Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การสืบค้นข้อมูลทางการพยาบาล - Coggle Diagram
การสืบค้นข้อมูลทางการพยาบาล
แนวทางการกำหนดคำค้น
ข้อแนะนำการสืบค้นตามลำดับอักษร
ไม่ต้องคำนึงถึงเครื่องหมายใด ๆ
หากเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ต้องคำนึงถึงตัวพิมพ้เล็กหรือใหญ่
การสืบค้นวิธีนี้ ผู้ใช้ต้องทราบชื่อผู้แต่ง ชื่อเรื่อง หัวเรื่อง ชื่อชุด ฯลฯ ที่ถูกต้อง
การสืบค้นด้วยชื่อเรื่อง ไม่ว่าจะเป้นชื่อหนังสือ ปริญญานิพนธ้ วารสาร หรือ สื่อโสตทัศนวัสดุ ไม่ต้องพิมพ์ชื่อจนจบก็ได้
คือ การสืบค้นข้อมูลด้วยคำแบบเรียงตามลำดับอักษรตัวแรกของรายการที่สืบค้น
ไม่ต้องพิมพ้ Article ที่นำหน้าชื่อเรื่องภาษาต่างประเทศ
การสืบค้นด้วยหัวเรื่อง
ในรายละเอียดตัวเล่มของแต่ละทรัพยากรจะแจ้งว่าทรัพยากรนั้น ๆ มีหัวเรื่องใดบ้าง รวมถึงสามารถเชื่อมโยงไปยังทรัพยากรอื่นที่มีหัวเรื่องเดียวกันซึ่งเป้นการขยายผลการสืบค้นให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น
เพราะคำที่แสดงเนื้อหาของทรัพยากรสารสนเทศอาจจะไม้่ปรากฏในชื่อเรื่องเสมอไป
เป็นการสืบค้นด้วยคำหรือวลีที่ห้องสมุดกำหนดขึ้นเพื่อใช้แทนเนื้อหาของทรัพยากรสารสนเทศนั้น
สาเหตุที่ไม่พบผลการสืบค้นที่ต้องการ
หากเรื่องที่ต้องการสืบค้น มีหลายประเด็น ต้องแยกให้ชัดเจน
การพิมพ์เป็นประโยคยาวๆ
ใช้คำค้นที่ไม่เป็นประเด็นหลัก
ใช้คำค้นคำเดียว ไม่ปรับเปลี่ยน
การกำหนดคำค้นโดยใช้ Keyword
ไม่จำเป็นต้องเป็นคำที่ถูกต้อง แต่ใกล้เคียง
ในบรรณานุกรม เช่น ชื่อผู้แต่ง ชื่อเรื่อง หัวเรื่อง
Keyword คือ คำหรือกลุ่มคำที่เป็นประเด็นหลัก
เทคนิคการสืบค้นสารสนเทศ
การจัดการผลการสืบค้น
การส่งอีเมล (Email)
การนําข้อมูลบรรณานุกรมออก (Exporting citation)
การบันทึกข้อมูล (Saving)
การจัดการกับโปรแกรม EndNote
การสั่งพิมพ์ (Printing)
การวิเคราะห์ผลการสืบค้น
Date-newest / Date-oldest (จัดเรียงตามปีพิมพ้)
Author (จัดเรียงตามตัวอักษรของชื่อผู้แต่ง)
Relevance (จัดเรียงตามความเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร้ด)
Title (จัดเรียงตามตัวอักษรของชื่อเรื่อง)
การคัดกรองผลการสืบค้น
การกําหนดประเภททรัพยากร (Material type)
การกําหนดผู้แต่ง (Author / Creator)
การเลือกคอลเลคชั่น (Collection)
การกําหนดหัวเรื่องที่ต้องการ (Subject)
การเลือกแหล่งสารสนเทศ (Availability)
การกําหนดห้องสมุดที่จัดเก็บทรัพยากร (Library)
การกําหนดช่วงปีพิมพ้ (Creation date)
การกําหนดภาษา (Language)
การสืบค้น
วิธีการสืบค้น
ฺBasic search
Advanced search
การใช้ตัวเชื่อม
OR
NOT
AND
การใช้เครื่องหมาย
?
*
"...."
(....)
การเตรียมคีย์เวิร์ด
การสอนด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์ทางการพยาบาล
กลยุทธ์การสืบค้นหลักฐานเชิงประจักษ์
วิเคราะห์และดำเนินการกับผลลัพธ์ที่สืบค้นได้
ลองทำการค้นซ้ำๆในฐานข้อมูลอื่นๆ
สร้างรูปแบบและวิธีการในการสืบค้น
เลือกแหล่งข้อมูลการสืบค้นที่เหมาะสม
กำหนดคำที่ใช้ในการสืบค้น
1.แจงปัญหาหรือหัวข้อที่ต้องการสืบค้นด้วย PICO
หลักเกณฑ์ในการประเมินความน่าเชื่อถือ
รูปแบบของสารสนเทศ (Format)
คุณภาพของสารสนเทศหรือเนื้อหาที่นำเสนอ
ความทันสมัย
ความคุ้มค่า
ความน่าเชื่อถือของผู้เขียนและผู้รับผิดชอบ (Authority)
การปฏิบัติตามหลักฐานเชิงประจักษ์
การนำผลงานวิจัยมาใช้ในการปฏิบัติ
การปรับปรุงคุณภาพงานบริการพยาบาล
ผลลัพธ์ของผู้ป่วยดีขึ้น
ลดค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วย
การพัฒนาคุณภาพการให้บริการทางสุขภาพ
ประเภทของแหล่งสารสนเทศ
แหล่งทุติยภูมิ
รวบรวมข้อมูลและสารสนเทศจากแหล่งที่มีการรวบรวมมาแล้ว หรือรวบรวมมาจากสารสนเทศปฐมภูมิ
ได้แก่ วารสารสรุปย่อ หรือ Digest ดรรชนีและสาระสังเขป หนังสืออ้างอิง
แหล่งปฐมภูมิ
สารสนเทศที่ได้มาจากต้นแหล่งโดยตรง มักเป็นรายงานหรือข้อมูลสารสนเทศใหม่
ได้แก่ วารสารวิจัยและวิชาการ เอกสารมาตรฐานต่าง ๆ รายงานการวิจัย รายงานการประชุม การสัมมนาทางวิชาการ รายงานการศึกษาค้นคว้า
มีความน่าเชื่อถือและมีน้ำหนักอ้างอิงในเชิงวิชาการมากที่สุด
แหล่งตติยภูมิ
รวบรวมข้อมูลและสารสนเทศที่ช่วยค้นหาสารสนเทศปฐมภูมิและทุติยภูมิ
ได้แก่ นามานุกรม บรรณานุกรม หนังสือแนะน าวรรณกรรมเฉพาะสาขาวิชา
กระบวนการในการค้นหาสารสนเทศทางการพยาบาล
1.กำหนดปัญหา
2.กำหนดกลยุทธ์ในการค้นหา
3.ระบุและรวบรวม
ทรัพยากรสารสนเทศ
4.ประเมินสารสนเทศ
5.ตัดสินใจเลือก
สารสนเทศที่ดีที่สุด
6.นำสารสนเทศไปใช้
ประโยชน์
การลอกเลียนวรรณกรรม
สาเหตุของการลอกเลียนวรรณกรรม
ขาดความรู้เรื่องการลอกเลียนวรรณกรรม
ขาดความรู้เรื่องการเขียนอ้างอิงและบรรนาณุกรม
ขาดทักษะทางด้านภาษา
ขาดความเข้าใจความหมายของแหล่งอ้างอิง
ขาดแรงจูงใจในการเรียนรู้
ความสะดวกสบายในการเขาถึงแหล่งข้อมูลต่างๆทางอินเทอร์เน็ต
จุดเริ่มต้นของการลอกเลียนวรรณกรรม
การลอกการบ้านหรือรายงานของเพื่อน แม้เพื่อนจะอนุญาต
การนำข้อมูลต่างๆ เช่น รูปภาพ ตาราง แผนภูมิ กราฟ เว็บไซต์ ข้อมูลจากเว็บไซต์ มาใช้งานโดยไม่มีการอ้างอิง
การส่งผลงานที่มีผู้เขียนร่วมไปเผยแพร่หรือตีพิมพ์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียนร่วม
การนำข้อมูลต่าง ๆ เช่น รูปภาพ ตาราง แผนภูมิ กราฟ จากเอกสารสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ มาใช้งาน จะต้องมีการขออนุญาตเจ้าของผลงานเป็นลายลักษณ์อักษรเสมอ
ข้อดีของการอ้างอิง (Citation)
ช่วยให้ผู้อ่านติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้
ป้องกันตนเอง กรณีข้อมูลที่นำมาอ้างอิงมีปัญหา
เมื่อใดที่ไม่ต้องอ้างอิง
การนำเสนอความคิดหรือประสบการณ์ของตนเอง
การนำเสนอผลการวิจัยของตนเอง
การใช้ผลงานที่ตนเองสร้างสรรค์หรือภาพถ่ายที่ตนเองเป็นผู้บันทึก
การกล่าวถึงองค์ความรู้ทั่วไป หรือ Common knowledge
องค์ความรู้ที่เป็นข้อเท็จจริงสากล
เมื่อใดที่ต้องอ้างอิง
เมื่อนำบทสนทนาหรือบทสัมภาษณ์มาใช้
เมื่อมีการนำเนื้อหามาใช้
เมื่อนำคำพูดหรือความคิดของคนอื่นมาใช้
เมื่องานนั้นมีความส าคัญต่องานหรือต่อการพัฒนาความคิดของเรา
การหลีกเลี่ยงการลอกเลียนวรรณกรรม
การเขียนอัญประภาษ (Quotation)
อัญประภาษรอง (Indirect quotation)
อัญประภาษตรง (Direct quotation)
การเขียนบรรณานุกรม (Bibliography)
การเขียนอ้างอิง
การอ้างอิงแบบท้ายบท (Endnote reference)
การอ้างอิงแบบเชิงอรรถ (Footnote reference)
การเรียบเรียงและสังเคราะห์ใหม่จากเนื้อหาหลายแหล่ง
การใช้โปรแกรมเพื่อช่วยตรวจสอบความคล้ายคลึงกันของผลงาน
การเรียบเรียงเนื้อหาหรือการสรุปใหม่ และระบุว่าอ้างอิงมาจากแหล่งใด
ประเภทของการลอกเลียนวรรณกรรม
ตามแหล่งที่มา
การลอกเลียนวรรณกรรมของตนเอง (Self-Plagiarism)
การตีพิมพ์ซ้ำ (Duplicate Publication)
การแบ่งซอยงานออกเป็นส่วนๆ (Salami slicing)
การตีพิมพ์เกินความจำเป็น (Redundant publication)
การลอกเลียนวรรณกรรมของผู้อื่น (Plagiarism)
การแปลงานจากภาษาต้นฉบับ แล้วนำฉบับแปลนั้นมาเป็นผลงานของตน
การอ้างถึงคำพูดของผู้อื่น โดยมีการอ้างอิงถึงเจ้าของผลงาน แต่ไม่ใช่เครื่องหมายอัญประกาศ
การให้ข้อมูลผิดเกี่ยวกับแหล่งอ้างอิง ทำให้ไม่สามารถสืบค้นต้นฉบับได้
การถอดความ (Paraphrasing) จากผลงานของผู้อื่นหรือเรียบเรียงประโยคใหม่
การคัดลอกข้อความทั้งหมดแบบคำต่อคำ
การไม่ใช้เครื่องหมายอัญประกา “...” ในเนื้อความที่น ามาแบบคำต่อคำ
การคัดลอกผลงานโดยดัดแปลงคำและบริบทโดยไม่อ้างอิง
การลอกเลียนบางส่วน คือ มีการอ้างอิงในเนื้อหาถูกต้อง แต่อ้างอิงเพียงบางส่วน
การคัดลอกจากต้นฉบับโดยไม่อ้างอิงจากเจ้าของผลงาน
การคัดลอกและตัดปะ (Patchwork Paraphrasing)
การลอกเลียนความคิดของผู้อื่น โดยนำความคิดหรือข้อเขียนของผู้อื่นมาดัดแปลง แล้วพูดหรือเขียนเสมือนตนเองเป็นเจ้าของความคิดนั้น โดยไม่มีการอ้างอิง
การลอกเลียนวรรณกรรมตามการอ้างอิง
การอ้างอิงแหล่งที่มาไม่สมบูรณ์(Source cited, but still plagiarized)
การให้ข้อมูลของแหล่งที่มาไม่ถูกต้อง
การอ้างอิงไม่ครบถ้วน
การปกปิดข้อมูล
การไม่ใช้รูปแบบอัญประกาศ “...”
การระบุแหล่งอ้างอิงถูกต้อง แต่ไม่มีการเขียนเนื้อหาเป็นของตนเอง
การไม่อ้างอิงแหล่งที่มา (Source not cited)
รูปแบบอื่นๆในการลอกเลียนวรรณกรรม
Falsification (การปลอมแปลงข้อมูล)
Fabrication (การสร้างข้อมูลเท็จหรือการเสกสรรปั้นแต่ง)
เครื่องมือสำหรับตรวจสอบการลอกเลียนวรรณกรรม
การตรวจจับโดยใช้ซอฟต์แวร์ (Software detection)
โปรแกรมแพลกเจียริซึ่ม ดีเท็คเตอร์ (Plagiarism-Detector)
ฐานข้อมูลเดจาวู (Deja Vu)
โปรแกรมเทิร์นอิทอิน (Turnitin)
โปรแกรมอักขราวิสุทธิ์
การตรวจจับโดยใช้บุคคล
การใช้สามัญสำนึก (Common sense)
การวิเคราะห์ทางภาษา (Linguistic analysis)
กลยุทธ์การสืบค้นสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์
คัดแยก Keyword ออกจากโจทย์
แปลง Keyword ให้เป็นภาษาที่ใช้ในการสืบค้น
วิเคราะห์ปัญหาหรือโจทย์
เทคนิคและวิธีการสืบค้น
5.2 “...”
5.3 (...)
5.1 “ * ”
5.4 NEAR/n
แจงปัญหา/หัวข้อ
สร้างรูปแบบและวิธีการในการค้น
วิเคราะห์ผลลัพธ์
7.2 ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ตรงประเด็นที่ต้องการ
7.3 ผลลัพธ์มาก/น้อยเกินไป
7.1 หากผลลัพธ์ที่ได้ตรงประเด็นที่ต้องการ
รูปแบบการจัดเรียงผลลัพธ์ของฐานข้อมูล
เลือกแหล่งข้อมูลที่เหมาะสมกับโจทย์
9.1 Online Database
9.2 Web Search Engine