Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
วิวัฒนาการของนาฏศิลป์และการละครไทย ยุคสมัยน่านเจ้า สุโขทัย กรุงศรีอยุธยา…
วิวัฒนาการของนาฏศิลป์และการละครไทย
ยุคสมัยน่านเจ้า สุโขทัย กรุงศรีอยุธยา และธนบุรี
:red_flag:
สมัยน่านเจ้า
สมัยอาณาจักรน่านเจ้า ไทยมีนิยายเรื่องหนึ่งคือ “มโนห์รา” ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ยังมีอยู่ในประเทศจีนตอนใต้ ซึ่งเป็นหนังสือนิยายทีเขียนบรรยายถึงเรื่องของชาวจีนตอนใต้ และเขียนถึงนิยายการละเล่นต่างๆ ของจีนตอนใต้ มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ชื่อเหมือนกับนิยายของไทย
คือเรื่อง “นามาโนห์รา” และอธิบายไว้ด้วยว่าเป็นนิยายของพวกไต พวกไตเป็นน่านเจ้าสมัยเดิม คำว่า “นามาโนห์รา” เพี้ยนมาจากคำว่า “นางมโนห์รา” ของไทย
พวกไต คือ ประเทศไทยเรา แต่เป็นพวกที่ไม่อพยพลงมาจากดินแดนเดิม ชีวิตและความเป็นอยู่ของพวกไตเป็นแบบชาวเหนือของไทยประกอบอาชีพทำสวนผลไม้ พวกไทยนี้สืบเชื้อสายมาจากสมัยน่านเจ้า ซึ่งได้รักษาขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรมไว้อย่างเดียวกับไทยภาคเหนือ การละเล่นของไทยในสมัยน่านเจ้า นอกจากเรื่องมโนห์รา ยังมีการแสดงระบำต่างๆ เช่น ระบำหมวก ระบำนกยูง ซึ่งปัจจุบันจีนถือว่าเป็นการละเล่นของชนกลุ่มน้อยในประเทศของเขา
การแสดงต่างๆในสมัยน่านเจ้า
ระบำหมวก :explode:
ระบำหมวก เป็นการแสดงที่มีลักษณะท่าทางการรำที่อ่อนช้อยสวยงาม จะใช้หมวกรูปทรงกรวยที่เรียกว่า“นอนล้า” และชุดแต่งกายที่เรียกว่า“อาวหยาย”เป็นสิ่งของและการแต่งกายที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
ระบำนกยูง :star:
ระบำประเภทนี้มีถิ่นกำเนิดในมณฑลยูนนาน เป็นจังหวัดในประเทศจีน ระบำนกยูงนี้เป็นที่โด่งดังอย่างมากในแถบเอเชีย มันมีความหมายสื่อถึง สวรรค์ ความสงบ ความสง่างาม และความโชคดี รูปแบบการเคลื่อนไหวจะเป็นการเลียนแบบนกยูง ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่การตื่น การออกหาอาหาร การอาบน้ำในแม่นำ ในตอนท้ายที่สุดก็จะบินออกไป
สืบค้นเมื่อ 16 มิถุนายน 2564 จาก
https://sites.google.com/
:red_flag:
สมัยสุโขทัย
สมัยนี้ไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับการละครไทยนัก เป็นสมัยที่เริ่มมีความสัมพันธ์กับชาติที่นิยมอารยธรรมของอินเดีย ในสมัยสุโขทัยมีการแสดงประเภทระบำรำเต้นมาแต่สมัยดึกดำบรรพ์ เมื่อไทยได้รับวัฒนธรรมด้านการละครของอินเดียเข้า ศิลปะแห่งการละเล่นพื้นเมืองของไทย คือ รำ และระบำ ก็ได้วิวัฒนาการขึ้น มีการกำหนดแบบแผนแห่งศิลปะการแสดงทั้ง 3 ชนิดไว้เป็นที่แน่นอน และบัญญัติคำเรียกศิลปะแห่งการแสดงดังกล่าวแล้วขั้นต้นว่า “โขน ละคร ฟ้อนรำ” ส่วนเรื่องละครแก้บนกับละครยก อาจมีสืบเนื่องมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยนั้นแล้วเช่นกัน
เป็นการแสดงประเภทระบำ รำ ฟ้อน ที่มีวิวัฒนาการมาจากการละเล่นของชาวบ้านเพื่อพักผ่อนหย่อนใจหลังจากเสร็จงาน หรือแสดงในงานบุญ งานรื่นเริงประจำปี ปรากฎในหนังสือไครภูมิพระร่วงของพระมหาธรรมราชาลิไทว่า “บ้างเต้น บ้างรำ บ้างฟ้อนรำ ระบำบันลือ” แสดงให้เห็นแบบแผนของนาฎศิลป์ไทยคือ ระบำ รำเต้น และสันนิฐานได้จากหลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง หลักที่ 1 กล่าวว่า “เสียงพาทย์ เสียงพิณ เสียงเอื้อน เสียงขับ ใครจักมักเหล้น เหล้น ใครจักมักหัว หัว ใครจักมักเลื้อน เลื้อน ”
การแสดงในยุยสมัยสุโขทัยมีดังนี้
:red_flag:
สมัยอยุธยา
บทละครในสมัยอยุธยามีเรื่องใหญ่ๆอยู่ ๔ เรื่อง คือ อิเหนา รามเกียรติ์ อุณรุท และดาหลัง
ในสมัยอยุธยายังมีความสัมพันธ์กับประเทศอินเดียจากหลักฐานที่พบว่ามีการแต่งบทละครรามเกียรติ์
สำหรับเล่นโขนไว้สมัยกรุงศรีอยุธยา ดังนี้
2.รามเกียรติ์คำพากย์ รามเกียรติ์สำนวนนี้หอสมุดแห่งชาติกรมศิลปากรได้แบ่งตีพิมพ์ไว้เป็นพากย์โดยมีเนื้อเรื่องติดต่อกันไปตั้งแต่ภาคสองตอนสีดาหายไปจนถึงภาคเก้าตอนกุมภกัณล้มเข้าใจว่าคำภาคเรานี้แต่เดิมใช้เล่นหนัง ต่อมาภายหลังได้มีผู้นำมาใช้เล่นโขนด้วย
3.รามเกียรติ์บทละครครั้งกรุงเก่าสำนวนนี้ว่าความตั้งแต่ตอนพระรามประชุมพลจนถึงองคตสื่อสารบทละครนี้ไม่เคยตีพิมพ์ออกเผยแพร่เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับรามเกียรติ์บทละครนี้รัชกาลที่หนึ่งจะเห็นว่ามีเนื้อความไม่ตรงกันในบางแห่งบางตอนและถ้อยคำในบทละครก็ดูไม่เหมาะสมจึงเข้าใจว่าน่าจะเป็นบทละครรามเกียรติที่เจ้าของละครคนใดคนหนึ่งในสมัยกรุงศรีอยุธยาคัดลอกไว้
รามเกียรติ์คำฉันท์ รามเกียรติ์สำนวนนี้มีกล่าวไว้ว่าในหนังสือจินดามณีของพระโหราธิบดีในสมัยพระนารายณ์มหาราชเข้าใจว่าพระโหราธิ พระโหราธิบดีคงจะหยิบยกมาจากคำพากย์เก่าที่แต่งไว้สำหรับเล่นโขนหรือเล่นหนัง ซึ่งแต่งไว้เป็นเรื่องราว แต่ได้สูญหายไปแล้วคงเหลือที่นำมาเป็นตัวอย่างในหนังสือจินดามณีสามถึงสี่บทเท่านั้น
เดิมละครที่เล่นกันอยู่มีลักษณะเป็นละครเร่รูปแบบการแสดงจะไม่มีความประณีตมากนักจะแสดงตามพื้นที่ว่าง ไม่ต้องอาศัยโรงละคร เรียกว่า
ละครชาตรี
ต่อมาได้มีการดัดแปลงรูปแบบการแสดงละครให้มีวิวัฒนาการขึ้นเป็นละครรำ เรียกว่า
ละครใน
และ
ละครนอก
โดยปรับปรุงรูปแบบการแสดงมาจากละครชาตรีให้มีการแต่งกายที่ประณีตงดงามมากยิ่งขึ้น มีดนตรีและบทร้องประกอบการแสดง และมีการสร้างโรงแสดงสำหรับไว้แสดงละครอีกด้วย
ละครใน
แสดงในพระราชวัง ผู้แสดงเป็นผู้หญิงล้วน โดยมีพระราชกำหนดห้ามมิให้ชาวบ้านเล่น เรื่องที่นิยมนำมาแสดงมีเพียง ๓ เรื่อง คือ อิเหนา รามเกียรติ์ และอุณรุท
สมัยกรุงศรีอยุธยาละครไทยเริ่มจัดระเบียบแบบแผนให้รัดกุมยิ่งขึ้นมีการตั้งชื่อละครที่เคยเล่นกันอยู่ให้เป็นไปตามหลักมากขึ้นมีการแสดงเกิดขึ้นในสมัยนี้หลายอย่างเช่นละครชาตรี ละครนอก ละครในมีการนำการแสดงละครพื้นบ้านและวัฒนธรรมต่างชาติเข้ามาผสม นาฏศิลป์ไทยได้รับอิทธิพลแบบแผนตามแนวคิดจากอินเดียเกี่ยวกับเรื่องของเทพเจ้าและตำนานการฟ้อนรำโดยผ่านเข้าสู่ประเทศไทยทั้งทางตรงและทางอ้อมคือผ่านชนชาติ ชวาและเขมรก่อนที่จะนำมาปรับปรุงให้เป็นรูปแบบตามเอกลักษณ์ของไทยเช่นตัวอย่างของเทวรูปปางนาฏราชที่สร้างเป็นถ้าการร่ายรำของพระอีศวรซึ่งมีทั้งหมด 108 ท่า
ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ หรือ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ บ้านเมืองปราศจากศึกสงคราม จึงเป็นสมัยที่ศิลปะโขนละครเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก มีแบบแผนการแสดงละครอย่างเคร่งครัด มีการกำหนดตั้งชื่อชนิดของการแสดงละครตามจารีต ขนบนิยม และที่มาในการแสดง
ละครนอก
เป็นละครที่ชาวบ้านจัดแสดงนอกเขตพระราชฐาน ผู้แสดงจะเป็นชายล้วน ดำเนินเรื่องอย่างรวดเร็ว ได้มีการสอดแทรกบทตลกอยู่ในเรื่องด้วย
บุคคลสำคัญของวงการนาฏศิลป์และการละครของไทยในสมัยอยุธยา ได้แก่ ตำรวจ มหาดเล็ก ซึ่งแสดงโขนกลางสนามปรากฎอยู่ในตำราพระราชพิธีอินทราภิเษก โดยใช้ตำรวจแสดงเป็นฝ่ายอสูร 100 คน ทหารมหาดเล็กเป็นฝ่ายเทพยดา 100 คน เป็นพาลี สุครีพ มหาชมพูและบริวารวานรอีก 103 คน การแสดงชักนาคดึกดำบรรพ์ ฝ่ายอสูรชักหัว เทพยดาชักหาง และวานรอยู่ปลายหาง รวมผู้เล่นประมาณ 300 กว่าคน แต่ไม่มีการกล่าวถึงชื่อผู้แสดง ทางด้านการรำไทย มีกล่าวถึงตั้งแต่ครั้งกรุงสุโขทัยจากศิลาจารึกหลักที่ 8 แต่ไม่มีการอ้างถึงเป็นรายบุคคล
:red_flag:สมัยธนบุรี
สมัยธนบุรีช่วง พ.ศ. 2310–2325 ในสมัยนี้เป็นช่วงต่อเนื่องจากสงครามในสมัยอยุธยา ทำให้ศิลปินกระจายไปในที่ต่าง ๆ เมื่อพระเจ้ากรุงธนบุรีได้ปราบดาภิเษกกรุงธนบุรี จึงมีการฟื้นฟูละครใหม่และรวบรวมศิลปินต่าง ๆ ให้มาอยู่รวมกัน พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์ขึ้นอีก 5 ตอน มีดังนี้
3.ตอนทศกันฐ์ตั้งพิธีทรายกรด
4.ตอนพระลักษมณ์ถูกหอกกบิลพัท
2.ตอนท้าวมาลีวราชว่าความ
5.ตอนปล่อนม้าอุปการ
1.ตอนอนุมานเกี้ยวนางวานริน
ละครใน
สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีได้ทรงรวบรวมตัวละครที่กระจัดกระจายหนีภัยสงครามบ้างและตัวละครผู้หญิงของเจ้านครศรีธรรมราช เข้ามาเป็นครูหัดละครผู้หญิงของหลวงขึ้นใหม่ จึงได้มีละคร ผู้หญิงแต่ของหลวงเพียงโรงเดียวตามแบบเดิม บทละครก็ใช้ของเดิมซึ่งไม่ค่อยจะสมบูรณ์
ละครนอก
มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา เป็นละครที่แสดงกันนอกราชธานี แต่เดิมคงมาจากการละเล่นพื้นเมือง และร้องแก้กัน แล้วต่อมาภายหลังจับเป็นเรื่องเป็นตอนขึ้น เป็นละครที่ดัดแปลงวิวัฒนาการมาจากละคร "โนห์รา" หรือ "ชาตรี" โดยปรับปรุงวิธีแสดงต่างๆ ตลอดจนเพลงร้อง และดนตรีประกอบให้แปลกออกไป
บุคคลสำคัญในสมัยธนบุรี
พระเจ้าตากสินมหาราช
เจ้าพระยาจักรี
พระเจ้าตากให้เจ้าพระยาจักรี ยกทัพตีได้เวียงจัน แล้วอัญเชิญพระแก้วมรกตลงไปกรุงธนบุรี ประดิษฐานที่วัดแจ้ง พ.ศ. 2322 โปรดให้มีงานสมโภชพระแก้วมรกต 7 วัน 7 คืน บริเวณสองฟากแม่น้าเจ้าพระยา หน้าวัดแจ้ง กับ หน้าวัดโพธิ์ มีการให้ละครในและละครนอกแสดงแข่งขัน
รามเกียรติ์ : เเต่งเพื่อใช้เล่นละครหลวง ซึ่งในพ.ศ.2313
นี้พระองค์ทรงยกกองทัพไปปราบเจ้านครศรีธรรมราชจึงโปรดให้หัดละครหลวงขึ้น และทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์เพื่อใช้เล่นละครและใช้ในงานสมโภชต่างๆ
มีคณะละครหลวง และเอกชนเกิดขึ้นหลายโรง เช่น ละครหลวงวิชิตณรงค์ ละครไทยหมื่นเสนาะภูบาล หมื่นโวหารภิรมย์ นอกจากละครไทยแล้วยังมีละครเขมรของหลวง
พิพิธวาทีอีกด้วย
การมหรสพ: ในสมัยกรุงธนบุรี การมหรสพแม้จะหยุดเล่นไปในระยะเสียกรุงศรีอยุธยา แต่ก็ฟื้นตัวได้ในระยะเวลาอันสั้น มหรสพที่ปรากฏในยุคนี้ก็มีลักษณะคล้ายคลึงและใกล้เคียงกับที่มีในสมัยอยุธยาเป็นราชธานี คือ มีทั้งหุ่น โขน ละคร และละครชาตรี ซึ่งปรากฏอยู่ในหลักฐานต่างๆ ทั้งในหนังสือของทางราชการและในวรรณคดี
สมัยสุโขทัย มีการแสดงละครแก้บน และมีการแสดงละครเรื่องมโนห์ราสืบ ต่อกันมาจากสมัยก่อนหน้านี้ ซึ่งละครแก้บนเป็นกิจกรรมที่ช่วยปลดเปลื้องความ ผูกพันที่ติดค้างทางใจ และเป็นสื่อกลางในเรื่องการช่วยเหลือและการตอบ แทนระหว่างผู้บนกับสิ่งศักสิทธิ์ที่ไปบนไว้ และเป็นสื่อสะท้อนให้เห็นถึงความ เชื่อแบบไทยๆ คือเรื่องบุญคุณ ความกตัญญู
ระบำเทววารีศรีเมืองบางขลัง
ระบำเทววารีศรีเมืองบางขลัง ถือกำเนิดขึ้นภายใต้ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ โดยการประดิษฐ์ท่ารำของ อ.มงคล อินมา ศิลปินพื้นบ้านดีเด่นด้านนาฏศิลปของจังหวัดสุโขทัย ลักษณะท่ารำได้จินตนาการมาจากเหล่าอัปสรเทวดานางฟ้าทั้ง 7 วัน (จึงใช้ผู้แสดง 7 คน) อิงแอบกับความสำคัญของลำน้ำฝากระดานเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงผู้คนในชุมชน ที่มาคอยปกปักรักษาโบราณสถานเอาไว้ แนวคิดของท่ารำเน้นถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีบทบาทต่อความรู้สึกนึกคิดในโลกของความจริง ที่ต้องการให้เทวดานางฟ้ามาปกป้อง คุ้มครองสิ่งอันเป็นที่บูชา ท่ารำต่างๆ
ระบำเทวีศรีสัชนาลัย
เป็นระบำที่วิทยาลัยนาฏศิลปะสุโขทัยคิดประดิษฐ์ขึ้น โดยนำหลักฐานทั้งทางด้านท่ารำ เครื่องแต่งกายมาจากรูปปั้น รูปแกะสลักเทวดา นางฟ้า และลวดลายต่างๆ ที่ปรากฏอยู่บนโบราณสถาน โบราณวัตถุที่ขุดค้นพบ ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย อำเภอศรีสัชนาลัย
ท่วงทำนองแต่งโดย อาจารย์บัณฑิต ศรีบัว อาจารย์ประจำหมวดวิชาเครื่องสายไทย ภาควิชาดุริยางค์ไทยวิทยาลัย นาฏศิลปสุโขทัย
อิเหนา
รามเกียรติ์
อุณรุท
ดาหลัง
โขนละคร
งานโขนสุโขทัย
ระบำเทวีศรีสัชนาลัย
มโนห์รา
การแต่งกายสมัยน่านเจ้า
การแต่งกายสมัยน่านเจ้า
นาฎศิลป เป็นศิลปะแห่งการฟ้อนรำ โดยมีองค์ประกอบที่สำคัญคือ ท่ารำ เครื่องแต่งกายดนตรี และการขับร้อง ซึ่งมีอยู่ทุกชาติทุกภาษา ซึ่งมีลักษณะการแสดงที่แตกต่างออกไปทางสภาพสังคม ขนบธรรมเนียม ค่านิยมเผ่าพันธุ์ และอิทธิพลจากนาๆประเทศ จึงมีการปรับปรุงพัฒนา นาฏศิลป์ ให้มีแบบแผน วิจิตร งดงาม และมีเอกลักษ์เป็นของตัวเอง โดยอาศัยองค์ประกอบต่างๆ ทั้งฉาก การแต่งกาย ดนตรี อุปกรณ์
การแสดง แสง สี เสียง
รามเกียรติ์
บุญรัตน์ แจ่มกระจ่าง.๒๕๖๔.บุคคลสำคัญของวงการนาศิลป์และการละครของไทยในยุคสมัยต่าง ๆ. (ออนไลน์). แหล่งที่มา :
https://bit.ly/3gGOvMu.๑๙
มิถุนายน ๒๕๖๔
ทิวาพร เสาศิริ.๒๕๖๔.ประวัติความเป็นมาของละครใน.(ออนไลน์).เเหล่งที่มา:
https://bit.ly/3gCN7KN.๑๙
มิถุนายน ๒๕๖๔
อ้างอิง
สุจิตต์ วงษ์เทศ .๒๕๖๔.กรุงธนบุรี มีงานสมโภชครั้งใหญ่.(ออนไลน์).เเหล่งที่มา:
http://1ab.in/beV8.๑๙
มิถุนายน ๒๕๖๔
ทัศพร ศรเกตุ.๒๕๖๔.ละครนาฏสิลป์.(ออนไลน์).เเหล่งที่มา:
http://1ab.in/beWd.๑๙
มิถุนายน ๒๕๖๔
https://www.facebook.com/814746755289534/posts/953037228127152/
อ้างอิง
สุมนมาลย์ นิ่มเนติพันธ์. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานนาฏศิลป์ ม.๖. กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์, 2558.
ละครแก้บน
ระบำเทววารีศรีเมืองบางขลัง
อ้างอิง
พรรษชล สิริพันธ์.๒๕๖๔.ประวัติการละครไทย.แหล่งที่มา:
https://sites.google.com/site/dramaticarttuppschool/lakhr-thiy
อาภัสรา ศรีจันทร์.๒๕๖๔.(ออนไลน์).การแสดงแห่งสุโขทัย.แหล่งที่มา:
https://khothaitravel.wordpress.com/
สิทธิภานารี.๒๕๖๔.วิวัฒนาการละครไทย.แหล่งที่มา:
https://sites.google.com/site/sittipanareerat422/
เจ้าพระยาจักรี หรือ เจ้าพระยาจักรีศรีองครักษ์ เป็นเจ้าพระยาจักรีคนแรกในแผ่นดินกรุงธนบุรี หลายคนมักเรียกว่า "เจ้าพระยาจักรีแขก" มีชื่อจริงว่า "หมุด" เป็นมุสลิมเชื้อสายสุลต่านสุลัยมาน
สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมีพระนามเดิมว่า สิน เป็นคนไทยเชื้อสายจีน เป็นพระมหากษัตริย์ผู้ก่อตั้งอาณาจักรธนบุรี และเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวของราชอาณาจักรธนบุรี
นางสาว ณญาดา จิตมณี เลขที่15 (สมัยอยุธยา)
ละครนอก/ใน/ชาตรี
นางสาว โมนิกา ไวปรีชา เลขที่32 (สมัยสุโขทัย)
นางสาว ขนิษฐจรส ยางทอง เลขที่31 (สมัยน่านเจ้า)
นางสาว พรรณนภัส ฉะฉิ้น เลขที่17 (สมัยธนบุรี)
ละครนอก ละครใน บุคคลสำคัญ : เจ้าพระยาจักรี
นางสาว โรสลีญา เหมรัญ เลขที่20 (สมัยธนบุรี)
รามเกียรติ์ การมหรสพ บุคคลสำคัญ : พระเจ้าตากสินมหาราช
นางสาว สุไรยา ปาลาเร่ เลขที่36 (สมัยอยุธยา)
บทละครรามเกียรติ์สำหรับเล่นโขน