะอาศัยอวัยวะสัมผัสต่างๆ เช่น ปาก จมูก มือ ลิ้น และผิวหนัง โดยที่พบว่าเมื่ออายุประมาณ 7-8 เดือนทารกจะสามารถเห็นความแตกต่างของใบหน้ามารดา กับใบหน้าบุคคลอื่นที่ไม่เคยพบได้และเมื่ออายุได้ประมาณ 1-2 ขวบทารกจะสามารถแยกแยะสิงของที่ที่มีรูปร่างและสีสันแตกต่างกันได้และแยกความแตกต่างระหว่างเสียงของสัตว์ เสียงของรถ และเสียงอื่นๆได้ ในช่วงปลายปีที่ 2 ของชีวิตก็จะสามารถแสดงความชอบสิ่งที่รับรู้ได้ เช่น ชอบรสหวาน ชอบสีบางสี หรือเสียงบางเสียงเป็นต้น
พัฒนาการทางด้านร่างกาย เติบโตรวดเร็วมากกว่าวัยอื่น ยกเว้นรุ่น ระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานได้ดี ประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ พัฒนาการด้านกายจะเป็นไปตามวุฒิภาวะมากกว่าสิ่งแวดล้อม และเป็นอย่างสม่ำเสมอหรือมีแบบแผนที่แน่นอนคือ จากศีรษะสู่เท้าจากแกนกลางลำตัวสู่มือและเท้า ตา
พัฒนาการทางด้านอารมณ์ แรกเกิดนั้นอารมณ์ของทารกที่สังเกตได้จะเป็นอารมณ์สงบหรืออารมณ์ตื่นเต้นเท่านั้น ต่อมาจะแยกแยะได้มากขึ้นตามอิทธิพลของสิ่งเร้า เช่น ความกลัว ความเกลียด เบิกบาน ร่าเริง เป็นต้น โดยทั่วไปอารมณ์ของทารกที่พบคือ อารมณ์รัก โกธร กลัว เบิกบานและอยากรู้อยากเห็น
พัฒนาการทางด้านสังคม ในระยะ 2-3 เดือนแรกของชีวิต ทารกจะแสดงออกโดยสบตา การส่งเสียอือออ ต่อมาอายุได้ 6-7 เดือน จะแสดงความสนใจหรือผูกพันกับคนใกล้ชิดโดยเฉพาะมารดา
พัฒนาการทางด้านบุคลิกภาพ เป็นไปตามวิธีการโต้ตอบชงพ่อแม่หรือคนเลี้ยงดูที่มีต่อทารก เช่น มารดาที่รักลูกแนบอก ทำให้ทารกเกิดความเชื่อมั่น และไว้วางใจต่อโลกมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าหากมารดาแสดงออกอย่างเย็นชา หรือกระแทกกระทั้น ทารกจะรับรู้ได้ และมีการรู้สึกขาดความเชื่อมั่น และมองโลกแง่ร้ายได้ในอนาคต
การเจริญเติบโต พฤติกรรม และพัฒนาการของวัยทารกแรกเกิด
ทารกแรกเกิดนั้นเมื่อดูผิวเผิน มุกคนจะมีลักษณะที่คล้ายๆกัน การเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารกแรกเกิดนั้น สามารถแบ่งออกด้านต่างๆ ดังนี้
1.พัฒนาการทางด้านร่างกาย โดยส่วนใหญ่ทารกแรกเกิดจะมีน้ำหนักโดยเฉลี่ยประมาณ 3,100 กรัมและมีลำตัวยาวประมาณ 50 เซนติเมตร สัดส่วนของศีรษะต่อลำตัวของทารกแรกเกิดเป็น 1 ต่อ 4 จะมีแขนขาสั้นและงออยู่แทบตลอดเวลา มือและเท้าค่อนข้างเล็ก ผิวหนังอ่อนนุ่ม มีสีอมชมพู ผมเส้นเล็กอ่อนนุ่ม ตามหน้าผาก หลัง และแขนขามีขนอ่อนๆขึ้น ซึ่งจะค่อยๆร่วงไปในที่สุด โคงกระดูกอ่อน โดยเฉพาะกะโหลกศีรษะ จึงต้องจับด้วยความระมัดระวังกล้ามเนื้อยังมีน้อย และควบคุมการเคลื่อนไหวไม่ได้
2 พัฒนาการทางด้านพฤติกรรม ทำอะไรได้ไม่มากนัก เนื่องจากสมองและประสาทยังพัฒนาได้ยังไม่เต็มที่ พฤติกรรมของทารกแรกเกิดมีไว้เพื่อตอบสนองต่อการอยู่รอดของชีวิต เช่น การดิ้นไปมาของทารก หรือการหลับตาเมื่อมีแสงจ้า การรู้จักดูดนิ้วหรือหัวนิ้วหรือหัวนมแม่ที่มีผู้ใส่เข้าไปในปาก
3 พัฒนาการทางด้านอารมณ์ อารมณ์ของทารกแรกเกิด มี 3 ลักษณะคือ ความรัก ความโกธร และความกลัว ซึ่งมีอิทธิพลมาจากคนรอบข้าง โดยเฉพาะมารดาซึ่งเป็นผู้เลี้ยงดู หากมารดามียอมรับและเอาใจใส่ในตัวทารก ก็จะทำให้อารมณ์แจ่มใส่
4 พัฒนาการทางด้านบุคลิกภาพ เป็นการพัฒนาตั้งแต่เกิด โดยระยะแรกนั้น เป็นผลมาจากพันธุกรรมต่อมาเป็นผลของสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก โดยสิ่งแวดล้อมนั้นเริ่มมีความสำคัญมากตั้งแต่ทารกอยู่ในครรภ์ของแม่ หากทารกได้รับความกระทบกระเทือน เนื่องจากที่มารดาไม่ดูแลเอาใจใส่สุขภาพของตนเอง ก็จะส่งผลกระทบด้วยเช่นกัน
5 การปรับตัวของทารกแรกเกิด ต้องมีการปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมากโดยเฉพาะอุณหภูมิของสิ่งแวดล้อมภายนอกที่แตกต่างจากครรภ์มารดา และยังมีการปรับตัวในการหายใจการดูดและกลืน รวมถึงการขับถ่ายอีกด้วย
ช่วงวัยของทารก
วัยทารก หมายถึง ช่วงเวลาของชีวิตตั้งแต่กำเนิดสู่โลกภายนอก จนถึงอายุ 24 เดือนซึ่งสามารแบ่งเป็น 2 ช่วงคือ ช่างวัยแรกเกิด (infancy) และช่วงวัยทารก (babyhood)
ช่วงวัยทารกแรกเกิด นับตั้งแต่คลอดจนถึง 2 สัปดาห์เป็นระยะที่ทารกฟื้นตัวจากการคลอด และมรการปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะอุณหภูมิภายนอกครรภ์มารดา เนื่องจากขณะอยู่ในครรภ์มารดาจะอุณหภูมิระมาร 37 องศาเซลเซียส แต่คลอดออกมาแล้วจะอยู่ในอุณหภูมิประมาณ 37 องศาเซลเซียส
ช่วงวัยทารก นับตั้งแต่อายุได้ 2 สัปดาห์ถึง 2 ปี ในช่วงวัยนี้ ทารกจะแสดงความสนใจต่อสิ่งแวดล้อมภายนอก สามารถสื่อสารกับกับคนรอบตัวได้ดีขึ้น
การเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยเด็ก
ช่วงของเด็ก
วัยเด็กหมายถึง เด็กที่มีอายุระหว่าง 2-12 ขวบโดยสามารถแบ่งออกเป็น 2ช่วงใหญ่ๆ คือ ช่วงเด็กวัยเรียน ซึ่งแต่ละช่วงวัยนั้นจะมีการเจริญเติบโตและพัฒนาการแตกต่างกัน ดังนี้
ระยะแรก อายุ 2-3 ปีหรือเรียกว่า วัยเด็กเล็ก หรือเตาะแตะ
ระยะที่สองอายุ 4-5 ปีเรียกว่า วัยเด็กหรือ วัยอนุบาล
การเจริญเติบโตทางด้านร่างกาย
การเจริญเติบโตของร่างกายโดยทั่วไป รูปร่างและสัดส่วนของเด็กวัยก่อนเรียนจะเปลี่ยนไปจากวัยทารกมาก รูปร่างเดิมที่เคยอ้วนกลม ศีรษะใหญ่ และสั้นในวัยทารกนั้น จะค่อยๆ ยืดตัวออก ใบหน้าและศีรษะจะเล็กลงเมื่อเปรียบเทียบกับขนากของลำตัว ส่วนแขน ขา
น้ำหนัก ส่วนใหญ่มาจากการเจริญเติบโตของกระดูกและกล้ามเนื้อเป็นส่วนใหญ่โดยพบว่า เราอาจที่จะประมาณค่าน้ำหนักของเด็กวัยก่อนเรียนที่เพิ่มขึ้นตามอายุได้
ส่วนสูง โดยเฉลี่ยแล้วจะมีความสูงเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยประมาณปีละ 7.5 เซนติเมตร โดยเฉลี่ยอายุ 2ขวบนั้น จะมีความสูงประมาณ 1.75 เท่าความยาวแรกเกิด คือประมาณ 85-89 เซนติเมตร
ศีรษะละสมอง เส้นรอบศีรษะเด็กก่อนวัยเรียนจะค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นเมื่อมีอายุ 3 ปี ศีรษะของเด็กจะโตเป็นร้อยละ 90 ชองศีรษะผู้ใหญ่
ฟัน เมื่อเด็กก้าวสู้วัยก่อนเรียน จะมีฟันน้ำนมงอกออกมาครบ 20 ซี่ เมื่ออายุได้ประมาณ 2 ปีและฟันแท้จะเริ่มขึ้นปลายของวัยเด็ก คืออายุประมาณ 6 ปี
พัฒนาการทางด้านอารมณ์
เด็กวัยก่อนเรียนเป็นวัยที่มีอารมณ์ค่อนข้างรุ่นแรงมาก เมื่อไม่ได้สิ่งที่ต้องการ ก็จะแสดงอารมณ์ออกมาได้อย่างชัดเจน ล้มตัวลงนอนไปกับพื้น ดิ้นเร่าๆ ทุบตีผู้อื่น หรือกรีดร้องเสียดัง โดยลักษณะอารมณ์ของเด็กจะเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่แล้วก็หายเปลี่ยนแปลงได้ง่ายมาก พัฒนาทางอารมณ์ของเด็กในวัยนี้จะไม่สารมารถจำแนกออกเป็นช่วงอายุในแต่ละปีได้อย่างชัดเจนนัก หากแต่พบว่าเมื่ออายุ 2-3 ปีเด็กจะมีอารมณ์อิจฉาริษยา โดยอารมณ์นี้จะลดลงเมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ
พัฒนาการทางด้านสังคม
เป็นวัยที่เริ่มแน่ใจตัวของตัวเองมากขึ้น มีความต้องการเป็นอิสระ ดังนั้นจึงเริ่มออกห่างจากพ่อแม่ ชอบที่จะมีเพื่อนเล่น จะเห็นว่าในช่วงต้นๆจะเล่นแบบต่างคนต่างเล่น แต่เล่นอยู่ในบริเวณเดียวกัน และอายุมากขึ้นจะเริ่มเล่นเป็นกลุ่มและจะเปลี่ยนเรื่อยๆ ตามลักษณะที่ตัวเองสนใจ
พัฒนาการทางด้านสติปัญญา
โดยทั่วไปแล้ว พัฒนาการทางด้านสติปัญญาของเด็กก่อนวัยเรียนจะเป็นไปตามช่วงอายุที่เพิ่มขึ้น
พัฒนาการทางด้านจริยะธรรม
เด็กอายุ 3 ขวบยังไม่รู้ว่าอะไรคือความผิดหรือความถูกต้องสามารถเรียนรู้กฎเกณฑ์ง่ายๆ รู้ว่าตนเองทำอะไรบางอย่างไม่ได้ เช่น ตนจะเตะเตาไฟไม่ได้ แต่ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถเข้าใจในเรื่องของความดี หรือความไม่ดีก็ได้ก็ตาม แต่เด็กเรียนรู้ว่าเขาจะเป็นเด็กดี เมื่อเขาประพฤติดีหรือประพฤติตามที่พ่อแม่บอกให้ทำ และเขาจะกลายเป็นเด็กไม่ดีเมื่อเขาประพฤติหรือกระทำในสิ่งที่พ่อแม่ไม่อนุญาตให้ทำ
การเจริญเติบโตและพัฒนาการของผู้ใหญ่
วัยผู้ใหญ่ตอนต้นหรือวัยฉกรรจ์ (Early Adulthood) อายุ 18 – 35 ปี
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในวัยผู้ใหญ่ตอนต้น มีดังนี้
การเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย ความเจริญเติบโตทางกายสมบูรณ์และพัฒนาเต็มที่ ประสิทธิภาพและความสามารถของอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายสูงสุด รวมทั้งความสามารถทางด้านการสืบพันธุ์เต็มที่
ประสิทธิภาพทางร่างกายจะมีสูงสุดในช่วงอายุประมาณ20–30ปีหลังจากนั้นความสามารถต่าง ๆ ก็จะลดลงอย่างช้า ๆ และจะทรงตัวในอายุ 40- 45 ปี แล้วจึงลดลงต่ออีก
ความสามารถและความแข็งแรงของอวัยวะต่างๆ ของร่างกายจะมีมากที่สุดในช่วงอายุ 20 – 30 ปี อัตราการตอบสนองสูงสุดในช่วงอายุ 25 ปี หลังจากนั้นก็เริ่มลดลง
การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ ผู้ใหญ่ตอนต้นจะมีอารมณ์และความมั่นคงทางจิตใจดีกว่าระยะวัยรุ่น แต่ความสนใจในสิ่งต่าง ๆ มีการเปลี่ยนแปลงมากไม่คงที่ และต้องประสบกับความตึงเครียดทางอารมณ์ในเรื่องต่าง ๆ เพราะเป็นวัยทีมีหน้าที่และความรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคมแบะการงาน วัยนี้เป็นวัยแห่งการเริ่มสร้างหลักฐานในชีวิต โดยประกอบอาชีพการงาน มีคู่ครอง มีบุตร ฯลฯ ต้องปรับตัวหลายอย่าง เช่น ปรับตัวให้เมาหสมกับงานอาชีพ ชีวิตคู่ เป็นต้น
การเปลี่ยนแปลงทางสติปัญญา วัยนี้จะมีประสิทธิภาพทางสมองพัฒนาเต็มที่และคงอยู่สูงสุดไปจนถึงวัยกลางคน จากการวิจัยของ ธอร์นไดค์ ได้ผลว่าระยะเวลาที่บุคคลเรียนรู้ได้ดีที่สุด คือ อายุระหว่าง 20 – 25 ปี
วัยผู้ใหญ่ตอนกลางหรือวัยกลางคน (Middle Adulthood) อายุ 35 – 60 ปี
บุคคลวัยนี้จะบรรลุถึงจุดยอดแห่งความเข้มแข็งทางกายและ ความมีพลังทางเศรษฐกิจ และความมีหน้าตาทางสังคมและจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงร่างกายและจิตใจไปในทางเสื่อมลง รวมทั้งความสามารถทางเพศด้วย ในระยะแรก ๆ การเปลี่ยนแปลงจะยังเห็นได้ชัด เพราะเป็นไปทีละน้อยและช้ามากแต่จะเริ่มเสื่อมลงเห็นได้ชัดเมื่อเข้าสู่ตอนปลายของวัยนี้ คือ เริ่มเข้าสู่วัยชรา วัยนี้จะเป็นระยะที่บุคคลเริ่มประเมินผลการดำเนินชีวิตในอดีตเป็นต้นมาว่าประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว
วัยผู้ใหญ่ตอนปลายหรือวัยชรา (Late Adulthood) อายุ 60 ปีขึ้นไป
วัยชราหรือวัยผู้สูงอายุเป็นช่วงสุดท้ายของวัยผู้ใหญ่ เริ่มประมาณอายุ 60 ปีขึ้นไปจนถึงสิ้นชีวิต ทั้งนี้ความชราจะมีความแตกต่างกันในแต่ละบุคคล เช่น มีอาการชราภาพเร็ว อายุสั้น หรืออายุยืนเป็นต้น วัยนี้จะมีร่างกายและจิตใจเสื่อมลงอย่างรวดเร็วแต่แนวโน้มของคนในปัจจุบันนี้ จะมีอายุยืนยาวกว่าสมัยก่อน เพราะวิทยาการต่าง ๆ โดยเฉพาะการแพทย์เจริญก้าวหน้ามาก ช่วยส่งเสริมป้องกันรักษาชีวิตมนุษย์ให้ยืนยาว เป็นที่น่าสังเกตว่า ในบรรดาคนชราทั่ว ๆ ไปมีจำนวนผู้หญิงมากว่าผู้ชาย แม้ว่าอัตราส่วนระหว่างเพศเมื่อเกิดนั้นจะเป็นชายมากว่าหญิง หรือถ้ามีทารกเกิดเป็นเพศหญิง 100 คน ก็จะมีเพศชาย 106 คน ชายมีจำนวนมากกว่าหญิงเช่นนี้เรื่อย ๆ ไปจนอายุ 30 ปี แต่เมื่ออายุมากขึ้นกว่านี้ ชายจะตายมากกว่าหญิง ดังนั้นผู้หญิงจึงมีอายุยืนยาวกว่าผู้ชาย
การเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุ่น
การเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายของวัยรุ่นจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงอายุ 10 - 13 ปี และจะลดอัตราการเจริญเติบโตเมื่อเข้าสู้วัยรุ่นตอนกลาง สิ่งสำคัญในการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายได้แก่
1.ขนาดของร่างกาย
2.การเปลี่ยนแปลงของกระดูก
3.การเปลี่ยนแปลงของไขมันและกล้ามเนื้อ
4.การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างใบหน้า
การเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจและอารมณ์
ยรุ่นจะมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจและอารมณ์ที่ต่างจากวัยเด็กเป็นอย่างมาก ดังนี้
1.วิตกกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
2.วิตกกังกลกับอารมณ์ทางเพศที่สูงขึ้น
3.วิตกกังวลกลัวการเป็นผู้ใหญ่
4.วิตกกังวลในความงดงามของร่างกาย
5.ต้องการความรักความห่วงใย
6.ต้องการเป็นอิสระทำอะไรด้วยตนเอง
7.ต้องการเป็นตัวของตัวเอง
8.ต้องการความถูกต้อง ยุคิธรรม
9.ต้องการความตื่นเต้นท้าทาย ความแปลกใหม่
10.ความอยากรู้ อยากเห็น อยากลองสูง
การเปลี่ยนเปลงทางด้านสังคม ช่วงวัยนี้จำทำตัวออกห่างจากทางบ้าน ไม่ค่อยคลุกคลีกับคนในบ้านสักเท่าไหร่ มักจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับเพื่อนๆและทำกิจกรรมนอกบ้าน
1.4.การเปลี่ยนแปลงทางด้านสติปัญญา วัยนี้สติปัญญาจะพัฒนาสูงขึ้นจนมีความคิดเป็นรูปธรรม มีความสามารถในการคิด วิเคราะห์ สิ่งต่างๆได้มากขึ้น จนเมื่อพ้นช่วงวันรุ่นแล้วจะมีความสามารถทางสติปัญญาเหมือนผูั้ใหญ่