Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
แนวคิด หลักการการพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน และสาธารณภัย - Coggle Diagram
แนวคิด หลักการการพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน และสาธารณภัย
แนวคิด
ปัจจุบันประกอบด้วย 2 โมเดล
Anglo-American Model (AAM)
ปีเริ่มต้น
1970s
ปรัชญา/จุดประสงค์หลัก
“Scoop and run” เวลาสำหรับการประคับประคองอาการในสถานที่เกิดเหตุสั้นและนำผู้ป่วยส่งยังสถานพยาบาลให้เร็วที่สุด
นำผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
บุคลากรผู้ให้บริการ/การดูแล
ทีมเวชกิจฉุกเฉินให้การดูแลโดยมีแพทย์กำกับ
ปลายทาง
ลำเลียงผ้ปู่วยส่งตรงห้องฉุกเฉิน
แนวคิดการเชื่อมต่อองค์กร
ระบบการแพทย์ฉุกเฉินเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรความปลอดภัยสาธารณะ
การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
รถ Ambulance เป็นหลัก
Aero-medical หรือ Coastal ambulance
องค์การที่เกี่ยวข้อง
ตำรวจ สถานี ดับเพลิง
ค่าใช้จ่าย
สูงกว่า FGM
จำนวนผู้ป่วย
ผู้ป่วยส่วนใหญ่ได้รับการนำส่งไปยังโรงพยาบาล
เพียงจำนวนน้อยที่ได้รับการดูแล ณ จุดเกิดเหตุ
ตัวอย่างประเทศ
สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา แคนาดา นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย
Franco-German Model (FGM)
ปีเริ่มต้น
1970s
ปรัชญา/จุดประสงค์หลัก
“Stay and Stabilize” ให้เวลานานในการดูแลอาการในสถานที่เกิดเหตุและนำการรักษาไปยังสถานที่เกิดเหตุ
นำบริการโรงพยาบาลมาหาผู้ป่วย
บุคลากรผู้ให้บริการ/การดูแล
แพทย์ให้การดูแลโดยมีทีมเวชกิจฉุกเฉินช่วย
ปลายทาง
ลำเลียงผ้ปู่วยส่งหน่วยเฉพาะทาง
แนวคิดการเชื่อมต่อองค์กร
ระบบการแพทย์ฉุกเฉินเป็นส่วนหนึ่งขององค์การสาธารณสุข
การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
Ambulance, Helicopter และ Coastal ambulance
องค์การที่เกี่ยวข้อง
ภายใต้บริการจะเป็นส่วนหนึ่งของระบบสุขภาพ
ค่าใช้จ่าย
ต่ำกว่า AAM
จำนวนผู้ป่วย
ผู้ป่วยส่วนใหญ่ได้รับการรับการรักษา ณ จุดเกิดเหตุ
เพียงจำนวนน้อยที่นำส่งโรงพยาบาล
ตัวอย่างประเทศ
เยอรมนี ฝรั่งเศส กรีซ มอลต้า ออสเตรีย
ความหมาย
การเจ็บป่วยฉุกเฉิน
การเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ต้องดำเนินการช่วยเหลือ และดูแลรักษาทันที
การเจ็บป่วยวิกฤต
“Critical”
ใช้ในผู้ป่วยอาการเพียบหนัก อาการรุนแรง หรือขั้นฉุกเฉิน มีอันตราย
เน้นการปฏิบัติ
แก้ไขอาการที่ปรากฏในครั้งแรก และการป้องกันไม่ให้เข้าสู่สถานการณ์คับ
“Crisis”
ใช้กับผู้ป่วยที่อยู่ในสภาวะที่มีสถานการณ์คับขัน เป็นจุดวิกฤตของการเป็นโรค
เน้นการปฏิบัติ
แก้ไขอาการที่ปรากฏอันตราย โดยเฉพาะระบบของร่างกายที่มีการล้มเหลว
การเจ็บป่วยวิกฤต
การเจ็บป่วยที่มีความรุนแรงถึงขั้นที่อาจทำให้ผู่ป่วยถึงแก่ชีวิตหรือพิการได
อุบัติเหตุ (Accident)
อุบัติการณ์ซึ่งเกิดขึ้น โดยไม่คาดหมายมาก่อน
อุบัติเหตุมีขนาดใหญ่ เรียกว่า Disaster
สถานที่เกิดเหตุ
แบ่งตามคณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ
อุบัติภัยจากการจราจร (Traffic Accident)
อุบัติภัยจากการทำงาน (Occupational Accident)
อุบัติภัยภายในบ้าน (Home or Domestic Accident)
อุบัติภัยในสาธารณสถาน (Public Accident)
ผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน
ผู้ที่ทีอาการหนักรุนแรงต้องการการดูแลจากเจ้าหน้าที่ที่มีความชำนาญเฉพาะทาง
มีลักษณะทางคลินิก
ไม่รู้สึกตัว ชัก เป็นอัมพาต
หยุดหายใจ หายใจ < 10 ครั้ง/นาที หรือ> 30 ครั้ง/นาที
คลำชีพจรไม่ได้
ตกเลือดเลือดออกมากซีดมาก
เจ็บปวดทุรนทุรายกระสับกระส่าย
มือเท้าซีดเย็น เหงื่อออกมาก
T = <35 / >40
ถูกพิษจากสัตว์
หลักการพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน
หลักทั่วไป
เพื่อช่วยชีวิต
การป้องกันและบรรเทาไม่ให้เกิดอาการรุนแรงถึงขั้นวิกฤต
การบันทึกเหตุการณ์อาการและการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
การส่งต่อรักษา
ผู้ป่วยวิกฤตมีลักษณะดังนี้
ผู้ป่วยที่สามารถรักษาได้
ผู้ป่วยที่มีอัตราตายสูง
ผู้ป่วยที่มีแนวโน้มที่จะมีอาการรุนแรง
ผู้ป่วยที่อัตราตายสูง
ผู้บาดเจ็บจากสาธารณภัย
แบ่งตามความรุนแรง
กลุ่มอาการไม่รุนแรง
กลุ่มอาการหนัก
กลุ่มอาการหนักมาก หรือสาหัส
หลักการพยาบาลตามบทบาทพยาบาลวิชาชีพงานบริการพยาบาลผู้ป่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉินของ
สภาการพยาบาล พ.ศ. 2552
ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่กำลังคุกคามชีวิตผู้ป่วย
ค้นหาสาเหตุและ/หรือปัญหา
ดูแลและรักษาสภาวะของผู้ป่วยให้อยู่ระดับปลอดภัย
รักษาหน้าที่ต่างๆ ของอวัยวะสำคัญของร่างกายให้คงไว
ป้องกันภาวะแทรกซ้อนและติดเชื้อ
ประคับประคองจิตใจและอารมณ์
การพยาบาลสาธารณภัย
ภัยพิบัติ/สาธารณภัย (Disaster)
" เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติหรือโดยมนุษย์อย่างทันที "
ความรู้พื้นฐาน
ภัย (Hazard)
เหตุการณ์หรือปรากฏการณ์ใดๆที่สามารถที่ทำให้เกิดอันตราย
สาธารณภัย / ภัยพิบัติ (Disaster)
ภัยที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเกิดจากธรรมชาติหรือจากการ
กระทำของมนุษย์แล้วก่อให้เกิดอันตราย
ตัวอย่างเช่น
สาธารณภัย
อัคคีภัย วาตภัย อุทกภัยภัย ภัยแล้ง
ภัยสาธารณะ
ภัยที่เกิดจากธรรมชาติ
คลื่นยักษ์ ดินถล่ม
ภัยที่เกิดจากคนทำ
สาเคมีรั่วไหล รถชน ตึกถล่ม
ภัยทางอากาศ
ปล้นเครื่องบิน
การก่อวินาศภัย
ก่อการร้าย กราดยิง วางระเบิด
อุบัติภัย
อุบัติเหตุกลุ่มชน/อุบัติภัยหมู่
(MASS CASSUALTIES)
อุบัติเหตุที่เกิดกับคนจำนวนมาก
ได้รับการเจ็บป่วยจำนวนมาก
ลักษณะสำคัญ
เกิดการบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วยของประชาชนจำนวนมาก
มีการทำลายของทรัพย์สินหรือสิ่งแวดล้อม
ทรัพยากรที่มีอยู่ในภาวะปกติไม่เพียงพอ
ระบบและกลไกปกติของสังคมถูกทำลาย
ประเภทของแบ่งตามขีดความสามารถของสถานพยาบาล
Multiple casualties
ทั้งจำนวนและความรุนแรงของผู้ป่วยไมเกินขีดความสามารถ
ผู้ที่มีภาวะคุกคามต่อชีวิต (life Threatening) ได้รับการรักษาก่อน
Mass casualties
ทั้งจำนวนและความรุนแรงของผู้ป่วยเกินขีดความสามารถ
ผู้ที่มีโอกาสรอดชีวิตมากที่สุด โดยใช้เวลาและทรัพยากรน้อยได้รับการรักษาก่อน
ประเภทของภัยพิบัติ
ภัยที่เกิดจากธรรมชาติ (Natural Disaster)
ภัยที่เกิดจากมนุษย์ (Man-made Disaster)
การจัดระดับความรุนแรง
ระดับที่ 1
สำนักงานสาธารณสุขในระดับ
อำเภอสามารถจัดการได้ตามลำพัง
ระดับที่ 2
อาศัยความช่วยเหลือจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในการจัดการเข้าระงับภัย
ระดับที่ 3
ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขระดับเขตเข้าควบคุมสถานการณ์
ระดับที่ 4
นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้เป็นผู้ควบคุมสถานการณ์
หลักการพยาบาลสาธารณภัย
การบรรเทาภัย (Mitigation)
การเตรียมความพร้อม (Preparedness)
การตอบโต้เหตุการณ์ฉุกเฉิน (Response)
ยึดตามหลัก CSCATT
การควบคุมยับยั้งโรค
เฝ้าระวังภายใน 5 วันหลังภัยพิบัติ
การบูรณะฟื้นฟู (Recovery)
พยาบาลกับการจัดการสาธารณภัย
ต้องนำความรู้และทักษะทางการพยาบาลทั่วไปและพยาบาลฉุกเฉิน มาประยุกต์ใช้
หลักการบริหารจัดการในที่เกิดเหตุและรักษาผู้บาดเจ็บ
ตาม Disaster paradigm
D – Detection
การประเมินสถานการณ์
I - Incident command
ระบบการบัญชาเหตุการณ์และผู้ดูภาพรวมของการปฏิบัติการทั้งหมด
S – Safety and Security
การประเมินความปลอดภัย
A – Assess Hazards
การประเมินสถานที่เกิดเหตุ
S – Support
การเตรียมอุปกรณ์และทรัพยากร
T – Triage/Treatment
การคัดกรองและให้การรักษาที่รีบด่วน
E – Evacuation
การอพยพผู้บาดเจ็บระหว่างเหตุการณ์
R – Recovery
การฟื้นฟูสภาพหลังจากเกิดเหตุการณ์
ลักษณะของการปฏิบัติการพยาบาลในสถานการณ์สาธารณภัย
มุ่งลดความเสียหายต่อชีวิตและสุขภาพ
ต้องนำความรู้และทักษะมาประยุกษ์ใช้
เป็นการปฏิบัติการพยาบาล
คุณสมบัติพยาบาลสำหรับจัดการสาธารณภัย
มีความรู้ทางการพยาบาลและมีประสบการณ์
มีความรู้ด้านสาธารณภัย มีความสามารถในการประเมิน
มีทักษะในการตัดสินใจที่ดี เป็นผู้นำ
มีทักษะในการสื่อสาร และการบันทึก
มีวุฒิภาวะที่เหมาะสมกับสถานการณ์
ระบบทางด่วน (Fast track/Pathway system)
บทบาทพยาบาลกับระบบทางด่วน (Fast track)
การประเมินเบื้องต้นโดยใช้ความรู้ ความสามารถ
การรายงานแพทย์ผู้รักษา
การประสานงานผู้เกี่ยวข้องทั้งภายใน & ภายนอก
การจัดการและดูแลขณะส่งต่อ
การให้การดูแลตามแผน
การติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง
การให้ความช่วยเหลือเมื่อมีความผิดปกติ
การดำเนินงาน
การจัดระบบให้มีการทบทวน
บทบาทพยาบาลในระบบทางด่วน (Fast track)
EMS (accessibility)
Triage/ Specific triage/ Assessment
Activate system
Flow (purpose-process-performance)
Investigation
Care delivery
Monitoring: early warning signs & E-response
Risk management (general & clinical)
Co-ordination, Communication, Handover
Inter & Intra transportation
Evaluation, output, outcome
Improvement, Innovation, Integration
หลักการดูแลผู้บาดเจ็บ (Trauma life support)
ระบบการดูแลผู้บาดเจ็บ (Trauma care system)
การเข้าถึงหรือรับรู้ว่ามีเหตุเกิดขึ้น (Access)
เข้าถึงช่องทางสำหรับการติดต่อในการแจ้งเมื่อมีเหตุเกิดขึ้น
การดูแลในระยะก่อนถึงโรงพยาบาล (Prehospital care)
ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของสิ่งแวดล้อมเป็นอันดับแรก (scene safety)
การดูแลในระยะที่อยู่โรงพยาบาล (Hospital care)
การฟื้นฟูสภาพ และการส่งต่อ
(Rehabilitation & transfer)
การดูแลผู้บาดเจ็บขั้นต้น
ประกอบด้วย
การประเมินผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บเบื้องต้น (Primary Survey)
ตรวจประเมินพยาธิสภาพหรือการเปลี่ยนแปลง
เพื่อวินิจฉัยภาวะที่คุกคามต่อชีวิต ภาวะที่อาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตในระยะเวลาอันสั้น
ประเมินเป็นระบบ ตามลำดับขั้นตอนดังนี้
Airway maintenance with cervical spine protection
Breathing and ventilation
Circulation with hemorrhagic control
Disability (Neurologic Status)
Exposure / environmental control
Resuscitation
การช่วยเหลือเพื่อให้ผู้ป่วยพ้นภาวะวิกฤตที่อาจทำให้เสียชีวิตได้
Secondary survey
การตรวจร่างกายอย่างละเอียดหลังจากผู้ป่วยพ้นภาวะวิกฤตแล้ว
Definitive care
การรักษาหลังจากผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยเบื้องต้นแล้ว
Primary survey: ขั้นตอนและวิธีการ
Airway maintenance with cervical spine protection
เริ่มต้น
ประเมิน Airway เพื่อหา Airway obstruction
เปิดทางเดินหายใจให้โล่ง
Head-tilt Chin-lift
กรณีผู้ป่วยที่สงสัยหรือได้รับอุบัติเหตุ
วิธี jaw-thrust maneuver
อาการ
restless จากภาวะ Hypoxia
หายใจเสียงดัง
เปลือกตาซีด ปลายมือเท้าซีดเขียว
หายใจโดยใช้กล้ามเนื้อ
ควรมีการประเมินซ้ำเป็นระยะ
ผู้ป่วย mild head injury
อยู่ในช่วง lucid interval
ผู้ป่วย severe head injury
อยู่ในอาการ Coma
ผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิด
ได้รับบาดเจ็บ Cervical spine injury
ป้องกันโดยการใส่ Cervical collar หรือใช้หมอนทรายวางที่สองข้างของศีรษะไว้ตลอดเวลา
กรณีที่ต้องทำหัตถการบางอย่าง
ผู้ช่วยทำ Manual in-line immobilization ไว้ตลอดเวลา
แพทย์พิจารณาใส่ Endotracheal tube
การใส่ต้องทำการแหงนคออยู่เสมอ
Breathing and Ventilation
การประเมินการช่วยหายใจและการระบายอากาศ
พยาบาลควรวินิจฉัยโดยประเมินจาก
การเปิดดูร่องรอยบาดแผลที่บริเวณทรวงอก
ดูการเคลื่อนไหวบริเวณทรวงอก
คลำ การเคาะเพื่อตรวจหาการบาดเจ็บ
ฟัง Breath sound ทั้งสองข้าง
Circulation and Hemorrhage control
ประเมินในระบบไหลเวียนและการห้ามเลือด
การค้นหาภาวะ Shock
สาเหตุอื่น
Cardiac tamponade จากการถูกยิง ถูกแทง ที่หัวใจ
Neurogenic shock ในผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บของไขสันหลัง
อาการที่พบและมีความสัมพันธ์กับการประเมิน สามารถประเมินได้จาก
อาการทางระบบประสาท
ผิวหนัง
หัวใจและหลอดเลือด
ระบบหายใจ
ระบบทางเดินปัสสาวะ
ระบบทางเดินอาหาร
ภาวะกรดด่างของร่างกาย
ตำแหน่งการเสียเลือดที่สำคัญ
ในช่องอก
ในช่องท้อง
ในอุ้งเชิงกราน
ที่ต้นขา
การประเมินสภาพร่างกายผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บอย่างละเอียด (Secondary Survey)
ทำหลังจาก primary survey และ Resuscitation จน Vital function เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
History
ต้องสอบถามจาก Prehospital personnel
ควรซักประวัติให้ได้ข้อมูลที่มากที่สุด
สรุปได้เป็นคำย่อคือ AMPLE ประกอบด้วย
• Allergies ประวัติการแพ้ยา สารเคมีหรือวัตถุต่างๆ
• Medication ยาที่ใช้ในปัจจุบัน
• Past illness/ Pregnancy การเจ็บป่วยในอดีตและการตั้งครรภ์
• Last meal เวลาที่รับประทานอาหารครั้งล่าสุด
• Event/ Environment related to injury อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้อย่างไร รุนแรงเพียงใด
Blunt trauma
Penetrating trauma
Physical Examination
Head
Facial
Cervical spine and Neck
Chest
Abdomen
Musculoskeletal and Peripheral vascular assessment
Pelvic fracture
Neurological system
Reevaluation
การรักษาผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บภายหลังได้รับการช่วยเหลือขั้นต้นแล้ว (Definitive Care)
หลังจากได้ทำ secondary survey
เพื่อแก้ไขพยาธิสภาพโดยตรง
เป็นการรักษาจำพาะของการบาดเจ็บแต่ละอวัยวะ
Disability: Neurologic Status
ประเมินระบบประสาทต่อว่าสมองหรือไขสันหลังได้รับบาดเจ็บหรือไม่
เริ่มประเมินจากระดับความรู้สึกตัว โดยใช้แบบประเมิน
Glasgow Coma Scale
AVPU Scale
CPOMR Scale
Revision trauma scale
การตรวจประเมินรูม่านตา
รูม่านตาหดเล็กลงเมื่อได้รับแสงสว่าง
มีขนาด 3-4 มม.
การขยายรูม่านตาที่ไม่เท่ากัน
โตเพียงข้างเดียว
ผู้ป่วยที่มีการบาดเจ็บของไขสันหลัง
ตรวจดูภาวะ Cord compression
ตรวจ Anal sphincter tone
Exposure / Environment control
ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บหนัก
ถอดเสื้อผ้าออกให้หมดเพื่อค้นหาการบาดเจ็บ
ใช้กรรไกรในการตัดเสื้อและกางเกงออก
ตรวจในห้องควรจะอบอุ่น เพื่อป้องกันภาวะ Hypothermia
ต้องทำการพลิกตะแคงตัวผู้บาดเจ็บแบบท่อนซุง (Log roll)
อาศัยผู้ช่วย 3-4 คนในการจัดให้กระดูกสันหลังอยู่ในแนวตรง
ประเมินหลังการพลิกตะแคงตัว
การเกิด functional shut down
หากมีภาวะ spinal shock
ไม่สามารถตรวจพบการทำงานของ
กล้ามเนื้อ
การรับรู้สัมผัส (sensory)
รีเฟลกซ์
ไม่พบ bulbocarvernosus reflex
การกู้ชีพ (Resuscitation)
การแก้ไขภาวะคุกคามต่อชีวิต
ทำหลังจากการประเมินของ ABC
Airway
Breathing
Circulation
การให้สารน้ำและเลือด
เปิดหลอดเลือดดำด้วยเข็มขนาดใหญ่และสั้น 2 เส้น
หลีกเลี่ยงแทงเส้นใต้ตำแหน่งของแขนขาที่ได้รับบาดเจ็บ
สงสัยว่ามีเลือดออกในช่องท้อง หลีกเลี่ยงการให้สารน้ำที่ขา
ให้สารน้ำที่เป็น Balance salt solution
อาการทรุดลง ไม่ตอบสนองพิจารณาการให้เลือดกรุ๊ป โอ
ไม่ควรให้เลือดร่วมกับ Lactated Ringer's solution, acetar
หลังได้รับควรประเมินการตอบสนองต่อสารน้ำ