Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
งานชิ้นที่1 การพยาบาลอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการประกอบอาชีพ - Coggle…
งานชิ้นที่1
การพยาบาลอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการประกอบอาชีพ
ควาหมายของอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
อาชีวอนามัยเป็นการ ส่งเสริม ป้องกัน และ ดูแลสุขภาพของผู้
ประกอบอาชีพทุกสาขา เพื่อให้มีสุขภาวะ ทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม ปราศจากโรคหรือผลกระทบ
จากการทํางาน รวมทั้งมีสภาพแวดล้อมการทํางานที่ปลอดภัย ทําให้สามารถทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพและ
ประสิทธิผล
ปัญหาสุขภาพของคนทำงาน
โรคจากการประกอบอาชีพ/โรคเหตุอาชีพ
โรคเกี่ยวเนื่องกับงาน
การบาดเจ็บจากการทํางาน
โรคจากการประกอบอาชีพ ประกอบไปด้วย8กลุ่มดังนี้
1.โรคที่เกิดขึ้นจากสารเคมี
โดยจะยกตัวอย่างดังนี้
เบริลเลียมหรือสารประกอบของเบริลเลียม
เภสัชภัณฑ์
คาร์บอนไดซัลไฟด์
2.โรคที่เกิดขึ้นจากสาเหตุทางกายภาพ
โดยจะยกตัวอย่างดังนี้
โรคหูตึงจากเสียง
โรคจากแสงหรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
โรคจากความสั่นสะเทือน
3.โรคที่เกิดขึ้นจากสาเหตุทางชีวภาพ
โรคติดเชื้อ
โรคปรสิตเนื่องจากการทำงาน
4.โรคระบบหายใจที่เกิดขึ้นเนื่องจากการทำงาน
โดยยกตัวอย่างดังนี้
โรคกลุ่มนิวโมโคนิโอสิส เช่น ซิลิโดสิส แอสเบสโทลิส
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
โรคปอดอักเสบภูมิไวเกิน
5.โรคผิวหนังที่เกิดขึ้นเนื่องจากการทำงาน
โรคผิวหนังที่เกิดจากสาเหตุทางกายภาพ เคมี หรือชีวภาพอื่น ซึ่งพิสูจน์ได้ว่ามีสาเหตุเนื่องจากการทํางาน
โรคด่างขาวจากการทํางาน
โรคผิวหนังอื่น ซึ่งพิสูจน์ได้ว่ามีสาเหตุเนื่องจากการทํางาน
6.โรคระบบกล้ามเนื้อและโครงสร้างกระดูก ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการทำงานหรือสาเหตุจาก ลักษณะงานที่
จำเพาะหรือมีปัจจัยเสี่ยงสูงในสิ่งแวดล้อมการทำงาน
7.โรคมะเร็งที่เกิดขึ้นเนื่องจากการทำงาน
โดยยกตัวอย่างดังนี้
แอสเบสตอส (ใยหิน)
ถ่านหิน
รังสีแตกตัว
8.โรคอื่น ๆ ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าเกิดขึ้นตามลักษณะหรือสภาพของงานหรือเนื่องจากการทำงาน
โรคเกี่ยวเนื่องกับงาน
หมายถึง โรคที่การทํางานมีส่วนส่งเสริมให้คนทํางานเจ็บป่วย ทําให้โรคที่เป็นอยู่กําเริบ รุนแรงขึ้น หรือทําให้ระยะแฝงของโรคสั้นลงหรือป่วยเป็นโรคเร็วขึ้น
สาเหตุของโรคจากการประกอบอาชีพและโรคเกี่ยวเนื่องกับงาน
1.ปัจจัยเกี่ยวกับบุคคล
1.เพศ
เช่น คนทํางานเพศชายที่มีการสูบบุหรี่ เมื่อทํางานที่มีโอกาสได้รับสารเคมีจาก การสูดดมย่อมมีโอกาสเกิดโรคมะเร็งปอดได้มากกว่าเพศหญิง
2.ความรู้และระดับการศึกษา
ผู้ที่มีระดับการศึกษาสูงมีการเเสวงหาความรู้ วิธีการป้องกันหรือรักษาตนเองจากแหล่งข้อมูลต่างๆได้ดีกว่าคนที่มีระดับการศึกษาต่ำ ทําให้มีการเรียนรู้ในการดูแลสุขภาพตนเองได้ดี
3.อายุ
การที่มีอายุต่างกันทําให้มีโอกาสเกิดการเจ็บป่วยด้วยโรคที่แตกต่างกัน คนทํางานที่มีอายุมากย่อมมีโอกาสเจ็บปุวยด้วยโรคจากการทํางานมากกว่าคนทํางานที่อายุน้อยเนื่องมาจากความเสื่อมของร่างกายตามวัย
4.พฤติกรรมสุขภาพ
เช่น คนงานสัมผัสเสียงที่ใส่อุปกรณ์ป้องกันเสียงขณะทํางานมีโอกาสเกิดการสูญเสียงการได้ยินน้อยกว่าคนงานที่ไม่ใส่อุปกรณ์ป้องกันเสียงขณะทํางาน
5 ความไวต่อการเกิดโรค
เช่น โรคความดันโลหิตสูง หากทํางานในสภาพแวดล้อมการทํางานที่มีการแข่งขันสูงอาจก่อให้เกิดความเครียด ส่งผลให้อาการของโรครุนแรงขึ้นได้
2.ปัจจัยเกี่ยวกับงาน
ลักษณะงานและสภาพการทํางาน เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อสุขภาพคนทํางาน เช่น การทํางานแบบซ้ําซาก เช่น งานทอผ้าด้วยมือ งานกวาดถนน
3.ปัจจัยสิ่งแวดล้อมในการทํางาน
3.1.ปัจจัยคุกคามด้านกายภาพ (Physical hazards)
1.
ความร้อน
หากความร้อนในร่างกายสูงเกิน 37°ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ 3 ลักษณะ คือ
เกิดตะคริวเนื่องจากการสูญเสียอิเลคโทรไลท์ออกมากับเหงื่อ
อาการเหนื่อยอ่อนเพลียเนื่องจากมีปริมาณอิเลคโทรไลท์ในร่างกายลดลงร่วมกับมีอาการปวดศีรษะ กระหายน้ําอย่างรุนแรง กล้ามเนื้ออ่อนล้า
การเป็นลมเนื่องจากระบบรักษาอุณหภูมิของร่างกายที่สมองไม่สามารถทํางานได้ตามปกติ
2.
ความเย็น
การทำงานที่มีอุณหภูมิเย็นเกินไปเป็นสาเหตุให้ร่างกายเกิด ความเครียด
3.
เสียง
การได้รับเสียงดังเกินกว่ามาตรฐานเป็นเวลานานจะทําให้เกิด ความพิการของหูอย่างถาวร
4.
ความกดดันบรรยากาศที่ผิดปกติ
ความกดดันบรรยากาศที่ผิดปกติการเปลี่ยนแปลงระดับความกดดันของบรรยากาศจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของก๊าซในร่างกาย
5
.ความสั่นสะเทือน
ถ้าอาการเกิดขึ้นมากจะทําให้อวัยวะ ส่วนนั้น
เมื่อยล้า เจ็บปวด เวียนศีรษะ คลื่นไส้ เป็นตะคริว มองเห็นภาพซ้อน การสัน สะเทือนในระดับมากที่สุดจะมีผลทำให้ปลายประสาทบริเวณมือเสียไป เกิดอาการนิวตาย หรือนิ้วซีด
6.
รังสี
1.รังสีที่แตกตัวจะก่อให้เกิดอันตรายได้มาก เช่น รังสีแกมม่า รังสีเอกซ์ อนุภาคแอลฟ่า
รังสีชนิดที่ไม่แตกตัว ได้แก่ แสงอุลตราไวโอเลต อินฟราเรท ไมโครเวฟ เป็นต้น การรับสัมผัสรังสีเหล่านี้อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อกระจกตา เลนส์ หรือจอภาพ ขณะเดียวกันผิวหนังบริเวณที่สัมผัสรังสีอย่างรุนแรงจะไหม้พอง
3.2.ปัจจัยคุกคามด้านชีวภาพ (Biological hazards)
อันตรายจากสภาพแวดล้อมทางชีวภาพ
หมายถึง การที่ร่างกายได้รับการติดเชื้อจากการทํางานที่ต้องสัมผัสกับ ตัวเชื้อโรคต่างๆ (Infectious agents)
ได้แก่ เชื้อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา ปรสิต แล้วทําให้เกิดการเจ็บป่วยยขึ้น เช่น บุคคลในโรงพยาบาล
3.3 ปัจจัยคุกคามด้านเคมี (Chemical hazards)
1.โรคพิษของสารหนู (Arsenic poisoning)
เมื่อสารหนูเข้าสู่ร่างกายจะเป็นพิษต่อระบบและอวัยวะต่าง ๆ ทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง เช่น เกิดการระคายเคืองที่ผิวหนัง สารหนูจะไปสะสมในปอดทําให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง ส่งผลทําให้เกิดมะเร็งปอด หากสารหนูเข้าไปสู่ระบบไหลเวียนโลหิตจะทําให้ปลายประสาทอักเสบ แขนขาชา เป็นอัมพาต
2.โรคพิษของสารตะกั่ว (Lead poisoning)
1.ผู้ที่ได้รับตะกั่วในปริมาณสูงทันทีทันใดจะเกิดอาการปวดศีรษะ ปวดท้องอย่างรุนแรง มีรสหวานในปาก เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน บางรายมีอาการที่สมอง ชัก และหมดสติ
2.การรับปริมาณตะกั่วเข้าไปเป็นประจําตลอดระยะเวลาการทํางานจะส่งผลให้เกิดพิษเรื้อรัง ผู้ปุวยจะมีร่างกายอ่อนแอ ปวดศีรษะ น้ําหนักลด อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ผิวซีดจากการที่เม็ดเลือดแดงถูกทําลาย
3.โรคจากพิษของสารแคดเมียม (Cadmiun poisoning)
แคดเมียมเสี่ยงต่อการหายใจเอาไอระเหยของแคดเมียมเข้าไป ทําให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อเมือก เป็นอันตรายต่อปอด การเข้าสู่ร่างกายโดยการกิน ทําให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน มีอาการเหมือนอาหารเป็นพิษ อันตรายร้ายแรง
4.โรคพิษจากสารปรอท (Mercury poisoning)
คนงานที่ทํางานเกี่ยวข้องกับปรอท ได้รับพิษจากปรอทโดยการหายใจ
เอาไอของโลหะปรอทเข้าไป จากการกิน การดูดซึมผ่านทางผิวหนัง เมื่อเข้าไปในร่างกายปรอทจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสโลหิต เป็นผลให้การทํางานของอวัยวะต่างๆถูกทําลาย สูญเสียหน้าที่ไป
3.4 ปัจจัยคุกคามด้ายการยศาสตร์(Ergonomics)
หมายถึง การศึกษาลักษณะของมนุษย์เพื่อออกแบบที่อยู่อาศัย และสิ่งแวดล้อมในการทํางาน ให้เหมาะสมกับคนที่ทํางาน หรือเป็นการศึกษา
คนจากสิ่งแวดล้อมในการทํางาน เพื่อนําไปสู่การออกแบบปรับปรุงงาน และการปรับปรุงสิ่งแวดล้อม
3.5.ปัจจัยคุกคามด้านจิตสังคม
สภาพงานหรือสิ่งแวดล้อมในการทํางาน อาจเป็นสาเหตุให้ผู้ประกอบอาชีพเกิดความเครียด วิตกกังวล หรือเกิดปัญหาทางจิตขึ้นได้
อุบัติเหตุการบาดเจ็บจากการประกอบอาชีพ
อุบัติเหตุจากการทำงาน (Occupational accidents/ injury)
หมายถึง อุบัติเหตุที่ เกิดขึ้นในภาวะการจ้างงานที่ทําให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิต เครื่องจักร สิ่งของ อาจจะเกิดขึ้นในทันทีทันใด หรือในช่วงเวลาถัดไป โดยอุบัติเหตุนั้นอาจเกิดขึ้นในสถานที่ทํางาน หรือนอกสถานที่ทํางานก็ได้ เช่น เกิดระหว่างทางที่พนักงานออกไปปฏิบัติงานตามภาระกิจที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าของสถาประกอบการ
1. การกระทำที่ไม่ปลอดภัย (Unsafe act)
หมายถึง การกระทําหรือการปฏิบัติงานของคนมีผลทําให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อตนเองและผู้อื่น เช่น การทํางานขาดความรอบคอบ ขาดความระมัดระวัง
2. สภาพของงานที่ไม่ปลอดภัย (Unsafe condition)
หมายถึง สภาพของโรงงงานอุตสาหกรรม สภาพเครื่องจักร สภาพกระบวนการผลิต อุปกรณ์การผลิต ไม่มีความปลอดภัยที่เพียงพอ ส่งผลให้คนทํางานต้องเกิดอุบัติเหตุ เช่น การออกแบบโรงงานไม่สมบูรณ์ วางผังโรงงานไม่ถูกต้อง
การป้องกันโรคจากการประกอบอาชีพ
การค้นหาสิ่งคุกคามสุขภาพ
โดยการศึกษาขั้นตอนการผลิต วัสดุที่ใช้ในการผลิต และแผนผังของ
สถานประกอบกิจการ
การค้นหาปัจจัยคุกคามสุขภาพที่เกิดจากการทํางาน
เป็นการเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมในการทํางาน ได้แก่ การสํารวจตรวจสอบสภาพการทํางานและสิ่งแวดล้อมในการทํางาน เพื่อประเมินความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดการเจ็บปุวยและบาดเจ็บจากการทํางาน
การใช้มาตรการควบคุม
3.1 มาตรการที่ใช้กับสถานประกอบการ
ประกอบด้วยการควบคุมปูองกันโดย การประยุกต์ใช้ความรู้ทางด้านวิศวกรรม
3.1.1 การควบคุมที่ต้นตอหรือแหล่งก าเนิด (Source) เป็นการควบคุม แหล่งกําเนิดของอันตรายที่จะเกิดต่อคนทํางานโดยตรง เช่น ที่ตัวเครื่องจักร เครื่องมือ
3.1.2 การควบคุมที่ทางผ่าน (path) เป็นวิธีป้องกันเพื่อมิให้ปัจจัยคุกคามที่มาจากแหล่งกําเนิดไปสู่ตัวคนทํางาน วิธีนี้มีประสิทธิภาพรองจากวิธีแรก เมื่อใช้วิธีแรก
3.2 มาตรการที่ใช้กับผู้ประกอบอาชีพ
3.2.1 การให้ความรู้และคำเเนะนำ
3.2.2 การใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (Personal Protective Devices)
3.2.3 การบริหารจัดการ
โดยการสร้างพฤติกรรมการทํางานที่ปลอดภัย เพื่อลดการสัมผัสปัจจัยอันตรายในการทํางาน
3.2.4 การคัดกรองและการเฝ้าระวังการเกิดโรคจากการประกอบอาชีพ
ได้แก่การตรวจสุขภาพผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งจะตรวจเมื่อแรกเข้าทํางาน จากนั้นจะมีการตรวจเป็นระยะๆ ขณะทํางานเป็นการเฝูาระวังสุขภาพ อาจเป็นการตรวจสุขภาพทั่วไปประจําปี
หลักการป้องกันและควบคุมอุบัติเหตุจากการประกอบอาชีพ
สามารถนําหลักการ 3E มาใช้ในการดําเนินงานด้านความปลอดภัย ดังนี้
1. วิศวกรรม (Engineering)
คือ การใช้หลักและวิชาความรู้ทางด้านวิศวกรรมในทุกแขนง เพื่อแก้ไขปรับปรุงสภาพการณ์ทางกายภาพต่างๆทุกชนิดที่เกี่ยวข้องให้เกิดความปลอดภัยในการใช้งานหรือปฏิบัติงาน สภาพการณ์ทางกายภาพ
2.การศึกษา (Education)
คือ การอบรมและแนะนําพนักงานทุกๆคน ตลอดจนหัวหน้างานและผู้เกี่ยวข้องทุกคนในโรงงาน ให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปฏิบัติเพื่อความปลอดภัย รวมถึงการปูองกันอุบัติเหตุและเสริมสร้างความปลอดภัยในโรงงาน
3.การออกกฎบังคับ (Enforcement)
คือ การกําหนดวิธีการทํางาน หรือวิธีการปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยขึ้นมาเป็นมาตรฐาน พร้อมออกกฎระเบียบและข้อบังคับ ให้พนักงานและผู้เกี่ยวข้องทุกคนได้ปฏิบัติตามวิธีการทํางานหรือวิธีการปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยนั้น ๆ
ความหมายและความสำคัญของการพยาบาลอาชีวอนามัย
เป็นการพยาบาลเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มุ่งเน้นการส่งเสริม ปกป้อง และคงไว้ซึ่งสุขภาพของคนทํางาน ภายใต้บริบทของสภาวะแวดล้อมการทํางานที่ปลอดภัย และเอื้อต่อสุขภาพ รวมถึงการปูองกันผลกระทบทางสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากสิ่งคุกคามในการทํางาน
บทบาทหน้าที่ของพยาบาลในงานอาชีวอนามัย
บริการพยาบาลอาชีวอนามัยในสถานประกอบการมาตรฐานที่ 5 ดังนี้ คือ บริการพยาบาลอาชีวอนามัย ต้องประกอบด้วยกิจกรรมที่ครอบคลุมการส่งเสริมสุขภาพ การปูองกันโรคและอันตรายจากการทํางาน การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ปฏิบัติงาน โดยมีเกณฑ์การปฏิบัติงาน คือ
มีส่วนร่วมในการสํารวจและประเมินภาวะแวดล้อมและสภาพการทํางาน
ตรวจสุขภาพและตรวจพิเศษอย่างน้อยตามที่กําหนดไว้ในกฎหมายแรงงาน
ให้สุขศึกษาด้านสุขภาพและส่งเสริมความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน
ให้คําปรึกษาเกี่ยวกับสุขภาพและปัญหาที่เกี่ยวข้อง
5.ให้บริการรักษาพยาบาลภายในขอบเขตของกฎหมายวิชาชีพในส่วนที่เกี่ยวข้อง
จัดให้ผู้ปฏิบัติงานได้รับการฟื้นฟูสุขภาพและสมรรถภาพตามความเหมาะสม
จัดให้มีระบบการส่งต่อเพื่อการรักษาพยาบาลและให้การช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง
มีการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาบริการพยาบาลอาชีวอนามัย
พยาบาลที่ทํางานด้านอาชีวอนามัยโดยเฉพาะประจําอยู่กับสถานประกอบการต้องมีคุณสมบัติ คือ
เป็นพยาบาลวิชาชีพ
ควรมีประสบการณ์อย่างน้อย 2 ปีในตึกผู้ปุวยนอก ห้องฉุกเฉิน และการพยาบาลสาธารณสุข
ควรได้รับการอบรมเฉพาะทางด้านการพยาบาลอาชีวอนามัย
ขอบเขตการทำงานการพยาบาลอาชีวอนามัย
การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค
การป้องกันระดับปฐมภูมิ
มุ่งเน้นเพื่อส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค และคงไว้
การป้องกันระดับทุติยภูมิ
เป็นการป้องกันในระยะแรกของการเกิดโรคเพื่อค้นหาโรคในระยะเริ่มแรก ทําให้สามารถให้การรักษาได้ทันท่วงทีและจํากัดความพิการ
การป้องกันระดับตติยภูมิ
มีจุดมุ่งหมายเพื่อคงไว้ซึ่งความสามารถในการทําหน้าที่ของร่างกาย
ภายหลังการเจ็บปุวยหรือบาดเจ็บ การดูแลคนทํางานหลังการเจ็บป่วยเป็นรายบุคคล มีระบบติดตามเพื่อให้การช่วยเหลือ
การประเมินสุขภาพและเฝ้าระวังสิ่งคุกคามในการทำงาน
โดยการตรวจสุขภาพร่างกายก่อนเข้าทํางานเพื่อจัดลักษณะงานให้เหมาะสมกับภาวะสุขภาพของแต่ละบุคคล และใช้ในการเฝูาระวังภาวะสุขภาพของคนทํางาน
3.การเฝ้าระวังสถานที่ทำงานและการตรวจประเมินปัจจัยคุกคามในการทำงาน
โดยการเดินสํารวจสถานที่ทํางาน กระบวนการผลิต และวัตถุดิบที่ใช้ในกระบวนการผลิต เพื่อค้นหาปัจจัยคุกคามสุขภาพ การตรวจวัดระดับหรือปริมาณของปัจจัยคุกคามในสภาพแวดล้อมการทํางาน
การให้บริการระดับปฐมภูมิและการจัดการรายกรณี
เป็นการดูแลสุขภาพเบื้องต้น ไม่ว่าจะเป็นโรคและการบาดเจ็บที่เกิดจากการทํางานและปัญหาสุขภาพอื่นๆ โดยการรักษาและส่งต่อคนทํางานที่มีปัญหาสุขภาพที่ซับซ้อนเพื่อเข้ารับการรักษาต่อในสถานพยาบาล
การให้คำปรึกษา
เป็นการช่วยเหลือคนทํางานในการแก้ปัญหา เพื่อให้เข้าใจสาเหตุของปัญหา เสนอแนะทางเลือก และให้การสนับสนุน
การบริหารจัดการ
พยาบาลมีบทบาทหน้าที่หลักในการบริหารจัดการด้านอาชีวอนามัยในสถานประกอบการ โดยจะต้องคํานึงถึงเปูาหมาย พันธกิจ วัตถุประสงค์ ของการดําเนินธุรกิจ วัฒนธรรมองค์กร ลักษณะองค์ประกอบของคนทํางาน
การวิจัย
พยาบาลควรทําการวิจัยหรือร่วมดําเนินการวิจัย เพื่อนําผลการวิจัยมาใช้ในการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคจากการทํางาน
การจัดการด้านกฎหมายและจริยธรรม
การที่สถานประกอบกิจการมีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแล
ด้านความปลอดภัยให้แก่คนทํางาน พยาบาลจึงควรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายและระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทํางาน และกฎหมายต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคนทํางาน
การประสานการทำงานกับชุมชน
การที่สถานประกอบกิจการตั้งอยู่ในชุมชน อาจส่งผลกระทบต่อ
สุขภาพอนามัยของประชาชนที่อาศัยในบริเวณใกล้เคียง พยาบาลควรเป็นผู้ประสานงานระหว่างสถานประกอบการและประชาชน ให้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นจริงแก่ประชาชนในพื้นที่ ดําเนินงานร่วมกับชุมชนในการ
ดูแลสุขภาพคนทํางาน สมาชิกในครอบครัว และชุมชน
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับงานอาชีวอนามัย
พระราชบัญญัติประกันสังคม
พระราชบัญญัติเงินทดแทน
พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน
พระราชบัญญัติโรงงาน
พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย