Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

พระราชบัญญัติสุขภาพจิต พ.ศ 2551 - Coggle Diagram

- - - - ให้ผู้ป่วย คู่สมรส บุพการี ผู้สืบสันดาน ผู้พิทักษ์
        
        มีสิทธิอุทธรณ์เป็นหนังสือต่อคณะกรรมการอุทธรณ์ภายใน สามสิบวันนับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้ง
      - การอุทธรณ์ตามวรรคหนึ่งไม่เป็นเหตุทุเลาการบังคับตามคําสั่ง เว้นแต่คณะกรรมการ อุทธรณ์จะเห็นสมควรให้มีการทุเลาการบังคับตามคําสั่งน้ันไว้ชั่วคราว
      - การยื่นอุทธรณ์พิจารณาตามระเบียบที่คณะการรมการกำหนด
      - ให้คณะกรรมการ อุทธรณ์พิจารณาอุทธรณ์ให้แล้วเสร็จภายใน สามสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับอุทธรณ์
        
        คำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ถือเป็นที่สุด
  - - - (๑) อธิบดี เป็นประธานกรรมการจำนวน ๑ คน
      - (๒) ผู้แทนองค์กรภาคเหนือที่เป็นนิติบุคคล จำนวน ๓ คน
        
        เพื่อคุ้มครองและดูแลบุคคลที่มีความผิดปกติทางจิต
      - (๓) ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน ๕ คน
        
        รัฐมนตรีเลือกจากผู้มีความรู้ในสาขาแพทย์จิตเวช จิตวิทยาคลินิก เป็นต้น
  - - - (๑) พิจารณาอุทธรณ์ตามมาตรา ๔๒
        
        การอุทธรณ์ตามวรรคหนึ่งไม่เป็นเหตุทุเลาการบังคับตามคําสั่ง เว้นแต่คณะกรรมการ อุทธรณ์จะเห็นสมควรให้มีการทุเลาการบังคับตามคําสั่งน้ันไว้ชั่วคราว
      - (๒) รายงานผลการดําเนินการให้คณะกรรมการทราบอย่างน้อยปีละคร้ัง
- - - - คณะกรรมการสถานบำบัดรักษามีคำสั่งตามมาตรา ๒๙ (๒)
        
        หน้าที
        
        (๑) แจ้งให้ผู้รับดูแลผู้ป่วยรับตัวผู้ป่วยไปดูแล
        
        (๒) ในกรณีที่ไม่มีผู้รับดูแลให้แจ้งหน่วยงานด้านสงเคราะห์และสวัสดิการทั้งภาครัฐและเอกชน
        
        (๓) แจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ติดตามดูแล ประสานงานและช่วยเหลือ
    - - ผู้ถูกคุมขังซึ่งได้รับการบำบัดรักษาระหว่างถูกคุมขังถึงกำหนดปล่อยตัว
        
        หัวหน้าสถานที่คุมขังมีหน้าที่ดำเนินการตามมาตรา ๔๐
  - - - ภายใต้บังคับมาตรา ๑๔ วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายอาญา
        
        ให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยไปรับการตรวจที่สถานบำบัดรักษา
        
        ให้พนักงานสอบสวนหรือศาลทราบภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ได้รับผู้ต้องหาะ อาจขยายระยะเวลาได้อีกไม่เกิน 45วัน
    - - ใต้บังคับมาตรา ๑๔ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมาย
        พิจารณาความอาญา
        
        จิตแพทย์ผู้บำบัดรักษาทำรายงานผลส่งให้พนักงานสอบสวนหรือศาลภายใน180 วัน
        
        รายงานผลการบำบัดรักษาทุก 180 วัน
    - - กรณีที่ศาลมีคำสั่งให้ส่งผู้ป่วยคดีไปคุมตัวหรือรักษาตาม -มาตรา ๔๘ และมาตรา ๔๙ วรรคสอง กฎหมายอาญา
        -มาตรา ๒๔๖ (๑) แห่งประมวลกฎหมาย
        
        ไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยคดี
        
        จิตแพทย์ผู้บำบัดรักษารายงานผลต่อศาลภายใน 180 วัน นับแต่วันที่ได้รับผู้ป่วย
        
        รายงานผลการบำบัดรักษาและความเห็นต่อศาลทุก 180 วัน
    - - ระหว่างการบำบัดรักษาได้รับการบำบัดรักษาจนความผิดปกติทางจิตหายหรือทุเลาและไม่มีภาวะอันตราย >>> รายงานผลการบำบัดรักษาและความเห็นเพื่อจำหน่าย
    - - กรณีที่ศาลกำหนดเงื่อนไขตามมาตรา ๕๖ วรรคสอง (๔) แห่งประมวลกฎหมายอาญา
        
        จิตแพทย์ผู้บำบัดรักษารายงานต่อศาลภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับผู้ป่วย
        
        มาตรา ๓๗ วรรคสาม และวรรคสี่ และมาตรา ๓๘ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
        
        รายงานผลการบำบัดรักษาและความเห็นต่อศาลทุก 90 วัน
  - - - ได้รับความยินยอมจากผู้ป่วย เว้นแต่เป็นผู้ป่วยตามมาตรา ๒๒
      - รับผู้ป่วยไว้ในสถานพยาบาลของรัฐหรือสถานบำบัดรักษา>>>ตามวรรคหนึ่งต้องทำเป็นหนังสือ และลงลายมือชื่อผู้ป่วย
      - กรณีที่ผู้ป่วยมีอายุไม่ถึงสิบแปดปีบริบูรณ์ หรือขาดความสามารถ
        
        ให้คู่สมรส ผู้บุพการี ผู้สืบสันดาน ผู้ปกครอง ผู้พิทักษ์ ผู้อนุบาล เป็นผู้ให้ความยินยอมตามวรรคสองแทน
    - - บุคคลที่มีความผิดปกติทางจิตต้องบำบัดรักษา
        
        (๑) มีภาวะอันตราย
        
        (๒) มีความจำเป็นต้องได้รับการบำบัดรักษา
    - - การรับแจ้ง
        
        ผู้ใดพบบุคคลซึ่งมีพฤติการณ์น่าเชื่อว่ามีพฤติการณ์ลักษณะตามมาตรา ๒๒ ให้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ
    - - ดำเนินการนำตัวบุคคลนั้นไปยังสถานพยาบาลของรัฐหรือสถานบำบัดรักษา
        
        เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและประเมินอาการเบื้องต้นตามมาตรา ๒๗
        
        การผูกมัดร่างกายบุจะกระทำไม่ได้ เว้นความจำเป็นเพื่อป้องกันการเกิดอันตราย
    - - ผู้รับผิดชอบดูแลสถานที่คุมขังหรือสถานสงเคราะห์หรือพนักงานคุมประพฤติ >> พบบุคคลที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบ>>ดำเนินการส่งตัวบุคคลนั้นไปยังสถานพยาบาลของรัฐหรือสถานบำบัดรักษา
    - - กรณีฉุกเฉิน
        มีความผิดปกติทางจิตซึ่งมีภาวะอันตราย
        
        พนักงาน เจ้า หน้าที่ พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ
        
        มีอำนาจใช้วิธีการเท่าที่เหมาะสมคลนั้น เมื่อบุคคลขัดขวางหรือหลบหนีหรือพยายามจะหลบ
        
        มีอำนาจนำตัวบุคคลนั้นหรือเข้าไปในสถานที่ในการจับส่งสถานพยาบาลของรัฐหรือสถานบำบัดรักษา
    - - แพทย์อย่างน้อยหนึ่งคนและพยาบาลอย่างน้อยหนึ่งคนประจำสถานพยาบาลหรือสถานบำบัดรักษา
      - ตรวจวินิจฉัยและประเมินอาการเบื้องต้นบุคคลที่มีการนำส่ง ไม่เกิน48 ชั่วโมงนับแต่เวลาที่บุคคลนั้นมาถึงสถานพยาบาลของรัฐหรือสถานบำบัดรักษา
      - แพทย์มีอำนาจตรวจวินิจฉัยและบำบัดรักษาเพียงเท่าที่จำเป็นตามความรุนแรง
        
        มีความจำเป็นตรวจละเอียดให้ส่งตัวบุคคลนั้นพร้อมกับรายงานผลการตรวจวินิจฉัยและประเมินอาการเบื้องต้นตามมาตรา ๒๙
    - - กรณีที่แพทย์ตรวจพบว่าบุคคลใดมีลักษณะตามมาตรา ๒๒ ต้องเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและประเมินอาการโดยละเอียดตามมาตรา ๒๙ให้นำความในมาตรา ๒๗ วรรคสองและวรรคสี่ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
    - - คณะกรรมการสถานบำบัดรักษา
        
        ตรวจวินิจฉัยและประเมินอาการบุคคลนั้นโดยละเอียดภายใน 30 วันนับแต่วันที่รับตัวบุคคลนั้นไว
        
        กรณีที่บุคคลนั้นมีลักษณะตามมาตรา ๒๒
        
        คำสั้ง
        
        (๑) ให้บุคคลนั้นต้องเข้ารับการบำบัดรักษาในสถานบำบัดรักษา
        
        (๒) ให้บุคคลนั้นต้องรับการบำบัดรักษา ณ สถานที่อื่นนอกจากสถานบำบัดรักษา เมื่อบุคคลนั้นไม่มีภาวะอันตราย
        
        กำหนดเงื่อนไขใด นำความในมาตรา ๒๗ วรรคสอง
        ใช้บังคับกับการตรวจวินิจฉัยและประเมินอาการตามวรรคหนึ่งโดยอนุโลม
    - - คณะกรรมการสถานบำบัดรักษา
        
        พิจารณาผลการบำบัดรักษาก่อนสิ้นกำหนดระยะเวลาบำบัดรักษาในแต่ละครั้งไม่น้อยกว่า15 วัน
        
        กำหนดวิธีการและระยะเวลาการบำบัดรักษาไม่เกิน 90 วันนับแต่วันที่มีคำสั่ง
        และอาจขยายระยะเวลาได้อีกครั้งละไม่เกิน90วันนับแต่วันที่มีคำสั่งครั้งแรกหรือครั้งถัดไป
    - - แพทย์จำหน่ายผู้ป่วย
        
        เมื่อผู้ป่วยได้รับการบำบัดรักษา จนความผิดปกติทางจิตหายหรือทุเลาและผู้ป่วยไม่มีภาวะอันตราย
        
        รายงานผลการบำบัดรักษาและการจำหน่ายผู้ป่วยให้คณะกรรมการสถานบำบัดรักษาทราบ
    - - กรณีที่ผู้ป่วย หรือผู้รับดูแลผู้ป่วยไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๒๙ (๒) หรือการบำบัดรักษา
        ไม่เป็นผล หรือพฤติการณ์ที่เป็นเหตุให้มีการออกคำสั่งตามมาตรา ๒๙ (๒) เปลี่ยนแปลง
        
        นำความในมาตรา ๔๐ (๒) มาใช้บังคับ
    - - ในกรณีที่ผู้ป่วยหลบหนีออกนอกเขตสถาน ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประสานงาน ติดตามบุคคลนั้นกลับมา
        
        ให้นับระยะเวลาที่บุคคลนั้นหลบหนี เข้าในกำหนดระยะเวลาตามมาตรา ๒๗ มาตรา ๒๙ หรือมาตรา ๓๐ แล้วแต่กรณี
        
        นำความในมาตรา ๔๖ มาใช้บังคับการติดตามผู้ป่วยที่หลบหนีตามวรรคหนึ่งโดยอนุโลม
    - - คณะกรรมการสถานบำบัดรักษามีอำนาจสั่งย้ายผู้ป่วยไปรักษาอื่นได้
- - - - (๑)นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ
      - (๒)รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณาสุขเป็นรองประธานกรรมการ
      - ๓) กรรมการโดยตำแหน่ง
        
        ปลัดกระทรวงกลาโหม
        
        ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมเเละความมั่นคงของมนุษย์
        
        ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจเเละสังคม
        
        ปลัดกระทรวงยุติธรรม
        
        ปลัดกระทรวงมหาดไทย
        
        ปลัดกระทรวงแรงงาน
        
        ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม
        
        ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
        
        ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
        
        เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมเเละอัยการสูงสุด
        
        ผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติ
        
        เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพเเห่งชาติ
        
        เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเเห่งชาติ
        
        ปลัดกระทรวงการคลัง
      - (๔) ผู้แทนองค์กรภาคเอกชนที่เป็นนิติบุคคล
      - (๕) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวนหกคนซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้เชี่ยวชาญที่มี
        ประสบการณ์และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในสาขา
        
        ให้อธิบดีเป็นกรรมการและเลขานุการ และข้าราการของกรมสุขภาพจิตซึ่งอธิบดี
        แต่งตั้งจำนวนไม่เกินสองคน เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
        
        การแพทย์จิตเวชจิตวิทยาคลินิก สังคมสงเคราะห์
        ทางการแพทย์การพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต กิจกรรมบำบัด และกฎหมาย สาขาละหนึ่งคน
    - - กรรมการตามมาตรา ๕ (๔) และ (๕) ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะ
        ต้องห้าม ดังต่อไปนี้
        
        (๑) มีสัญชาติไทย
        
        (๒)มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์
        
        (๓) ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
        
        (๔) ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
        
        (๕) ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
    - - กรรมการตามาตรา ๕ (๔) และ (๕) มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสามปีและจะดำรงตำแหน่งเกินสองวาระติดต่อกันไม่ได้
      - ในกรณีที่กรรมการตามวรรคหนึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระ ให้ดำเนินการแต่งตั้งกรรมการขึ้นใหม่ภายในเก้าสิบวัน
        
        ในระหว่างที่กำลังเเต่งตั้งกรรมการขึ้นมาใหม่ให้กรรมการที่พ้นตำเเหน่งอยู่ในตำเเหน่งเพื่อทำงานต่อ
      - ในกรณีที่กรรมการตามวรรคหนึ่งพ้นจำกตำแหน่งก่อนครบวาระ ให้มีการแต่งตั้งกรรมการแทนภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ตำแหน่งนั้นว่างลง
        
        ให้ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งตนแทน
      - ในกรณีที่วาระของกรรมการตามวรรคหนึ่งที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระเหลืออยู่ไม่ถึงเก้าสิบวัน
        
        จะไม่เเต่งตั้งกรรมการเเทนตำเเหน่งที่ว่างนั้นก็ได้
    - - นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการตามมาตรา ๕ (๔) และ (๕) พ้นจากตำแหน่ง เมื่อ
        
        (๑) ตาย
        
        (๒) ลาออก
        
        (๓) คณะกรรมการมีมติไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ให้ออก เนื่องจากพร่องในหน้าที่
        
        (๔) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๖
    - - การประชุมคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงเป็นองค์ประชุม
        
        ให้ประธานเป็นผู้จัดประชุม หากประธานไม่มาให้รองประธานเป็นผู้จัดประชุม
        
        หากรองประธานไม่มาประชุมให้เเต่งตั้งคณะกรรมการ 1 คนเพื่อเป็นประธานในการประชุม
        
        ในการวินจฉัยการประชุมให้ถือเสียงข้างมากของกรรมการเเต่หากเท่ากันให้ประธานออกเสียงเพิ่มอีก 1 เสียง
    - - คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่
        
        (๑) เสนอนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนสุขภาพจิตระดับชาติ เกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพจิต การป้องกันและการควบคุมปัจจัยที่คุกคามสุขภาพจิต
        
        (๒) ส่งเสริมและสนับสนุนให้หน่วยงานของรัฐและเอกชนดำเนินการสร้างเสริมสุขภาพจิต การป้องกันและการควบคุมปัจจัยที่คุกคามสุขภาพจิต
        
        (๓) กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการให้หน่วยงานของรัฐและเอกชนดำเนินการเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิของบุคคลที่มีความผิดปกติทางจิต การให้บริการ เเละการอยู่ร่วมกันทางสังคม
        
        (๔) ตรวจสอบและติดตามการดำเนินงานของคณะกรรมการสถานบำบัดรักษา
        
        (๕) กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเผยเเพร่ข้อมูลข่าวสารทางอิเล็กทรอนิกส์
        
        (๖) กำหนดหน่วยงานด้านสงเคราะห์เเละสวัสดิการตามมาตรา ๔o
        
        (๗) ออกระเบียบหรือประกาศเกี่ยวกับการปฏิบัติการตาม พระราชบัญญัตินี้
        
        (๘) รายงานการติดตามกำรปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐและเอกชนตามพระราชบัญญัตินี้ต่อคณะรัฐมนตรี
        
        (๙) ปฏิบัติตามที่พระราชบัญญัตินี้หรือกฏหมายอื่นบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ หรือตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย
    - - คณะกรรมการมีอำนาจเเต่งตั้งที่ปรึกษา หรืออนุกรรมการเพื่อฏิบัติการตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
        
        มาตรา ๑๑/๑ ให้กรมสุขภาพจิตรับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการ คณะกรรมการอุทธรณ์ คณะอนุกรรมการ ให้มีอำนาจหน้าที่ดังนี้
        
        (๑) จัดทำนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนสุขภาพจิตระดับชาติ มาตราที่ ๑o วรรค 1
        
        (๒) ประสานงานและร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานด้านสุขภาพจิต
        
        (๓) ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติตำมนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนงาน รวมทั้งมาตรการต่าง ๆ ในด้านสุขภาพจิต
        
        (๔) ปฏิบัติการอื่นใดตามที่คณะรัฐมนตรี คณะกรรมการ คณะกรรมการอุทธรณ์ หรือคณะอนุกรรมการมอบหมาย หรือตามกฏหมายกำหนด
  - - - คณะกรรมการสถานบำบัดรักษามีอำนาจหน้าที่ ดังนี้
        
        (๑) ตรวจวินิจฉัย ประเมิณอาการเเละมีคำสั่ง ตามมาตรา๒๔
        
        (๒) พิจารณา ทำความเห็นเกี่ยวกับการบำบัดรักษาและผลการบำบัดรักษาตามพระราชบัญญัตินี้
    - - กรรมการสถานบำบัดรักษามีวาระดำรงตำเเหน่งคราวละ ๓ ปี
        
        ในมาตรา ๖ มาตรา ๗ วรรคสองเเละวรรคสาม มาตรา ๘ มาตรา ๙ เเละมาตรา ๑๑ มาใช้บังคับกับคณะกรรมการสถานบำบัดรักษาโดยอนุโลม
        
        ในกรณีที่กรรมการตามวรรคหนึ่งพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระและยังไม่มีการแต่งตั้งกรรมกำรแทนตำเเหน่งที่ว่าง
        
        ในกรณีที่วาระของกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระเหลืออยู่ไม่ถึงเก้าสิบวัน จะไม่แต่งตั้งกรรมการแทนตำแหน่งที่ว่างนั้นก็ได้
    - - ให้สถานบำบัดรักษาแต่ละแห่งมีคณะกรรมการสถานบำบัดรักษา
        
        หัวหน้าสถานบำบัดรักษาแต่งตั้งอย่างน้อยหนึ่งคณะ ประกอบด้วย
        
        จิตแพทย์เป็นประธานกรรมการแพทย์
        
        พยาบาลจิตเวช
        
        นักกฏหมาย
        
        นักจิตวิทยาคลินิก
        
        นักสังคมสงเคราะห์
        
        นักกิจกรรมบำบัด
- - - - ตามมาตรฐานทางการแพทย์
      - ตามมาตรฐานทางการฟื้นฟู
      - โดยคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
    - - เว้นแต่มีกฎหมายบัญญัติไว้ให้เปิดเผยได้
    - - ระบบประกันสุขภาพ
      - ระบบประกันสังคม
      - ระบบอื่นๆ
  - - - ในกรณีท่ีอาจเกิดอันตรายต่อผู้ป่วยหรือผู้อื่น (๑)
      - เพื่อความปลอดภัยของสาธารณชน (๒)
      - มีกฎหมายเฉพาะบัญญัติให้ต้องเปิดเผย (๓)
    - - การเผยแพร่ข้อมูลใดๆทางสื่อสิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่ออื่นใด
        
        ความเสียหายแก่จิตใจ ชื่อเสียง เกียรติคุณ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดของผู้ป่วยและครอบครัว
        
        ต้องไม่ทําให้เกิดความรังเกียจเดียดฉันท์
    - - ในกรณีที่อธิบดีเห็นว่าการเผยแพร่ข้อมูลใดๆฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ
      - ตามมาตรา ๑๖/๑ ให้อธิบดีมีอํานาจออกคําสั่งให้ผู้เผยแพร่ดําเนินการ
        
        ให้แก้ไขข้อความหรือวิธีการในการเผยแพร่ข้อมูล (๑)
        
        ห้ามการใช้ข้อความบางอย่างที่ปรากฏในการเผยแพร่ข้อมูล (๒)
        
        ระงับการเผยแพร่ข้อมูล หรือห้ามใช้วิธีนั้นในการเผยแพร่ข้อมูล (๓)
        
        ให้เผยแพร่ข้อมูลเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดของผู้อื่นที่อาจเกิดขึ้น (๔)
  - - - เพื่อป้องกันการเกิดอันตรายต่อผู้ป่วยเอง บุคคลอื่น หรือทรัพย์สินของผู้อื่น
      - ต้องอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของผู้บำบัดรักษาตามมาตรฐานวิชาชีพ
  - - - กรณีผู้ป่วยให้ความยินยอมเป็นหนังสือเพื่อการบำบัดรักษานั้น (๑)
        
        ผู้ป่วยได้รับทราบเหตุผลความจำเป็น ความเสี่ยงที่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายร้ายแรง
        
        อาจเป็นผลทำให้ไม่สามารถแก้ไขให้ร่างกายกลับคืนสู่สภาพเดิม และประโยชน์ของการบำบัดรักษา
      - กรณีมีเหตุฉุกเฉินหรือมีความความจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อประโยชน์ของผู้ป่วย (๒)
        
        หากมิได้บำบัดรักษาจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตของผู้ป่วย
        
        โดยความเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ของคณะกรรมการสถานบำบัดรักษา
        
        นำความในมาตรา ๒๑ วรรคสาม มาใช้บังคับกับการให้ความยินยอมตาม (๑)
  - - - ในกรณีที่คณะกรรมการสถานบำบัดรักษาเห็นว่าผู้ป่วยตามมาตรา ๒๙
        
        มีความจำเป็นต้องได้รับการบำบัดรักษาทางกายด้วย แต่ขาดความสามารถในกาวตัดสินใจให้ความยินยอมรับการบำบัดรักษาทางกาย
      - ในกรณีที่ไม่มีผู้ให้ความยินยอมตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๒๑ วรรคสาม
        
        ให้คณะกรรมการสถานบำบัดรักษามีอำนาจให้ความยินยอมในการบำบัดรักษาทางกายแทน
- - - - ให้บุคคลที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกตามสมควร
  - - - (๑) เข้าไปในเคหสถาน สถานที่ หรือยานพาหนะใดๆ เพื่อนำบุคคลซึ่งมีพฤติกรรมอันน่าเชื่อว่ามีลักษณะตามมาตรา ๒๒ ไปรับการรักษาในสถานพยาบาล
      - (๒) ซักถามบุคคลใดๆเพื่อทราบข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ ความเจ็บป่วย พฤติกรรม และความสัมพันธ์ในครอบครัวและชุมชนของบุคคลตาม (๑)
      - (๓) มีหนังสือสอบถามหรือเรียกบุคคลใดๆมาเพื่อให้ถ้อยคำ
        
        เพื่อตรวจสอบหรือเพื่อประกอบการพิจารณา
      - เมื่อมีเหตุสงสัยว่าบุคคลดังกล่าวอยู่ในเคหสถานใดๆ ประกอบกับมีเหตุอันควร เนิ่นช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้
      - บุคคลนั้นจะหลบหนีหรือกรณีมีเหตุฉุกเฉินเนื่องจากบุคคลนั้นมีภาวะอันตราย
- - - - ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  - - - ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  - - - ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หริอทั้งจำทั้งปรับ
  - - - ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    - - ระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  - - - ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  - - - กรณีเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำของบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบการดำเนินการของนิติบุคคลนั้น ผู้นั้นต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ
      - กรณีที่บุคคลอื่นละเว้นไม่สั่งการหรือไม่กระทำการจนเป็นเหตุให้นิติบุคคลนั้นกระทำความผิด ผู้นั้นต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ
  - - - ในเขตจังหวัดอื่น
        
        ประธานกรรมการ
        
        ผู้ว่าราชการจังหวัด
        
        กรรมการ
        
        อัยการจังหวัด
        
        ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด
        
        เลขานุการ
        
        นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด
        
        ผู้ช่วยเลขานุการ
        
        นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแต่งตั้งข้าราชการในสังกัดงานสาธารณสุขจังหวัดไม่เกิน 2 คน
      - เขตกรุงเทพมหานคร
        
        กรรมการ
        
        ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
        
        ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด
        
        เลขานุการ
        
        อธิบดีกรมสุขภาพจิตแต่งตั้งข้าราชการของกรมสุขภาพจิตตนหนึ่ง
        
        ประธานกรรมการ
        
        อธิบดีกรมสุขภาพจิต
        
        ผู้ช่วยเลขานุการ
        
        อธิบดีกรมสุขภาพจิตแต่งตั้งข้าราชการของกรมสุขภาพจิตไม่เกิน 2 คน
- - - - ต้องไม่เกินหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่พระราชบัญญัติบังคับใช้
- - - - ไม่สามารถดําเนินการได้ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขรายงานต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ