1.แนะนำตัวและสร้างสัมพันธภาพกับผู้ป่วยเพื่อให้เกิดความไว้วางใจ
2.ประเมินความรู้ ความสามารถในการปฏิบัติตัวก่อนและหลังผ่าตัดเพื่อวางแผนการพยาบาลได้อย่างเหมาะสม
3.อธิบายเกี่ยวกับโรคและความเจ็บป่วยที่เป็นอยู่ เหตุผลในการผ่าตัด ผลดีของการผ่าตัด และผลเสียของการไม่ผ่าตัดเพื่อให้ผู้ป่วยยอมรับการผ่าตัด และลดความกลัวการผ่าตัด
4.ดูแลเตรียมตัวผู้ป่วยก่อนผ่าตัด และแนะนำวิธีการเตรียมตัวของผู้ป่วยก่อนการผ่าตัด ดังนี้
4.1ดูแลให้งดน้ำงดอาหารเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการผ่าตัดเพื่อความปลอดภัยของการดมยาสลบ
4.2ดูแลทำความสะอาด และโกนขนในบริเวณที่จะผ่าตัด และบริเวณข้างเคียง
4.3ดูแลให้ผู้ป่วยปัสสาวะก่อนเข้าห้องผ่าตัด
4.4ดูแลให้ผู้ป่วยถอดฟันปลอมและของมีค่าก่อนเข้าห้องผ่าตัด
5.เตรียมความพร้อมด้านจิตใจ และอารมณ์เพื่อลดความวิตกกังวล
5.1เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยซักถามข้อสงสัยเกี่ยวกับการผ่าตัดหรือเรื่องที่ไม่สบายใจด้วย
5.2แนะนำวิธีการเผชิญกับความเครียด เช่น การฝึกการหายใจในขณะผ่าตัด การทำสมาธิ การพูดคุยกับญาติเพื่อลดความวิตกกังวล
6.แนะนำการปฏิบัติตัวหลังการผ่าตัด ดังนี้
6.1หลังผ่าตัดไส้ติ่ง 24 ชั่วโมงหรืออาการปวดแผลลดลง ผู้ป่วยควรทำการลุกจากเตียงเพื่อให้ลำไส้มีการเคลื่อนไหวเร็วขึ้น
6.2หลังผ่าตัดดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยลุกออกจากเตียงเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการหกล้ม
6.3ดูแลให้ผู้ป่วยงดน้ำงดอาหารต่อและเริ่ม step diet ดูแลให้ผู้ป่ววยจิบน้ำ ดูแลให้ได้รับอาหารน้ำใส จากนั้นดูแลให้ได้รับอาหารเหลวข้นที่สามารถกลืนง่าย ไม่ต้องเคี้ยวเพื่อให้อวัยวะในระบบขับถ่ายทำงานน้อยที่สุดจะได้ไม่มีผลกระทบต่อแผลผ่าตัด หลังจากนั้นดูแลให้อาหารอ่อนที่มีกากน้อย ย่อยง่าย ได้แก่ ข้าวต้ม โจ๊ก ตามแผนการรักษาของแพทย์
6.4แนะนำหลีกเลี่ยงไม่ให้แผลโดนน้ำ หากแผลโดนน้ำให้ทำแผลใหม่
6.5แนะนำให้มาตัดไหมภายหลังผ่าตัด 10-14 วัน
6.6หลังผ่าตัดหลีกเลี่ยงการกระทำที่ก่อให้เกิดการกระทบกระเทือน เช่น การไอ จาม การสระผมด้วยตนเอง การก้มต่ำกว่าระดับเอว การยกของหนักเกิน 5 kg ในช่วง 1-3 เดือนแรก เพื่อป้องกันเลือดออก
6.7แนะให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูงเพื่อช่วยส่งเสริมการหายของแผล ได้แก่ ไข่ขาว นม ถั่วเหลือง อกไก่ และผักผลไม้ที่มีวิตามินซีและอาหารที่มีวิตามินบี ได้แก่ ผักกาดขาว ส้ม, แอปเปิ้ล, ทับทิม, มะนาว, ฝรั่ง เนื้อหมูไม่ติดมัน ปลา ตับ นม ไข่ ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง ถั่วต่าง ๆ