Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
แนวคิด หลักการการพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน และสาธารณภัย - Coggle Diagram
แนวคิด หลักการการพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน และสาธารณภัย
แนวคิด
Anglo-American Model (AAM)
ปีเริ่มต้น
1970s
ปรัชญา / จุดประสงค์หลัก
“ Scoop and run” เวลาสำหรับการประคับประคองอาการในสถานที่เกิดเหตุสั้นและนำผู้ป่วยส่งยังสถานพยาบาลให้เร็วที่สุด
นำผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
บุคลากรผู้ให้บริการ / การดูแล
ทีมเวชกิจฉุกเฉินให้การดูแลโดยมีแพทย์กำกับ
ปลายทาง
ลำเลียงผู้ป่วยส่งตรงห้องฉุกเฉิน
แนวคิดการเชื่อมต่อองค์กร
ระบบการแพทย์ฉุกเฉินเป็นส่วนหนึ่งขององค์การปลอดภัยสาธารณะ
การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
รถ Ambulance เป็นหลัก
ใช้ Aero-medical หรือ Coastal ambulance
องค์การที่เกี่ยวข้อง
องค์การที่เกี่ยวข้องการบริการความปลอดภัยของสาธารณะ
ค่าใช้จ่าย
สูงกว่า FGM
จำนวนผู้ป่วย
ผู้ป่วยส่วนใหญ่ได้รับการนำส่งไปยังโรงพยาบาล
เพียงจำนวนน้อยที่ได้รับการดูแล ณ จุดเกิดเหตุ
ตัวอย่างประเทศ
สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา แคนาดา นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย
Franco-German Model (FGM)
ปีเริ่มต้น
1970s
ปรัชญา / จุดประสงค์หลัก
“ Stay and Stabilize” ให้เวลานานในการดูแลอาการในสถานที่เกิดเหตุและนำการรักษาไปยังสถานที่เกิดเหตุ
นำบริการโรงพยาบาลมาหาผู้ป่วย
บุคลากรผู้ให้บริการ / การดูแล
แพทย์ให้การดูแลโดยมีทีมเวชกิจฉุกเฉินช่วย อาจนำเทคโนโลยีรวมไปให้การดูแลในขั้นสูง
ปลายทาง
ลำเลียงผู้ป่วยส่งหน่วยเฉพาะทาง
แนวคิดการเชื่อมต่อองค์กร
ระบบการแพทย์ฉุกเฉินเป็นส่วนหนึ่งของ องค์การความสาธารณสุข
การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
Ambulance, Helicopter และ Coastal ambulance
องค์การที่เกี่ยวข้อง
ภายใต้บริการจะเป็นส่วนหนึ่งของระบบสุขภาพ
ค่าใช้จ่าย
ต่ำกว่า AAM
จำนวนผู้ป่วย
ผู้ป่วยส่วนใหญ่ได้รับการรับการรักษา ณ จุดเกิดเหตุ
เพียงจำนวนน้อยที่นำส่งโรงพยาบาล
ตัวอย่างประเทศ
เยอรมนี ฝรั่งเศส กรีซ มอลต้า ออสเตรีย
ความหมาย
การเจ็บป่วยฉุกเฉิน
การเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน จำเป็นต้องดำเนินการช่วยเหลือ และการดูแลรักษาทันทีอาจเกิดจากภาวะต่างๆ เช่นการเกิดโรคในระบบต่างๆของร่างกายการบาดเจ็บการเกิดโรคติดต่อและโรคติดเชื้อเป็นต้น
การเจ็บป่วยวิกฤต
Crisis care
เพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยการรักษา จึงมุ่งเน้นแก้ไขอาการที่ปรากฏอันตราย โดยเฉพาะระบบของร่างกายที่มีการล้มเหลว เพื่อแก้ไขภาวะล้มเหลว หรือรักษาสภาพการทำงานของระบบนั้น
Critical Care
เพื่อตำรงรักษาชีวิตมุ่งเน้นแก้ไขอาการที่ปรากฏในครั้งแรก และการป้องกันไม่ให้เข้าสู่สถานการณ์คับขัน Crisis ในการประคับประคองให้ความสำคัญกับทุกระบบไม่ให้นำสู่สภาวะที่เป็นปัญหาต่อไป
การเจ็บป่วยวิกฤต
การเจ็บป่วยที่มีความรุนแรงถึงขั้นที่อาจทำให้ผู้ป่วยถึงแก่ชีวิต หรือพิการได้
อุบัติเหตุ (Accident)
อุบัติการณ์ซึ่งเกิดขึ้น โดยไม่คาดหมายมาก่อน ทำให้เกิดการบาดเจ็บตาย และการสูญเสียทรัพย์สินโดยที่เราไม่ต้องการ
อุบัติเหตุมีขนาดใหญ่ เรียกว่า Disaster
ความรุนแรงแบ่ง อุบัติเหตุปกติที่เกิดขึ้นทุกวัน และสาธารณภัยวินาศภัย ที่มีผลกระทบต่อ สังคมและต้องระดมคนมาช่วยเหลือ
สถานที่เกิดเหตุ
อุบัติภัยจากการจราจร (Traffic Accident)
อุบัติภัยจากการทำงาน (Occupational Accident)
อุบัติภัยภายในบ้าน (Home or Domestic Accident)
อุบัติภัยในสาธารณสถาน (Public Accident)
ผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน
ผู้ที่ทีอาการหนักรุนแรงต้องการการดูแลจากเจ้าหน้าที่ที่มีความชำนาญ เฉพาะทาง
มีลักษณะทางคลินิก
ไม่รู้สึกตัว ชัก เป็นอัมพาต
หยุดหายใจ หายใจช้ากว่า 10 ครั้งต่อนาที หรือเร็วกว่า 30 ครั้งต่อนาที หายใจลำบากหรือหอบ เหนื่อย
คลำชีพจรไม่ได้ หรือชีพจรช้ากว่า 40 หรือเร็วกว่า 30 ครั้ง/นาที
ความดันโลหิต Systolic ต่ำกว่า 80 มม.ปรอท หรือ Diastolic สูงกว่า 130 มม.ปรอท
ตกเลือดเลือดออกมากซีดมาก
อุณหภูมิของร่างกายต่ำกว่า 35 เซลเซียส หรือสูงกว่า 40 เซลเซียส
ผู้ป่วยวิกฤตมีลักษณะ
ผู้ป่วยที่สามารถรักษาได้
ผู้ป่วยที่มีอัตราตายสูง
ผู้ป่วยที่มีแนวโน้มที่จะมีอาการรุนแรง
ผู้ป่วยที่อัตราตายสูง แม้จะได้รับการรักษา
ผู้บาดเจ็บจากสาธารณภัย
กลุ่มอาการไม่รุนแรง หากผู้ป่วยเดินได้อาจถือว่าอาการไม่หนัก
กลุ่มอาการหนัก ต้องหามนอนหรือนั่งมาอาการแสดงยังคลุมเครือต้องใช้การตรวจอย่างละเอียด
กลุ่มอาการหนักมาก หรือสาหัสต้องการการรักษาโดยด่วนหรือช่วยชีวิตทันที
หลักการพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน
หลักทั่วไปในการพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน
เพื่อช่วยชีวิต เช่น ผู้ป่วยที่มีภาวะหยุดหายใจ หรือหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน ต้องรีบช่วยหายใจโดย การผายปอด ด้วยวิธีการที่เหมาะสม และนวดหัวใจทันที
การป้องกันและบรรเทาไม่ให้เกิดอาการรุนแรงถึงขั้นวิกฤต เช่น การทำแผล การใส่เฝือกชั่วคราว กระดูกที่หัก การดามกระดูกคอ การจัดท่านอนที่เหมาะสม
การบันทึกเหตุการณ์อาการและการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
การส่งต่อรักษา หลังจากให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ป่วยแล้ว ต้องรีบเคลื่อนย้ายนำส่งโรงพยาบาล พร้อมทั้งข้อมูลผู้ป่วย และข้อมูลการรักษาพยาบาลเบื้องต้น
มีหลักในการพยาบาล
มีหลักในการอุ้มยกเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากยานพาหนะไปยังห้องพยาบาล อย่างนุ่มนวลรวดเร็ว ปลอดภัย
มีการซักประวัติการเจ็บป่วยและอาการสำคัญอย่างละเอียด ในเวลาที่รวดเร็ว
ทำการคัดกรองผู้ป่วยอย่างรวดเร็วแม่นยำ
ให้การรักษาพยาบาลภายใต้นโยบายของโรงพยาบาล และภายในเขตการรับรองของกฎหมาย
ให้การช่วยฟื้นคืนชีพอย่างถูกต้อง
ให้การดูแลจิตใจของผู้ป่วยและญาติ
มีการนัดหมายผู้ป่วยที่ไม่ได้นอนโรงพยาบาล
มีการส่งต่อทั้งภายใน และภายนอกโรงพยาบาล
หลักการพยาบาลตามบทบาทพยาบาลวิชาชีพงานบริการพยาบาลผู้ป่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉินของ สภาการพยาบาล พ.ศ. 2552
ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่กำลังคุกคามชีวิตผู้ป่วย
ค้นหาสาเหตุและหรือปัญหาที่ทำให้เกิดภาวะฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุ แล้วดำเนินการแก้ไข
ดูแลและรักษาสภาวะของผู้ป่วยให้อยู่ระดับปลอดภัย และคงที่โดยการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
รักษาหน้าที่ต่าง ๆ ของอวัยวะสำคัญของร่างกายให้คงไว้
ป้องกันภาวะแทรกซ้อนและติดเชื้อ
ประคับประคองจิตใจและอารมณ์ของผู้ป่วยและญาติ
การพยาบาลสาธารณภัย
ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสาธารณภัย / ภัยพิบัติ (Disaster)
ภัย (Hazard)
เหตุการณ์หรือปรากฏการณ์ใด ๆ ที่สามารถที่ทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ความเสียหายต่อทรัพย์สินความเป็นอยู่และสิ่งแวดล้อม
สาธารณภัย / ภัยพิบัติ (Disaster)
ภัยที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเกิดจากธรรมชาติหรือจากการกระทำของมนุษย์แล้วก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต เกิดความสูญเสียหรือความเสียหายต่อทรัพย์สิน สังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม
ประเภทของภัยพิบัติ
ภัยที่เกิดจากธรรมชาติ (Natural Disaster)
เกิดแบบฉับพลัน
เกิดแบบค่อยเป็นค่อยไป
ภัยที่เกิดจากมนุษย์ (Man-made Disaster)
เกิดอย่างจงใจ
เกิดอย่างไม่จงใจ
การจัดระดับความรุนแรงของสาธารณภัยทางสาธารณสุข
ความรุนแรงระดับที่ 1 : สาธารณภัยที่เกิดขึ้นทั่วไปหรือมีขนาดเล็ก ซึ่งสำนักงานสาธารณสุขในระดับอำเภอสามารถจัดการได้ตามลำพัง
ความรุนแรงระดับที่ 2 : สาธารณภัยขนาดกลางหน่วยงานสาธารณสุขระดับอำเภอไม่สามารถจัดการ ได้ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในการจัดการเข้าระงับภัย
ความรุนแรงระดับที่ 3 : สาธารณภัยขนาดใหญ่ที่มีผลกระทบรุนแรงกว้างขวาง หรือสาธารณภัยที่ จำเป็นต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญหรืออุปกรณ์พิเศษ
ความรุนแรงระดับที่ 4 : สาธารณภัยขนาดใหญ่ที่มีผลกระทบรุนแรงยิ่ง
อุบัติภัย
ภัย (Hazard)
เหตุการณ์หรือปรากฏการณ์ใด ๆ ที่สามารถที่ทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ความเสียหายต่อทรัพย์สินความเป็นอยู่ และสิ่งแวดล้อม
อุบัติเหตุกลุ่มชน/อุบัติภัยหมู่ (MASS CASSUALTIES)
อุบัติเหตุที่เกิดกับคนจำนวนมาก ได้รับการเจ็บป่วยจำนวนมาก เกินขีดความสามารถปกติที่โรงพยาบาลจะให้การรักษาพยาบาลได้
อุบัติภัยหมู่มีลักษณะสำคัญ
เกิดการบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วยของประชาชนจำนวนมาก
มีการทำลายของทรัพย์สินหรือสิ่งแวดล้อม
ทรัพยากรที่มีอยู่ในภาวะปกติไม่เพียงพอที่จะนำมาใช้ควบคู่สถานการณ์
ระบบและกลไกปกติของสังคมถูกทำลายหรือไม่เพียงพอที่จะควบคุมสถานการณ์ได้
ประเภทของอุบัติภัยหมู่แบ่งตามขีดความสามารถของสถานพยาบาล
Multiple casualties
ทั้งจำนวนและความรุนแรงของผู้ป่วยไม่เกินขีดความสามารถของ โรงพยาบาล ผู้ป่วยที่มีภาวะคุกคามต่อชีวิต (life Threatening) จะได้รับการรักษาก่อน
Mass casualties
ทั้งจำนวนและความรุนแรงของผู้ป่วยเกินขีดความสามารถของโรงพยาบาลและทีมผู้รักษา โดยใช้เวลาและทรัพยากรน้อยที่สุดจะได้รับการรักษาก่อน
หลักการพยาบาลสาธารณภัย
หมวดที่ 1 ระยะป้องกันหรือลด ผลกระทบ/บรรเทาทุกข์
การลดความเสี่ยง การป้องกันโรค และ การสร้างเสริมสุขภาพ
การลดความเสี่ยง และการป้องกันโรค
การส่งเสริม สุขภาพ
การพัฒนาและวางแผนนโยบาย
หมวดที่ 2 ระยะเตรียมความ พร้อม
การปฏิบัติตามหลัก จริยธรรม กฎหมาย และความรับผิดชอบ
การปฏิบัติตาม หลักจริยธรรม
กรปฏิบัติตามหลัก กฎหมาย
การปฏิบัติด้วย ความรับผิดชอบ
การสื่อสารและการ แบ่งปันข้อมูล
การให้การศึกษา และการเตรียมความพร้อม
หมวดที่ 3 ระยะรับมือ / ตอบสนองภาวะภัยพิบัติ
การดูแลชุมชน
การดูแลบุคคลและครอบครัว
การประเมิน
การปฏิบัติตาม แผน/การดำเนินงาน
การดูแลทางด้าน จิตใจ
การดูแลประชาชนกลุ่มเปราะบาง
หมวดที่ 4 ระยะพักฟื้น/ฟื้นคืนสภาพ
การฟื้นฟูสภาพของ บุคคล ครอบครัว และชุมชน
พยาบาลกับการจัดการสาธารณภัย
เป็นการพยาบาลที่ต้องนำความรู้และทักษะทางการพยาบาลทั่วไปและด้านการพยาบาลฉุกเฉิน มาประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ที่เกิดสาธารณภัยทั้งในระยะก่อนเกิด ขณะเกิด และหลังเกิดภัย
หลักการบริหารจัดการในที่เกิดเหตุและรักษาผู้บาดเจ็บ
Disaster paradigm
D – Detection คือ การประเมินสถานการณ์ว่าเกินกำลังหรือไม่
I - Incident command คือ ระบบการบัญชาเหตุการณ์และผู้ดูภาพรวมของการปฏิบัติการทั้งหมด
S – Safety and Security คือ การประเมินความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานในที่เกิดเหตุ
A – Assess Hazards คือ การประเมินสถานที่เกิดเหตุเพื่อระแวดระวังวัตถุอันตรายต่าง ๆ ที่อาจเหลือ ตกค้างในที่เกิดเหตุ
S – Support คือ การเตรียมอุปกรณ์และทรัพยากรที่จำเป็นต้องใช้ในที่เกิดเหตุ
T – Triage/Treatment คือ การคัดกรองและให้การรักษาที่รีบด่วนตามความจำเป็นของผู้ป่วย โดยการใช้ หลักการของ MASS Triage Model ( Move, Assess, Sort และ Send)
E – Evacuation คือ การอพยพผู้บาดเจ็บระหว่างเหตุการณ์
R – Recovery คือ การฟื้นฟูสภาพหลังจากเกิดเหตุการณ์
ลักษณะของการปฏิบัติการพยาบาลในสถานการณ์สาธารณภัย
มุ่งลดความเสียหายต่อชีวิตและสุขภาพของประชาชนที่เกิดจากสาธารณภัย โดยใช้องค์ความรู้และ ทักษะทางการพยาบาลอย่างเป็นระบบ
ต้องนำความรู้และทักษะทางการพยาบาลทั่วไปและด้านการพยาบาลฉุกเฉินมาประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ภัยพิบัติ ทั้งในระยะก่อนเกิดภัย ขณะเกิดภัย และหลังเกิดภัย
เป็นการปฏิบัติการพยาบาลเพื่อ
ป้องกันและลดความรุนแรงของการบาดเจ็บหรือเจ็บป่วย
มุ่งเน้นด้านการพยาบาลฉุกเฉินแก่ผู้ประสบภัยจำนวนมากในขณะเกิดภัย
การฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจของผู้ประสบภัยและญาติ
คุณสมบัติพยาบาลสำหรับจัดการสาธารณภัย
มีความรู้ทางการพยาบาลและมีประสบการณ์การปฏิบัติงานการพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินและวิกฤต และ ด้านการรักษาโรคเบื้องต้นได้
มีความรู้ด้านสาธารณภัย มีความสามารถในการประเมินสถานการณ์และคาดการณ์ถึงปัญหาสุขภาพที่จะเกิดจากสาธารณภัยชนิดต่างๆ
มีทักษะในการตัดสินใจที่ดี มีความเป็นผู้นำ และสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้
มีทักษะในการสื่อสาร และการบันทึกข้อมูลต่างๆ ได้อย่างถูกต้องครบถ้วนชัดเจน
มีวุฒิภาวะที่เหมาะสมกับสถานการณ
ระบบทางด่วน สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะฉุกเฉินเร่งด่วน
ระบบทางด่วนสำหรับผู้ป่วยอุบัติเหตุ (Trauma fast track)
ระบบทางด่วนสำหรับผู้ป่วยเจ็บ หน้าอก (Chest pain fast track)
ระบบทางด่วนสำหรับผู้ป่วยที่มีความผิดปกติทางหลอดเลือดสมอง (Stroke fast track)
แต่ละสถานพยาบาล/สถาบันสามารถดำเนินการจัดทำหรือจัดการแตกต่างกัน โดยอาศัยหลักการ
การจัดทำควรเป็นทีมสหสาขาวิชาชีพ
จัดทำแผนภูมิการดูแลผู้ป่วย พร้อมกำหนดลักษณะผู้ป่วยที่มีภาวะฉุกเฉินเร่งด่วนที่เข้าระบบทางด่วน
จัดทำแนวปฏิบัติ ลำดับการปฏิบัติในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
จัดทำรายการตรวจสอบ (check list)
ฝึกอบรมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้มีความรู้และสามารถดำเนินการตามระบบทางด่วน
แผนการปฏิบัติต้องเน้นย้ำเวลาเป็นสำคัญ ต้องมีแผนปฏิบัติการรองรับ
กำหนด clinical indicator
บทบาทพยาบาลกับระบบทางด่วน (Fast track)
การประเมินเบื้องต้นโดยใช้ความรู้ ความสามารถเฉพาะโรค
การรายงานแพทย์ผู้รักษาเพื่อตัดสินใจสั่งการรักษา
การประสานงานผู้เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกองคTกร
การจัดการและดูแลขณะส่งต่อ
การให้การดูแลตามแผนการรักษาภายใต้ระยะเวลาที่จำกัด
การติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง
การให้ความช่วยเหลือเมื่อมีความผิดปกติและติดตามการประเมินผลลัพธ์
การดำเนินงาน
การจัดระบบให้มีการทบทวนและพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
ระบบการดูแลผู้บาดเจ็บ (Trauma care system)
การเข้าถึงหรือรับรู้ว่ามีเหตุเกิดขึ้น (Access)
การเข้าถึงช่องทางสำหรับการติดต่อในการแจ้ง เมื่อมีเหตุเกิดขึ้น ประชาชนทุกระดับการศึกษา ทุกพื้นที่ต้องสามารถเข้าถึงระบบหรือช่องทางนี้ได้ และมีส่วนช่วยเหลือให้ผู้บาดเจ็บได้รับการรักษาดูแลได้ในเวลาอันรวดเร็ว
การดูแลในระยะก่อนถึงโรงพยาบาล (Prehospital care)
การจัดให้มีการดูแลผู้บาดเจ็บ ณ จุดเกิดเหตุโดยมีบุคลากรที่เป็นบุคลากรที่ได้รับการอบรมให้ความรู้ความสามารถ ในการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ การช่วยฟื้นคืนชีพ การจำแนกผู้บาดเจ็บ ให้การรักษาเบื้องต้น
การดูแลในระยะที่อยู่โรงพยาบาล (Hospital care)
การดูแลรักษาในโรงพยาบาลตั้งแต่การ คัดแยก ระบบทางด่วนฉุกเฉิน การวินิจฉัย การรักษาตามความเร่งด่วน รวมถึงการดูแลในหอผู้ป่วยวิกฤต
การฟื้นฟูสภาพ และการส่งต่อ (Rehabilitation & transfer)
การดูแลต่อเนื่องในรายที่พบ ปัญหาหรือต้องได้รับการฟื้นฟู
ด้านการส่งต่อ อาจแบ่งเป็นการส่งต่อในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงเกินความสามารถในการ รักษา จำเป็นต้องส่งต่อไปยังสถานพยาบาลที่มีศักยภาพสูงกว่าหรือมีความเชี่ยวชาญกว่า
การดูแลผู้บาดเจ็บขั้นต้น
การประเมินผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บเบื้องต้น (Primary Survey)
A Airway maintenance with cervical spine protection
B Breathing and ventilation
C Circulation with hemorrhagic control
D Disability (Neurologic Status)
E Exposure / environmental control
Resuscitation
เป็นการช่วยเหลือเพื่อให้ผู้ป่วยพ้นภาวะวิกฤตที่อาจทำให้เสียชีวิตได้ ได้แก่ การดูแลทางเดินหายใจ การช่วยหายใจ การให้สารละลายทางหลอดเลือดดำ
Secondary survey
เป็นการตรวจร่างกายอย่างละเอียดหลังจากผู้ป่วยพ้นภาวะวิกฤตแล้ว ได้แก่ การซักประวัติ การตรวจ Head to toe การตรวจทางรังสีรักษา การตรวจทางห้องปฏิบัติการ การตรวจพิเศษ ต่างๆ
Definitive care
เป็นการรักษาหลังจากผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยเบื้องต้นแล้ว เช่น การผ่าตัด Craniotomy
Primary survey: ขั้นตอนและวิธีการ
Airway maintenance with cervical spine protection
เริ่มต้นจากการประเมิน Airway เพื่อหาอาการที่เกิดจากทางเดินหายใจอุดกั้น (Airway obstruction)
เปิดทางเดินหายใจให้โล่งโดยใช้วิธีการ Head-tilt Chin-lift
กรณีผู้ป่วยที่สงสัยหรือได้รับอุบัติเหตุ ให้ทำการเปิดทางเดินหายใจด้วยวิธี jaw-thrust maneuver, modified jaw thrust, Triple airway maneuver
อาการที่เกิดจากการอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนบน ได้แก่ restless จากภาวะ Hypoxia หายใจเสียงดัง เปลือกตาซีด ปลายมือเท้าซีดเขียว หายใจโดยใช้กล้ามเนื้อหายใจช่วยมากกว่าปกติ
ผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาการอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนบน ได้แก่ ผู7ที่ได้รับบาดเจ็บกระดูกสัน หลังส่วนคอ (Cervical spine injury)
ควรป้องกันการบาดเจ็บ ของ Spinal cord โดยการใส่ Cervical collar หรือใช้หมอนทรายวางที่สองข้างของศีรษะไว้ตลอดเวลาจนกว่า จะแน่ใจว่าไม่มี Cervical spine injury
ในกรณีที่ต้องทำหัตถการบางอย่างควรให้ ผู้ช่วยทำ Manual in-line immobilization ไว้ตลอดเวลา
ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บเมื่อมีปัญหาทางเดินหายใจอุดกั้น แพทย์จะพิจารณาใส่ท่อช่วยหายใจ (Endotracheal intubation) แพทย์ส่วนใหญ่จะใส่ endotracheal ทางปากเป็นอันดับแรกเนื่องจากได้ผลดี ง่ายและสะดวก
การใส่ Endotracheal tube ทางจมูก มีข้อดีคือไม่ต้องขยับคอในระหว่างการใส่ แต่ใส่ยาก แพทย์ต้อง ใช้ประสบการณ์มาก
Breathing and Ventilation
เป็นการประเมิน การช่วยหายใจและการระบายอากาศ การดูแลควรเปิดให้เห็นบริเวณคอและทรวงอก
ปัญหาการหายใจที่พบบ่อย
tension pneumothorax
Flail chest with pulmonary contusion
Open pneumothorax
Hemothorax
Hypovolemic shock
พยาบาลควรวินิจฉัยภาวะผิดปกติ ได้แก่ Tension pneumothorax, Flail chest with pulmonary contusion, Massive hemothorax, Open pneumothorax
ประเมินจาก
การเปิดดูร่องรอยบาดแผลที่บริเวณทรวงอก
ดูการเคลื่อนไหวบริเวณทรวงอก
คลำ การเคาะเพื่อตรวจหาการบาดเจ็บ
ฟัง Breath sound ทั้งสองข้าง
Circulation and Hemorrhage control
อาการทางระบบประสาท ประกอบด้วย ระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง มีอาการซึม เชื่องช้า สับสน มีอาการเอะอะ และหมดสติ การตอบสนองของรูม่านตา (pupils), Glasgow coma scale
ผิวหนัง ผู้ป่วยจะมีผิวหนังเย็น ชื้น เหงื่อออกมาก cyanosis ยกเว้น septic shock ที่ผิวหนังจะอุ่น สี ชมพูในระยะแรก
หัวใจและหลอดเลือด
Blood pressure
หาก Systolic BP น้อยกว่า 60-70 mm.Hg. จำนวนเลือดที่ไปเลี้ยงสมองจะลดลง
Systolic BP น้อยกว่า 50 mm.Hg. สมองจะขาดออกซิเจน
Pulse pressure แคบลง แสดงถึง CO น้อยลง
Pulse จะพบชีพจรเบา เร็ว จากระบบ Sympathetic แต่ระยะท้ายชีพจรจะช้า และไม่สม่ำเสมอ
Capillary filling time จะพบนานกว่า 1-2 วินาที
Central venous pressure เท่ากับ 7-8 cm.H2O
ระบบหายใจ จะพบการหายใจเร็ว และไม่สม่ำเสมอ
ระบบทางเดินปัสสาวะ ระยะแรกปัสสาวะจะลดลงเหลือ 30-50 ml./hr. และ 40 ml./hr.
ระบบทางเดินอาหาร ผู้ป่วยจะกระหายน้ำ น้ำลายน้อยลง ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน และ ไม่ได้ยิน bowel sound
ภาวะกรดด่างของร่างกาย ร่างกายจะเกิดการเผาผลาญแบบ anaerobic metabolism จะมีอาการซึม อ่อนเพลีย งุนงง สับสน ไม่รู้สึกตัว หายใจแบบ Kussmaual
ภาวะ Shock
ส่วนใหญ่ความดันโลหิตจะต่ำลงชัดเจน Systolic pressure น้อยกว่า 90 มิลลิเมตรปรอท
การเสียเลือดร้อยละ 15 ของปริมาณเลือดในร่างกาย
พบ Pulse pressure แคบ การ เสียเลือดน้อยกว่าร้อยละ 30
ส่วนชีพจรเบาเร็วแสดงถึงภาวะ Hypovolemia
พยาบาลควรบริหารสารน้ำ ใน ระยะแรกควรพิจารณาให้สารน้ำกลุ่ม Crystalloid ได้แก่ Ringer’s lactate หรือ Acetar ผู้ป่วยที่เสียเลือด มากควรให้เลือดทันทีหรือให้เร็วที่สุด
ควรหาตำแหน่งที่อาจมีการเสียเลือด และพึงระลึกเสมอว่าอาจเกิดการเสียเลือดในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้มากกว่า 1 แห่ง
ในช่องอก
ในช่องท้องรวมทั้ง retroperitoneum
ในอุ้งเชิงกราน
ที่ต้นขา
4.Disability: Neurologic Status
เป็นการประเมินระบบประสาทส่วนสมองหรือไขสันหลังที่ได้รับบาดเจ็บ
พยาบาลควร ประเมิน เริ่มประเมินจากระดับความรู้สึกตัว Glasgow Coma Scale
ประเมินจาก AVPU Scale
A Alert ผู้บาดเจ็บรู้สึกตัวดี สามารถพูดโต้ตอบ
V Voice/verbal stimuli ผู้บาดเจ็บสามารถตอบสนองต่อเสียงเรียกได้
P Painful stimuli ผู้บาดเจ็บตอบสนองเมื่อกระตุ้นด้วยความปวด
U Unresponsive ผู้บาดเจ็บไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลย
การใช้ CPOMR Scale
การตรวจประเมินรูม่านตา
ผู้ป่วยที่มีการบาดเจ็บของไขสันหลังควรตรวจดูภาวะ Cord compression จากอาการแขนขาอ่อน แรง ไม่สามารถขยับแขนขาได้ ตรวจ Anal sphincter tone
5.Exposure / Environment control
ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บหนัก ควรถอดเสื้อผ้าออกให้หมดเพื่อค้นหาการบาดเจ็บต่าง ๆ อื่น ๆ
ขณะตรวจใน ห้องควรจะอบอุ่น เพื่อป้องกันภาวะ Hypothermia
การพลิกตะแคงตัวผู้บาดเจ็บแบบท่อนซุง (Log roll) ที่ต้องอาศัยผู้ช่วย 3-4 คนในการจัดให้ กระดูกสันหลังอยู่ในแนวตรง เพื่อการตรวจร่างกายและเป็นการป็องกันการได้รับบาดเจ็บของ กระดูกสันหลัง
วิธีการตรวจ bulbocarvernosus reflex โดยผู้ตรวจใช้นิ้วมือสอดเข้าไปในทวารหนักผู้บาดเจ็บ (per rectum) ถ้าพบว่าหูรูด ทวารหนักมีการหดรัดตัวรอบนิ้วมือ แสดงว่าการตรวจให้ผลบวก
การกู้ชีพ (Resuscitation)
การแก้ไขภาวะคุกคามต่อชีวิตหรือที่เป็นอันตรายเร่งด่วน โดยการกู้ชีพจะทำหลังจากการประเมิน เป็นลำดับของ ABC และสามารถทำไปพร้อม ๆ กับการประเมิน
Airway
Breathing
Circulation
การให้สารน้ำและเลือด
ภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำอาจพบได้ตั้งแต่ขณะที่ผู้บาดเจ็บมาถึง หรืออาจเกิดขึ้นภายหลังอย่างรวดเร็ว
การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
การตวงวัดปริมาณปัสสาวะ
การใส่สายสวนกระเพาะ
การประเมินสภาพร่างกายผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บอย่างละเอียด (Secondary Survey)
History
การซักประวัติแบบ AMPLE
Blunt trauma ส่วนใหญ่เกิดจากอุบัติเหตุจราจร พลัดตกจากที่สูง
Penetrating trauma เกิดจากอาวุธปืน มีด
Physical Examination
Head ในการตรวจหนังศีรษะให้ใช้มือคลำให้ทั่วหนังศีรษะ เพื่อหาบาดแผล
Facial ควรคลำกระดูกใบหน้าให้ทั่วเพื่อหา deformity
Cervical spine and Neck ผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัวทุกรายที่มีการบาดเจ็บศีรษะควรคำนึงถึง cervical spine injury
Chest การตรวจจะเริ่มจากการมองหารอยช้ำ รอยยุบ คลำดูว่ามี Crepitus หรือเจ็บที่จุดใด โดย ตรวจให้ทั่วทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ดูการบาดเจ็บ
Abdomen ในผู้ป่วยที่บาดเจ็บและเกิดภาวะ Shock ให้สงสัยการบาดเจ็บในช่องท้องและมีการเสีย เลือดเกิดขึ้น
Musculoskeletal and Peripheral vascular assessment การบาดเจ็บแขนขา
Pelvic fracture จะตรวจพบ Ecchymosis บริเวณ Iliac wing, Pubis, Labia หรือ Scrotum
Neurological system เป็นการตรวจระบบประสาทและสมองอย่างละเอียด ประเมิน motor, sensory และต้อง Reevaluation ระดับความรู้สึกตัว pupil size Glasgow coma score
Reevaluation ในระยะแรกที่ดูแลผู้ป่วยที่บาดเจ็บ ควรมีการประเมินร่างกายซ้ำเป็นระยะๆ เพื่อประเมินหาการ บาดเจ็บที่อาจตรวจไม่พบในระยะแรก
การรักษาผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บภายหลังได้รับการช่วยเหลือขั้นต้นแล้ว (Definitive Care)
การรักษาจำพาะของการบาดเจ็บแต่ละอวัยวะ ได้แก่ การผ่าตัดเพื่อแก้ไขภาวะฉุกเฉินต่าง ๆ เช่น Intracranial hematoma, Intra-abdominal bleeding รวมทั้ง multiple organ injury