Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
วิวัฒนาการของนาฏศิลป์และการละครไทย ยุคสมัยน่านเจ้า สุโขทัย กรุงศรีอยุธยา…
วิวัฒนาการของนาฏศิลป์และการละครไทย ยุคสมัยน่านเจ้า สุโขทัย กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี
สมัยอยุธยา
ละครในแสดงในพระราชวัง จะใช้ผู้หญิงล้วน ห้ามไม่ให้ชาวบ้านเล่น เรื่องที่นิยมมาแสดงมี 3 เรื่องคือ อิเหนา รามเกียรติ์ และอุณรุท ส่วนละครนอก ชาวบ้านจะแสดง ใช้ผู้ชายล้วน ดำเนินเรื่องอย่างรวดเร็ว
สมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 เป็นสมัยที่โขนเจริญรุ่งเรื่องเป็นอย่างมาก มีละครเรื่องใหญ่ๆ อยู่ 4 เรื่อง คือ อิเหนา รามเกียรติ์ อุณรุท และดาหลัง
มีการแสดงละครชาตรี ละครนอก ละครใน แต่เดิมที่เล่นเป็นละครเร่ จะแสดงตามพื้นที่ว่างโดยไม่ต้องมีโรงละคร เรียกว่า ละครชาตรี ต่อมาได้มีการวิวัฒนาการเป็นละครรำ เรียกว่า ละครใน ละครนอก โดยปรับปรุงรูปแบบให้มีการแต่งกายที่ประณีตงดงามมากขึ้น มีดนตรี บทร้อง และมีการสร้างโรงแสดง
บุคคลสำคัญ คือ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3
ทรงเป็นผู้นิพนธ์ กำสรวลสมุทร (นิยมเรียกกันว่า กำสรวลศรีปราชญ์) ก่อนขึ้นครองราชย์ เนื่องในการเสด็จทางชลมารค ล่องลำน้ำเจ้าพระยา จากกรุงศรีอยุธยาไปยังหัวเมืองชายทะเลแถวปากแม่น้ำ พระราชนิพนธ์นี้ได้กล่าวถึงความยิ่งใหญ่ของกรุงศรีอยุธยา
1.ตอนอนุมานเกี้ยวนางวานริน
2.ตอนท้าวมาลีวราชว่าความ
3.ตอนทศกันฐ์ตั้งพิธีทรายกรด
4.ตอนพระลักษมณ์ถูกหอกกบิลพัท
5.ตอนปล่อนม้าอุปการ
นอกจากทรงพระราชนิพนธ์บทละครใน เรื่อง รามเกียรติ์ด้วยพระองค์เองแล้ว พระองค์ยังทรงฝึกซ้อมด้วยพระองค์เองอีกด้วย
สมัยนี้บทละครในสมัยอยุธยาได้สูญหายไป สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงรวบรวมศิลปิน บทละครที่เหลือมาทรงพระราชนิพนธ์บทละคร เรื่อง รามเกียรติ์ อีก 5 ตอนได้แก่
สมัยธนบุรี
บุคคลสำคัญ คือ พระเจ้าตากสินมหาราช
เมื่อสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงกู้เอกราชเป็นผลสำเร็จ และบ้านเมืองค่อยกลับคืนเข้าสู่สภาวะเป็นปรกติแล้ว พระองค์ท่านก็ได้ทรงเอาพระทัยใส่ เพียรพยายามฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมของชาติทางด้านนี้เป็นอย่างมาก ปรากฏว่าพระองค์ท่านทรงได้ ละครผู้หญิง ของเจ้านครศรีธรรมราช เมื่อคราวเสด็จลงไปปราบชุมนุมเจ้านครเมื่อ ปี พ.ศ.2312 นั้นเข้ามาเป็นครูฝึกหัดขึ้นใหม่ สมทบกับพวกละครต่างๆ ที่ทรงรวบรวมได้มาจากที่อื่นมาฝึกหัดจัดเป็น ละครหลวง ขึ้นใหม่ในกรุงธนบุรีโดยยึดถือแบบอย่างครั้งกรุงศรีอยุธยา เป็นแบบฉบับในการฝึกหัดจึงเป็นเหตุให้การนาฏศิลป์โขน ละครของไทย ได้ฟื้นตัวขึ้นมาใหม่ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา แต่ละครของเมืองนครกับละครของกรุงเก่า (กรุงศรีอยุธยา) มีแบบแผนการแสดงแตกต่างกันไปบ้าง ละครของกรุงเก่ามีเจ้าฟ้าพินทวดีพระราชธิดาในพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเป็นต้นแบบ เคร่งครัดในการแสดงอย่างละครใน ส่วนละครของเมืองนครซึ่งไม่ใช่เมืองหลวงนั้น ผ่อนผันตามความนิยมของผู้ชมโดยทั่วไปบ้าง
สมัยน่านเจ้า
มีนิยาย เรื่อง นามาโนห์รา เป็นนิยายของพวกไตหรือคนไทย ในสมัยน่านเจ้าที่มีปรากฏอยู่ก่อนหน้านี้ คือ การแสดงจำพวกระบำ เช่น ระบำหมวก ระบำนกยูง
ไม่พบหลักฐานเกี่ยวกับบุคลสำคัญในยุคสมัยนี้
สมัยสุโขทัย
พบหลักฐาน การละครและฟ้อนรำ ปรากฏอยู่ในศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหง กล่าวว่า "เมื่อจักเข้ามาเรียงกัน แต่อรัญญิกพู้นเท้าหัวลานด้วยเสียงพาทย์ เสียงพิณ เสียงเลื้อน เสียงขับ ใครจักมักเหล้น เหล้น ใครจักมักหัว หัว ใครจักมักเลื้อน เลื้อน"
บุคคลสำคัญ คือ พ่อขุนรามคำแหง
จากหลักฐานทางศิลาจารึก แม้จะไม่มีคำใดที่แสดงถึงนาฏศิลป์ไทย แต่ก็สัมผัสได้ถึงความรื่นเริ่ง สนุกสนาน อยู่อย่างมีความสุขเป็นอย่างมาก
แหล่งอ้างอิง
(ข้อมูลทั้งหมดนำมาจากเว็บไซต์นี้)
วิวัฒนาการของการละครไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน. (ออนไลน์). 2559, แหล่งที่มา :
https://sites.google.com/site/bluestampnew/system/app/pages/recentChanges
(15 มิถุนายน 2564 )
:
ผู้รับผิดชอบ นางสาว ดากานดา หนูนุ่น เลขที่ 37
ผู้รับผิดชอบ นางสาว กานดิศา มานีมาน เลขที่36
ผู้รับผิดชอบ นาย อริย์ธัช จันทร์สองแก้ว เลขที่9และนาย ปรมิน กาเลี่ยง เลขที่4
ผู้รับผิดชอบ นางสาว จิรวรรณ คงช่วย เลขที่39 และนาย ธฤต บุราญคุณ เลขที่ 12