Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พัฒนาการ - Coggle Diagram
พัฒนาการ
วัยทารก
ด้านจิตใจและอารมณ์
การพัฒนาการด้านจิตใจและอารมณ์ในช่วงนี้ขึ้นอยู่กับความเอาใจใส่และการโออบอุ้ม นวด สัมผัสของพ่อแม่หรือผู้ดูแล ช่วงอายุ 18 เดือน ทารกจะยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง ต้องการตัดสินใจและทำทุกสิ่งอย่างด้วยตัวเอง อาจแสดงความก้าวร้าวต่อเด็กที่อายุน้อยกว่าได้ แม้จะพยายามสอนให้รักน้องไม่แกล้งน้อง แต่นี่เป็นเพียงช่วงหนึ่งของพัฒนาการ เมื่อเวลาผ่านไปจะค่อยๆ มีพฤติกรรมที่ดีขึ้น อารมณ์ของทารกในช่วงนี้ขึ้นอยู่กับความสมดุลระหว่างความเป็นตัวเองกับการต้องพึ่งพาคนอื่น หลายครั้งที่ทารกจะเกรี้ยวกราดเนื่องจากถูกบังคับให้ต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ หรือถูกห้ามไม่ให้ทำในสิ่งที่อยากทำ เด็กจะเลียนแบบสีหน้า เลียนแบบท่าทางที่แสดงอารมณ์ความรู้สึก หรือโผเข้าหาเมื่อต้องการความปลอภัยหรือความรัก ถ้าเด็กได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างเหมาะสมจะทำให้เป็นเด็กที่อารมณ์ดีและเป็นมิตร
ด้านสังคม
วัยทารกเป็นวัยเริ่มพัฒนาการทางสังคมของมนุษย์ เมื่ออายุประมาณ 4-6 เดือน ทารกจะเริ่มแยกแยะใบหน้าของคนที่รู้จักกับไม่รู้จักได้ หลังจากนั้นจะกังวลเมื่ออยู่กับคนแปลกหน้า และเริ่มรับรู้ความหมายของการกระทำของผู้อื่น เช่น การปรบมือ ฯลฯ และเริ่มรับรู้อารมณ์ความรู้สึกของผู้อื่น เริ่มสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น เรียกร้องความสนใจ ชอบเลียนแบบผู้ใหญ่ ชอบคำชมจากผู้อื่น เชื่อฟังมากขึ้น รู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
ด้านร่างกาย
วัยทารกเป็นวัยที่มีการเจริญเติบโตทางร่างกายอย่างรวดเร็วมากกว่าวัยอื่นๆของชีวิต อวัยวะที่สำคัญที่สุดคือ “สมอง” ถ้าการเจริญเติบโตหยุดชะงัก สมองก็จะไม่ดีด้วย และเป็นการยากที่จะแก้ไขให้ปกติ เริ่มแรกจะเคลื่อนไหวได้อย่างจำกัด มองเห็นไม่ชัด รับรู้การสัมผัส และค่อย ๆ เคลื่อนไหว ตอบโต้ และตอบสนองได้มากขึ้นเมื่อผ่านไปหลายเดือน
ด้านสติปัญญา
เริ่มเรียนรู้จากสิ่งของและคนรอบตัว ทำซ้ำ ๆ หรือลองผิดลองถูกจนเกิดการเรียนรุ้และสามารถแก้ปัญหาได้ และเรียนรู้จากการเฝ้ามอง สังเกต จดจำ และทำเลียนแบบ ไม่ว่าจะเลียนแบบการเคลื่อนไหว การแสดงท่าทางต่าง ๆ รวมไปถึงการเปล่งเสียงพูดเป็นคำ จึงค่อย ๆ มีพัฒนาการเกี่ยวกับภาษา ตั้งแต่พูดอือ ๆ อา ๆ ไปจนเริ่มมีคำที่มีความหมาย เชื่อมคำสองคำเข้าด้วยกัน จนกระทั่งเริ่มเข้าใจโครงสร้างประโยคในหลายเดือนถัดมา จากนั้นเรียนรู้เกี่ยวกับรายละเอียดและการใช้ภาษามากขึ้น
วัยก่อนเรียน
ด้านจิตใจและอารมณ์
มักแสดงอารมณ์ความรู้สึกอย่างเปิดเผย เช่น แสดงความรักด้วยการโอบกอด แสดงความโกรธด้วยการร้องไห้ ทุบตีสิ่งกีดขวาง อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดโมโหหรือกลัวในสิ่งที่ไม่มีเหตุผล หากมีน้องหรืออะไรมาแย่งความรักจะรู้สึกอิจฉา มักขัดขืนหรือดื้อรั้นกับพ่อแม่ผู้ดูแล และจะดีขึ้นเมื่อเด็กได้คบค้าสมาคมกับเพื่อน ๆ
ด้านสังคม
รู้จักคบเพื่อนและเริ่มรู้จักเล่นกับเพื่อน มีการปรับตัว ยอมรับฟัง รู้ใจให้ความร่วมมือ และมีการแสดงความเป็นผู้นำ เมื่ออายุประมาณ 4-5 ปีจะเริ่มรู้จักการแข่งขัน โดยเฉพาะการแข่งขันระหว่างกลุ่ม เด็กคนไหนที่มีพี่น้องอาจมีการทะเลาะเบาะแว้งกัน ซึ่งสาเหตุมักมาจากกการแย่งของเล่นกันและค่อย ๆ หายไปเมื่อเด็กเติบโตขึ้น ความกล้าแสดงออกในการพูดจาหรือคบหาเพื่อนขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูและความสัมพันธ์ภายในบ้าน เช่น การเลี้ยงดูที่ดีและการมีความสัมพันธ์อันดีภายในบเานทำให้เด็กรู้สึกมั่นคง กล้าเข้าสังคมนอกบ้าน
ด้านร่างกาย
วัยนี้อัตราการเจริญเติบโตลดลงอย่างเห็นได้ชัด สัดส่วนของร่างกายจะเปลี่ยนจากลักษณะของทารกอย่างเห็นได้ชัด ส่วนแขนและขาจะยาวออกไป ศีรษะจะได้ขนาดกับลำตัว ไหล่กว้าง มือและเท้าใหญ่ขึ้น โครงกระดูกแข็งขึ้น กล้ามเนื้อเติบโตและแข็งแรงขึ้น ในตอนปลายในการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆของร่างกายได้ดีขึ้น เช่น กินข้าวเอง แต่งตัว ใส่รองเท้าและอาบน้ำ หวีผมได้เอง ในระยะ 3-4 ปี จะเริ่มเดินได้อย่างมั่นคง ต่อจากนั้นก็จะสนใจการวิ่ง กระโดด ห้อยโหน สามารถฝึกถีบจักรยานสามล้อและกระโดดเชือกได้
ด้านสติปัญญา
ในวัยนี้เด็กจะรู้คำศัพท์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมากและเข้าใจความหมายของคำเหล่านั้นได้ดี เด็กจะแสดงความฉลาดของตนเองออกมาโดยการพูดโต้ตอบกับผู้ใกล้ชิด ซึ่งเรื่องที่พูดก็มักจะเป็นเรื่องของตนเองและคนที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับตน เด็กวัยนี้จะมีความจำดีและในช่วงปลายวัยถ้าได้รับการฝึกหัดให้อ่านและเขียนหนังสือ เด็กก็สามารถจะทำได้ดีด้วย
วัยรุ่น
ด้านร่างกาย
ในช่วงวัยรุ่นเด็กหญิง เด็กชาย จะเกิดการเปลี่ยนแปลง ด้านร่างกายทั้งรูปร่าง เสียง ความสูง และน้ำหนัก กล่าวคือ ทั้งสองเพศจะมีความสูงและน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างเห็นได้ชัด เด็กหญิงจะเริ่มมีประจำเดือน สะโพกขยายออก เอวคอด หน้าอกโตขึ้น เสียงหวานแหลม มีขนขึ้นที่อวัยวะเพศ
ส่วนเด็กชายจะเริ่มมีน้ำอสุจิ มีการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง มีหนวดเครา มีขนขึ้นที่อวัยวะเพศ รักแร้ เสียงแตกพร่า กล้ามเนื้อแข็งแรง หน้าอกและไหล่กว้างขึ้น วัยรุ่นชาย จะตัวสูงขึ้นและน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ด้านจิตใจและอารมณ์
จากการเปลี่ยนด้านร่างกายที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้วัยรุ่นเกิดความรู้สึกวิตกกังวล ในรูปร่างหน้าตาของตน และยิ่งเกิดปัญหาสิวหนุ่มสิวสาว ความวิตกกังวลก็จะยิ่งมีมากขึ้น ลักษณะทางอารมณ์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของวัยรุ่น คือ อารมณ์ที่เรียกว่า พายุบุแคม คือ มีความรุนแรงแต่อ่อนไหวไม่มั่นคง ถ้าต้องการจะทำอะไรก็ต้องทำให้ได้ ถ้าถูกขัดขวางจะตอบโต้อย่างรุนแรง แต่ความต้องการนั้นจะเปลี่ยนแปลงได้ง่าย หันเหไปสู่ความต้องการความสนใจ ใหม่ ๆ อยู่เสมอ
ด้านสังคม
ในช่วงวัยรุ่นนี้ เด็กมักจะชอบแยกตัวอยู่ตามลำพังเมื่ออยู่ในครอบครัวเพราะต้องการความอิสระส่วนสังคมภายนอกเด็กจะมีเพื่อนทั้งสองเพศและกลุ่มเพื่อนจะเล็กลง การคบเพื่อนของวัยรุ่นจะมีเหตุผลมากขึ้น ชอบทำตัวเลียนแบบบุคคลอื่นที่ตนเองชื่นชอบ เช่น การแต่งกายตามอย่างดาราหรือนักร้องที่ตนชอบ บางครั้งชอบทำตัวแปลกๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจ เมื่อเข้าสูช่วงปลายของวัยจะเริ่มต้องการความตัวของตัวเองมากขึ้น อิทธิพลของกลุ่มเพื่อนจะน้อยลง รู้จักควบคุมดพฤติกรรมของตนเองและเริ่มมีพฤติกรรมที่แสดงให้ผู้อื่นเห็นว่าตนเองเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เช่น ดื่มเหล้า เที่ยวกลางคืน คบเพื่อนต่างเพศ เป็นต้น
ด้านสติปัญญา
วัยรุ่นเป็นวัยที่มีความคิดเป็นนามธรรมมากขึ้น รู้จักสังเกตและปรับปรุงข้อบกพร่องของตนเอง ต้องการทำอะไรด้วยตนเองเพื่อหาประสบการณ์ สนใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ กล้าที่จะลองถูกลองผิด จึงทำให้มีการพัฒนาทางด้านสติปัญญากว้างมากขึ้น เพราะเด็กได้ลงมือทำเอง ได้พบกับปัญหาและวิธีการแก้ปัญหาด้วยตนเอง และถ้าทำสำเร็จเด็กก็จะรู้สึกภาคภูมิใจ วัยนี้เด็กจะมีเหตุผลมากขึ้น สามารถแสดงความคิดเห็นหรือแสดงความรู้สึกของตนเองให้ผู้อื่นเข้าใจ รู้จักสังเกตความคิดและความรู้สึกของผู้อื่นที่มีต่อตนเอง
วัยผู้สูงอายุ
ด้านจิตใจและอารมณ์
วัยสูงอายุเป็นวัยที่มีความสงบเยือกเย็น หมดความกระตือรือร้นในชีวิต เป็นวัยที่ต้องการความสงบ ต้องการพักผ่อน แต่สภาพสังคมในปัจจุบันผู้สูงอายุต้องเชิญกับเหตุการณ์ที่บีบคั้นประสาทและจิตใจมากขึ้น โดยธรรมชาติแล้ว วัยนี้เป็นวัยที่ต้องปรับตัวต่อโลกภายนอกและปรับตัวต่อการสูญเสียตามวัย เช่น สูญเสียความสามารถทางร่างกาย ผู้สูงอายุมักหวาดกลัวความเจ็บไข้ได้ป่วย กลัวความตาย กลัวความสูญเสียเพื่อน ฉะนั้นจึงเป็นการยากที่จะให้ผู้สูงอายุเหล่านี้แสดงความแจ่มใสร่าเริงเป็นนิจศีลได้ในเมื่อจิตใจของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล นอกจากนี้ผู้สูงอายุมักจะยึดถือตนเองเป็นส่วนใหญ่ นิยมชมชอบแต่เรื่องและความคิดสมัยตนเอง จึงทำให้เข้ากับวัยอื่น ๆ ได้ยากโดยเฉพาะกับวัยรุ่น ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ผู้สูงอายุเกิดความอ้างว้าง ยิ่งถ้าถูกทอดทิ้ง หรือปล่อยให้อยู่ตามลำพังสามีภรรยา เพราะลูกหลานต่างแยกย้ายไปมีครอบคัวหรือไปประกอบอาชีพตามความถนัด พัฒนาการด้านอารมณ์ของผู้สูงอายุจะขึ้นอยู่กับลักษณะบุคลิกที่เป็นมาแต่เดิม
ด้านสังคม
การเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อการใช้ชีวิตทางสังคมของคนวัยนี้คือ การมีเวลาว่างมากขึ้นทำให้สามารถกระทำกิจกรรมเพื่อการพักผ่อนหยอนใจได้มากขึ้น เช่น การเดินทางท่องเที่ยว การปลูกต้นไม้ เข้ากลุ่มศึกษาและปฏิบัติธรรม เป็นต้น แต่จะมีข้อจำกัดในการมีสัมพันธภาพกับผู้อื่น เนื่องจากบทบาททางสังคมลดลง เช่น การหยุดประกอบอาชีพ การตายของญาติ เพื่อนฝูงคู่สมรส และการเสื่อมของสุขภาพ ประกอบกับวัยสูงอายุจะมีความสนใจตนเองเพิ่มขึ้น จะสนใจบุคคลอื่นลดลง บางครั้งอาจมีการย้ายที่อยู่ด้วยเหตุผลต่าง ๆ เช่น บ้านหลังเดิมใหญ่ไป ทำความสะอาดไม่ไหว ผู้สูงอายุหลายคนเลือกขายบ้านเก่าและย้ายไปอยู่ใกล้ ๆ กับลูกหลานคนใดคนหนึ่ง ในวัยนี้ ถ้าไม่ได้อยู่ที่บ้านพักคนชราค่อนข้างต้องพึ่งพาลูกหลานมาก ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างผู้สูงอายุกับลูกหลานขึ้นอยู่กับสัมพันธภาพที่ให้ลูกหลานเมื่อยังเล็ก การเป็นหม้ายเป็นสิ่งที่พบได้มากในวัยสูงอายุ โดยเฉพาะการเป็นหม้ายในสตรี เนื่องจากผู้สูงอายุชายมักมีอายุสั้นกว่าผู้สูงอายุหญิง แม้ว่าการทำใจกับการตายของคู่สมรสจะยากลำบากมากก็ตาม
ด้านร่างกาย
การเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายโดยทั่วไปของวัยนี้จะเป็นไปในทิศทางของความเสื่อมเช่น เหี่ยวย่นมีจุดตกกระเพิ่มขึ้น ผมจะบางและจะเปลี่ยนเป็นสีเทาหรือสีขาว หลังโก่ง การเคลื่อนไหวเชื่องช้า พละกำลังน้อยลง ผนังเส้นโลหิตแดงในหูจะแข็งตัวทำให้ได้ยินเสียงไม่ชัดเจน เสียงที่มักไม่ได้ยินก่อนคือเสียงแหลมหรือเสียงที่มีความถี่สูง เสียงเปลี่ยน การเปลี่ยนแปลงของเสียงมีสาเหตุหนึ่งมาจากการแข็งตัวและการขาดความยืดหยุ่นของกระดูกอ่อนบริเวณกล่องเสียงทำให้มีน้ำเสียงสูงแต่ไม่มีพลัง ฟันธรรมชาติในผู้สูงอายุจะเปลี่ยนไป โดยเฉพาะส่วนมากมักจะมีเหงือกร่น รากฟันโพล่พ้นขอบเหงือก ซึ่งอาจทำให้มีอาการเสียวหรือผุได้ง่าย กระดูกกระดูกในผู้สูงอายุจะผุกร่อน เป็นผลให้กระดูกหักได้ง่าย กล้ามเนื้อจะเล็กและลีบลง จะมีไขมันเข้าไปแทรกในกล้ามเนื้อ อาหารที่ทานเข้าไปจะย่อยและดูดซึมได้ช้าลง
ด้านสติปัญญา
เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ สมองฝ่อและมีน้ำหนักลดลง มีเลือดมาเลี้ยงสมองน้อยลง เซลล์ประสาทตายเพิ่มขึ้นและจำนวนเซลล์ลดลงตามอายุ ทำให้สมองเสื่อม ความจำเสื่อม และการประสานงานระหว่างประสาทสัมผัสกับความคิดอ่านจะเชื่องช้าลง ผู้สูงอายุจึงมีประสิทธิภาพในการใส่ใจต่อสิ่งเร้าไม่ไวหรือดีเท่าคนอายุน้อย และมีลักษณะความคิดไม่ยืดหยุ่น การแก้ปัญหาของผู้สูงอายุมีแนวโน้มที่จะให้ความสนใจกับสิ่งที่ไม่ใช่ข้อมูล หรือส่วนที่ไม่ตรงเป้าหมายของปัญหานั้นๆ ผู้สูงอายุมีความยุ่งยากลำบากในการทำความเข้าใจกับสิ่งที่จะต้องเรียน และบกพร่องในด้านที่จะเก็บข้อมูลไว้ในความจำระยะสั้นให้ยาวนานเพียงพอเพื่อฝังรอยเป็นความจำถาวร การให้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยในช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อทำความเข้าใจกับข้อมูลจะช่วยได้มาก
วัยผู้ใหญ่
ด้านจิตใจและอารมณ์
วัยผู้ใหญ่จะมีการควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น มีความมั่นคงทางจิตใจดีกว่าวัยรุ่น คำนึงถึงความรู้สึกของผู้อื่น รู้สึกยอมรับผู้อื่นได้ดีขึ้น มีพัฒนาการด้านอารมณ์รักได้ในหลายรูปแบบ เช่ นรักเชิงโรแมนติก การเก็บกด (Impulsiveness) น้อยลง แต่จะใช้การตอบสนองด้วยเหตุผลทั้งกับตนเองและผู้อื่นมากขึ้น
ด้านสังคม
สังคมของบุคคลวัยนี้คือ เพื่อนรัก คู่ครอง บุคคลจะพัฒนาความรัก ความผูกพัน แสวงหามิตรภาพที่สนิทสนม หากสามารถสร้างมิตรภาพได้มั่นคง จะเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสัมพันธ์กันอย่างไว้เนื้อเชื่อใจและนับถือซึ่งกันและกัน ตรงข้ามกับผู้ใหญ่ที่ไม่สามารถสร้างความสนิทสนมจริงจังกับผู้หนึ่งผู้ใดได้จะมีความรู้สึกอ้างว้างเดียวดาย (isolation) หรือเป็นคนที่หลงรักเฉพาะตนเอง (narcissism) วัยนี้จะให้ความสำคัญกับกลุ่มเพื่อนร่วมวัยลดลง จำนวนสมาชิกในกลุ่มเพื่อนจะลดลง แต่สัมพันธภาพในเพื่อนที่ใกล้ชิดหรือเพื่อนรักยังคงอยู่ การสัมพันธ์กับบุคคลในครอบครัวจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นวัยที่เริ่มใช้ชีวิตครอบครัวกับคู่ของตนเอง และเกิดการปรับตัวกับบทบาทใหม่
ด้านร่างกาย
บุคคลในวัยผู้ใหญ่ตอนต้นมีการพัฒนาทางร่างกายอย่างเต็มที่ทั้งเพศหญิงและเพศชาย ร่างกายสมบูรณ์ มีการพัฒนาความสูงมาจากวัยรุ่นและจะมีความสูงที่สุดในวัยผู้ใหญ่ตอนต้นนี้ รวมทั้งกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อไขมัน มีการพัฒนาอย่างเต็มที่เช่นกัน ในวัยนี้ร่างกายจะมีพลัง คล่องแคล่วว่องไว การรับรู้ต่าง ๆ จะมีความสมบูรณ์เต็มที่ เช่น การรับรส สายตา การได้ยินและการดมกลิ่น จนกระทั่งเข้าสู่วัยกลางคนความสามารถต่าง ๆ เหล่านี้จะลดลง
ด้านสติปัญญา
ผู้ใหญ่จะมีความคิดเปิดกว้าง ยืดหยุ่นมากขึ้น และรู้จักจดจำประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้ ทำให้สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้ดี และได้มีผู้สำรวจศึกษาหลายคนที่เห็นว่าความคิดของผู้ใหญ่ นอกจากจะเป็นความคิดในการแก้ไขปัญหา ยังมีลักษณะของความคิดสร้างสรรค์และค้นหาปัญหาด้วย
วัยเรียน
ด้านจิตใจและอารมณ์
เด็กวัยนี้มีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์มาก เพราะเด็กต้องปรับตัวกับสภาพแวดล้อม จากที่บ้านไปที่โรงเรียน ความกลัวเปลี่ยนไป จากที่เคยกลัวโดยไม่มีเหตุผลเริ่มกลัวสัตว์ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เช่น ฟ้าฝ่า กลัวสิ่งที่เกิดขึ้นได้จริง เช่น กลัวไม่มีเพื่อน กลัวเรียนได้ไม่ดี กลัวอดอยาก ต้องการเป็นที่หนึ่งและต้องการเป็นที่ชื่นชมของหมู่คณะ เด็กวัยนี้จะมีสำนึกว่าการอยู่ร่วมกับคนอื่นเดือดร้อนและรู้จักเห็นอกเห็นใจคนอื่น ในช่วงปลายของวัยนี้ คือช่วงอายุประมาณ 10-12 ปี เด็กจะเปลี่ยนวิธีแสดงอารมณ์โกรธจากการต่อสู้เป็นการโต้ตอบด้วยคำพูด เด็กวัยนี้จะกลัวไม่เป็นที่ยอมรับของกลุ่ม ไม่อยากเด่นหรือด้อยกว่าคนอื่น มีความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์อย่างรวดเร็วจนบางครั้งก็เกิดความสับสน
ด้านสังคม
เมื่อเด็กเริ่มต้นไปโรงเรียน อาจมีปัญหาในการคบเพื่อนบ้าง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของเด็ก แต่เมื่อได้อยู่ร่วมและเล่นกีฬากับเพื่อนๆ เด็กจะค่อยๆ ยอมรับฟังและยอมทำตามความคิดของคนอื่น เด็กจะให้ความสำคัญกับกลุ่มมาก จะรู้จักเป็นเจ้าของและซื่อสัตย์ต่อกลุ่ม เลือกคบเพื่อนที่มีอารมณ์คล้ายคลึงกันและต้องการเพื่อนที่ไว้ใจได้ ชอบเล่นกับเพื่อนเป็นหมู่มากกว่าเล่นกับวัตถุ เด็กชายชอบเล่นกีฬาที่ใช้กล้ามเนื้อและกีฬาที่มีกฎเกณฑ์ เด็กหญิงชอบเล่นอยู่กับเพื่อนสนิท 2-3 คน และเนื่องจากเด็กหญิงมีการเจริญเติบโตเร็วกว่าเด็กชาย จึงเริ่มสนใจเพื่อนต่างเพศเร็วกว่า รู้จักแต่งตัวมากขึ้นและสนใจเรื่องราวของเด็กชาย
ด้านร่างกาย
พัฒนาการด้านร่างกายช้าลงเล็กน้อยแต่ยังคงเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ มีฟันแท้ขึ้น อวัยวะภายในแและระบบไหลเวียนเลือดเจริญเติบโตเกือบเต็มที่ สมองมีน้ำหนักสูงสุด กระดูกข้อมือ 6-7 ชิ้นยังโตไม่เต็มที่ ลักษณะของตายังไม่สมบูรณ์ เด็กหญิงจะมีพัฒนาการของกล้ามเนื้อตามากกว่าเด็กชาย และจะโตกว่าเด็กชายทั้งด้านร่างกายและวุฒิภาวะ มีลักษณะทางเพศปรากฏขึ้นมาเรื่อย ๆ เช่น สะโพกผาย เอวคอด เด็กหญิงเริ่มมีประจำเดือนเมื่ออายุ 11-12 ปี ส่วนเด็กชายเริ่มหลั่งอสุจิเมื่อายุ 12-16 ปี
ด้านสติปัญญา
ในระหว่างวัย 7 ปี พัฒนาการทางภาษาของเด็กเจริญเร็วขึ้นรวดเร็ว รู้คำศัพท์เพิ่มมากขึ้น ใช้ภาษาพูดแสดงความคิดความรู้สึกได้อย่างดี ความรู้สึกทางด้านจริยธรรมเริ่มพัฒนาการในระยะนี้ มีความรับผิดชอบได้บ้างแล้ว เริ่มสนใจสิ่งถูกสิ่งผิด สนใจเรื่องราวต่าง ๆ เมื่อพ้นระยะนี้เด็กจะมีประสบการณ์ใหม่เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีสิ่งยั่วยุให้มีกิจกรรมทางสมองหลายประการ เช่น ภาพยนตร์ วิทยุ โทรทัศน์ และภาพการ์ตูน เป็นต้น ซึ่งกลายเป็นส่วนสำคัญของเด็ก เด็กจะชอบการอ่านมาก โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับสัตว์ เรื่องเด็ก เรื่องการผจญภัยและตลกขบขัน วัยนี้เข้าใจเรื่องเวลาดีขึ้น เริ่มเข้าใจเรื่องกิจวัตรและเวลา เช่น รู้เวลากินข้าว รู้จักนอนหรือตื่นเองและรู้จักประหยัด เก็บเงินไว้ซื้อของที่อยากได้ ความสนใจของเด็กจะเปลี่ยนแปลงไปตามวัย พัฒนาการทางสติปัญญาที่เห็นได้ชัดคือ จินตนาการสูงขึ้น เพราะได้รับรากฐานจากการอ่าน มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ คิดที่จะทำและประดิษฐ์สิ่งต่างๆ ทั้งที่เป็นงานอดิเรกและกิจกรรมในชั้นเรียน