Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
แนวคิด หลักการการพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน และสาธารณภัย, 560000000524101,…
แนวคิด หลักการการพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน และสาธารณภัย
แนวคิด ประเทศไทยมีการพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ด้วยรูปแบบ Anglo-American Model (AAM)
แนวคิดหลักของรูปแบบการแพทย์ฉุกเฉิน
Anglo-American Model (AAM)
เริ่มต้นปี 1970s
ปรัชญา/จุดประสงค์หลัก
“Scoop and run”
นำผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
บุคลากรผู้ให้บริการ/การดูแล
ทีมเวชกิจฉุกเฉินให้การดูแล โดยมีแพทย์กำกับ
ปลายทาง
ลำเลียงผู้ป่วยส่งตรงห้องฉุกเฉิน
แนวคิดการเชื่อมต่อองค์กร
ระบบการแพทย์ฉุกเฉินเป็นส่วนหนึ่งของ องค๋การความปลอดภัยสาธารณะ
การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
รถ Ambulance เป็นหลัก
ใช้ Aero-medical หรือ Coastal ambulance
1 more item...
Franco-German Model (FGM)
เริ่มต้นปี 1970s
ปรัชญา/จุดประสงค์หลัก
“Stay and Stabilize”
นำบริการโรงพยาบาลมาหาผู้ป่วย
บุคลากรผู้ให้บริการ/การดูแล
แพทย์ให้การดูแลโดยมีทีมเวชกิจฉุกเฉินช่วย
ปลายทาง
ลำเลียงผู้ป่วยส่งหน่วยเฉพาะทาง
แนวคิดการเชื่อมต่อองค์กร
ระบบการแพทย์ฉุกเฉินเป็นส่วนหนึ่งขององค์การสาธารณสุข
การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
Ambulance, Helicopter และ Coastal ambulance
1 more item...
การเจ็บป่วยฉุกเฉิน คือ การเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
จำเป็นต้องดำเนินการช่วยเหลือ และการดูแลรักษาทันที
การเจ็บป่วยวิกฤต การเจ็บป่วยที่มีความรุนแรงถึงขั้นที่อาจทำให้ผู้ป่วยถึงแก่ชีวิตหรือพิการได้
Crisis care
เพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยการรักษา จึงมุ่งเน้นแก้ไขอาการที่ปรากฏอันตราย โดยเฉพาะระบบของร่างกายที่มีการล้มเหลว เพื่อแก้ไขภาวะล้มเหลว หรือรักษาสภาพการทำงานของระบบนั้น
Critical Care
เพื่อดำรงรักษาชีวิต มุ่งเน้นแก้ไขอาการที่ปรากฏในครั้งแรก
และการป้องกันไม่ให้เข้าสู่สถานการณ์คับขัน Crisis ในการประคับประคองให้ความสำคัญกับทุกระบบไม่ให้นำสู่สภาวะที่เป็นปัญหาต่อไป
อุบัติเหตุ (Accident) คือ อุบัติการณ์ซึ่งเกิดขึ้น โดยไม่คาดหมายมาก่อน
สถานที่เกิดเหตุ
อุบัติภัยจากการจราจร (Traffic Accident)
อุบัติภัยจากการทำงาน (Occupational Accident)
อุบัติภัยภายในบ้าน (Home or Domestic Accident)
อุบัติภัยในสาธารณสถาน (Public Accident)
ผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน หมายถึง ผู้ที่ทีอาการหนักรุนแรง
ต้องการการดูแลจากเจ้าหน้าที่ที่มีความชำนาญเฉพาะทาง
ไม่รู้สึกตัว ชัก เป็นอัมพาต
หยุดหายใจ หายใจช้ากว่า 10 ครั้งต่อนาที หรือเร็วกว่า 30 ครั้งต่อนาที หายใจลำบากหรือหอบเหนื่อย
คลำชีพจรไม่ได้ หรือชีพจรช้ากว่า 40 หรือเร็วกว่า 30 ครั้ง/นาที
ความดันโลหิต Systolic ต่ำกว่า 80 มม.ปรอท หรือ Diastolic สูงกว่า 130 มม.ปรอท
ตกเลือดเลือดออกมากซีดมาก
เจ็บปวดทุรนทุรายกระสับกระส่าย
มือเท้าซีดเย็น เหงื่อออกมาก
อุณหภูมิของร่างกายต่ำกว่า 35 เซลเซียส หรือสูงกว;า 40 เซลเซียส
ถูกพิษจากสัตว์ เช่น งู หรือสารพิษชนิดต่างๆ
ผู้ป้วยวิกฤตมีลักษณะดังนี้
ผู้ป่วยที่สามารถรักษาได้ เช่น ผู้ป่วยที่หมดสติ ผู้ป่วยที่มีระบบการหายใจล้มเหลว เป็นต้น
ผู้ป่วยที่มีอัตราตายสูง เช่น ผู้ป่วย Septic Shock
ผู้ป่วยที่มีแนวโน้มที่จะมีอาการรุนแรง เช่น ผู้ป่วย myocardialin farction
ผู้ป่วยที่อัตราตายสูง แม้จะได้รับการรักษา เช่น ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย
ผู้บาดเจ็บจากสาธารณภัย
กลุ่มอาการไม่รุนแรง หากผู้ป่วยเดินได้อาจถือว่าอาการไม่หนัก
กลุ่มอาการหนัก ต้องหามนอนหรือนั่งมา อาการแสดงยังคลุมเครือ
กลุ่มอาการหนักมาก หรือสาหัสต้องการการรักษาโดยด่วน
หลักการพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน
หลักทั่วไปในการพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉิน
เพื่อช่วยชีวิต
ป้องกันและบรรเทาไม่ให้เกิดอาการรุนแรงถึงขั้นวิกฤต
บันทึกเหตุการณ์อาการและการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
ส่งต่อรักษา หลังจากให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ป่วย
หลักในการพยาบาล
มีหลักในการอุ้มยกเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากยานพาหนะไปยังห้องพยาบาล อย่างนุ่มนวลรวดเร็วปลอดภัย
มีการซักประวัติการเจ็บป่วยและอาการสำคัญอย่างละเอียด ในเวลาที่รวดเร็ว
ทำการคัดกรองผู้ป่วยอย่างรวดเร็วแม่นยำ
ให้การรักษาพยาบาลภายใต้นโยบายของโรงพยาบาล และภายในเขตการรับรองของกฎหมาย
ให้การช่วยฟื้นคืนชีพอย่างถูกต้อง
ให้การดูแลจิตใจของผู้ป่วยและญาติ
มีการนัดหมายผู้ป่วยที่ไม่ได้นอนโรงพยาบาลเพื่อให้การรักษาต่อเนื่อง
มีการส่งต่อเพื่อการรักษาทั้งในหอผู้ป่วยในแผนกผู้ป่วยหนัก และภายนอกโรงพยาบาล
หลักการพยาบาลตามบทบาทพยาบาลวิชาชีพงานบริการพยาบาลผู้ป่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉินของสภาการพยาบาล พ.ศ. 2552
ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่กำลังคุกคามชีวิตผู้ป่วย
ค้นหาสาเหตุและ/หรือปัญหาที่ทำให้เกิดภาวะฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุ แล้วดำเนินการแก้ไข
ดูแลและรักษาสภาวะของผู้ป่วยให้อยู่ระดับปลอดภัย และคงที่โดยการเฝ้าระวังอย่างใกล่ชิด
รักษาหน่าที่ต่างๆ ของอวัยวะสำคัญของร่างกายให้คงไว้
ป้องกันภาวะแทรกซ้อนและติดเชื้อ
ประคับประคองจิตใจและอารมณ์ของผู้ป่วยและญาติ
การพยาบาลสาธารณภัย
ภัย (Hazard) หมายถึง เหตุการณ์หรือปรากฏการณ์ใดๆที่สามารถที่ทำให้
เกิดอันตรายต่อชีวิตความเสียหายต่อทรัพย์สินความเป็นอยู่ และสิ่งแวดล้อม
สาธารณภัย / ภัยพิบัติ (Disaster) หมายถึง ภัยที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเกิดจากธรรมชาติ
หรือจากการกระทำของมนุษย์แล้วก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต
สาธารณภัย ได้แก่ อัคคีภัย วาตภัย อุทกภัยภัย ภัยแล้ง
ภัยสาธารณะ
ภัยที่เกิดจากธรรมชาติ เช่น คลื่นยักษ์ ดินถล่ม โรคระบาด
ภัยที่เกิดจากคนทำ ได้แก่ สาเคมีรั่วไหล รถชน ตึกถล่ม
ภัยทางอากาศ ได้แก่ ปล้นเครื่องบิน
การก่อวินาศภัย ได้แก่ ก่อการร้าย กราดยิง วางระเบิด
ประเภทของภัยพิบัติ
ภัยที่เกิดจากธรรมชาติ (Natural Disaster) ได้แก่ เกิดแบบฉับพลัน และเกิดแบบค่อยเป็นค่อยไป
ภัยที่เกิดจากมนุษย์ (Man-made Disaster) ได้แก่ เกิดอย่างจงใจและเกิดอย่างไม่จงใจ
การจัดระดับความรุนแรงของสาธารณภัยทางสาธารณสุข
ความรุนแรงระดับที่ 1 : สาธารณภัยที่เกิดขึ้นทั่วไปหรือมีขนาดเล็ก
ซึ่งสำนักงานสาธารณสุขในระดับอำเภอสามารถจัดการได้ตามลำพัง
ความรุนแรงระดับที่ 2 : สาธารณภัยขนาดกลาง หน่วยงานสาธารณสุขระดับอำเภอไม่สามารถจัดการได้
ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในการจัดการเข้าระงับภัย
ความรุนแรงระดับที่ 3 : สาธารณภัยขนาดใหญ่ ที่มีผลกระทบรุนแรงกว้างขวาง หรือสาธารณภัยที่
จำเป็นต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญหรืออุปกรณ์พิเศษ
ความรุนแรงระดับที่ 4 : สาธารณภัยขนาดใหญ่ ที่มีผลกระทบรุนแรงยิ่ง ในด้านการแพทย์
และการสาธารณสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้ดำเนินการควบคุมสถานการณ์
อุบัติภัย
อุบัติเหตุกลุ่มชน/อุบัติภัยหมู่ (MASS CASSUALTIES) หมายถึง อุบัติเหตุที่เกิดกับคนจำนวนมาก
ได้รับการเจ็บป่วยจำนวนมาก เกินขีดความสามารถปกติที่โรงพยาบาลจะให้การรักษาพยาบาลได้
เกิดการบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วยของประชาชนจำนวนมาก
มีการทำลายของทรัพย์สินหรือสิ่งแวดล้อม
ทรัพยากรที่มีอยู่ในภาวะปกติไม้เพียงพอที่จะนำมาใช้ควบคู้สถานการณ์
ระบบและกลไกปกติของสังคมถูกทำลายหรือไม่เพียงพอที่จะควบคุมสถานการณ์ได้
ประเภทของอุบัติภัยหมู่แบ่งตามขีดความสามารถของสถานพยาบาล
Multiple casualties ทั้งจำนวนและความรุนแรงของผู้ป่วยไม่เกินขีดความสามารถของโรงพยาบาล
ผู้ป่วยที่มีภาวะคุกคามต่อชีวิต (life Threatening) จะได้รับการรักษาก่อน
Mass casualties ทั้งจำนวนและความรุนแรงของผู้ป่วยเกินขีดความสามารถของโรงพยาบาลและทีมผู้รักษา
ผู้ป่วยที่มีโอกาสรอดชีวิตมากที่สุด โดยใช้เวลาและทรัพยากรน้อยที่สุดจะได้รับการรักษาก่อน
พยาบาลกับการจัดการสาธารณภัย
เป็นการพยาบาลที่ต้องนำความรู้และทักษะทางการพยาบาลทั่วไป
และด้านการพยาบาลฉุกเฉิน มาประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ที่เกิดสาธารณภัย
ลักษณะของการปฏิบัติการพยาบาลในสถานการณ์สาธารณภัย
มุ่งลดความเสียหายต่อชีวิตและสุขภาพของประชาชนที่เกิดจากสาธารณภัย
ต้องนำความรู้และทักษะทางการพยาบาลทั่วไปและฉุกเฉินมาประยุกต์ใช้
เป็นการปฏิบัติการพยาบาลเพื่อ
ป้องกันและลดความรุนแรงของการบาดเจ็บหรือเจ็บป่วย
มุ่งเน้นด้านการพยาบาลฉุกเฉินแก่ผู้ประสบภัยจำนวนมากในขณะเกิดภัย
การฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจของผู้ประสบภัยและญาติ
คุณสมบัติพยาบาลสำหรับจัดการสาธารณภัย
มีความรู้และมีประสบการณ์การปฏิบัติงานการพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินและวิกฤต
มีความรู้ด้านสาธารณภัย มีสามารถในการประเมินสถานการณ์
มีทักษะในการตัดสินใจที่ดี มีความเป็นผู้นำ และสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้
มีทักษะในการสื่อสาร และการบันทึกข้อมูล
มีวุฒิภาวะที่เหมาะสมกับสถานการณ์
หลักการบริหารจัดการในที่เกิดเหตุและรักษาผู้บาดเจ็บ ตาม Disaster paradigm ประกอบด้วย
D – Detection คือ การประเมินสถานการณ์ว่าเกินกำลังหรือไม่
I – Incident command คือ ระบบการบัญชาเหตุการณ์และผู้ดูภาพรวมของการปฏิบัติการทั้งหมด
S – Safety and Security คือ การประเมินความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานในที่เกิดเหตุ
A – Assess Hazards คือ การประเมินสถานที่เกิดเหตุ
S – Support คือ การเตรียมอุปกรณ์และทรัพยากรที่จำเป็น
T – Triage/Treatment คือ การคัดกรองและให้การรักษาที่รีบด่วน
E – Evacuation คือ การอพยพผู้บาดเจ็บระหว่างเหตุการณ์
R – Recovery คือ การฟื้นฟูสภาพหลังจากเกิดเหตุการณ์
หลักการพยาบาลสาธารณภัย
การบรรเทาภัย (Mitigation) : กิจกรรมต่าง ๆ ที่ดำเนินการเพื่อลดหรือกำจัดโอกาสในการเกิดหรือลดผลกระทบของการเกิดภัยพิบัติ
การเตรียมความพร้อม (Preparedness) : การรองรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน โดยการเตรียมคนให้พร้อม มีแผนที่ตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน
การตอบโต้เหตุการณ์ฉุกเฉิน (Response) โดยยึดตามหลัก CSCATT
C – Command
S – Safety A, B, C (Personal, Scene, Survivors)
C – Communication
A – Assessment ประกอบด้วย
M : Major incident : เป็นเหตุการณ์สาธารณภัยหรือไม่
E : Exact location : สถานที่เกิดเหตุที่ชัดเจน
T : Type of accident : ประเภทของสาธารณภัย
H : Hazard : มีอันตราย หรือเกิดอันตรายอะไรบ้าง
A : Access : ข้อมูลการเดินทางเข้า-ออกจากที่เกิดเหตุ
N : Number of casualties: จำนวนและความรุนแรงของผู้บาดเจ็บ
E : Emergency service : หน่วยฉุกเฉินไปถึงหรือยัง
T – Triage
T – Treatment
T – Transportation
การควบคุมยับยั้งโรคและภัยอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ต้องจัดให้มีระบบเฝ้าระวังภายใน 5 วันหลังภัยพิบัติ
การบูรณะฟื้นฟู (Recovery) ดำเนินไปเรื่อยๆ จนกว่าทุกอย่างจะกลับสู่ภาวะปกติหรือใกล้เคียงกับปกติมากที่สุด
ระบบทางด่วน (Fast track/Pathway system)
สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะฉุกเฉินเร่งด่วน
แต่ละสถานพยาบาล/สถาบันสามารถดำเนินการจัดทำ
หรือจัดการแตกต่างกัน โดยอาศัยหลักการ ดังนี้
การจัดทำควรเป็นทีมสหสาขาวิชาชีพ
จัดทำแผนภูมิการดูแลผู้ป่วย
จัดทำแนวปฏิบัติ ลำดับการปฏิบัติ
จัดทำรายการตรวจสอบ
ฝึกอบรมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้มีความรู้
แผนการปฏิบัติต้องเน้นย้ำเวลาเป็นสำคัญ
กำหนด clinical indicator
บทบาทพยาบาลกับระบบทางด่วน (Fast track)
การประเมินเบื้องต้นโดยใช้ความรู้ ความสามารถเฉพาะโรค
การรายงานแพทย์ผู้รักษาเพื่อตัดสินใจสั่งการรักษา
การประสานงานผู้เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกองค์กร
การจัดการและดูแลขณะส่งต่อ
การให้การดูแลตามแผนการรักษาภายใต้ารอย่างต่อเนื่อง
การให้ความช่วยเหลือเมื่อมีความผิดปกติและติดตามการประเมินผลลัพธ์
การดำเนินงานเพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์ผลการดำเนินงานในภาพรวม
การจัดระบบให้มีการทบทวนและพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
หลักการดูแลผู้บาดเจ็บ (Trauma life support)
ระบบการดูแลผู้บาดเจ็บ (Trauma care system)
การเข้าถึงหรือรับรู้ว่ามีเหตุเกิดขึ้น (Access) คือ การเข้าถึงช่องทางสำหรับการติดต่อในการแจ้งเมื่อมีเหตุเกิดขึ้น
การดูแลในระยะก่อนถึงโรงพยาบาล (Prehospital care) คือ การจัดให้มีการดูแลผู้บาดเจ็บ ณ จุดเกิดเหตุ
โดยต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของสิ่งแวดล้อมเปìนอันดับแรก (scene safety)
การดูแลในระยะที่อยู่โรงพยาบาล (Hospital care) ทุกขั้นตอนจะต้องกระทำถูกต้องตามหลักวิชาชีพและมีประสิทธิภาพ
การฟื้นฟูสภาพ และการส่งต่;อ (Rehabilitation & transfer)
การดูแลผู้บาดเจ็บขั้นต้น ประกอบด้วย
การประเมินผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บเบื้องต้น (Primary Survey)
A Airway maintenance with cervical spine protection
B Breathing and ventilation
C Circulation with hemorrhagic control
D Disability (Neurologic Status)
E Exposure / environmental control
Resuscitation เป็นการช่วยเหลือเพื่อให้ผู้ป่วยพ้นภาวะวิกฤตที่อาจทำให้เสียชีวิตได้
Secondary survey เป็นการตรวจร่างกายอย่างละเอียดหลังจากผู้ป่วยพ้นภาวะวิกฤตแล้ว
Definitive care เป็นการรักษาหลังจากผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยเบื้องต้นแล้ว
Airway maintenance with cervical spine protection
เริ่มต้นจากการประเมิน Airway เพื่อหาอาการที่เกิดจากทางเดินหายใจอุดกั้น (Airway obstruction)
เปิดทางเดินหายใจให้โล่งโดยใช้วิธีการ Head-tilt Chin-lift กรณีผู้ป่วยที่สงสัยหรือได้รับอุบัติเหตุ
ให้ทำการเปิดทางเดินหายใจด้วยวิธี jaw-thrust maneuver, modified jaw thrust, Triple airway maneuver
โดยต้องป้องกันการบาดเจ็บของ Cervical spine ตลอดเวลา
Breathing and Ventilation
เป็นการประเมิน การช่วยหายใจและการระบายอากาศเพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนอากาศ โดยประเมินจาก
การเปิดดูร่องรอยบาดแผลที่บริเวณทรวงอก
ดูการเคลื่อนไหวบริเวณทรวงอก
คลำ การเคาะเพื่อตรวจหาการบาดเจ็บ
ฟัง Breath sound ทั้งสองข้าง
Circulation and Hemorrhage control
เป็นการประเมินในระบบไหลเวียนและการห้ามเลือด สามารถประเมินได้จาก
อาการทางระบบประสาท ประกอบด้วย ระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง การตอบสนองของรูม่านตา (pupils) Glasgow coma scale
ผิวหนัง ผู้ป่วยจะมีผิวหนังเย็น ชื้น เหงื่อออกมาก cyanosis
หัวใจและหลอดเลือด Blood pressure จะลดลง Pulse จะพบชีพจรเบา เร็ว
Capillary filling time จะพบนานกว่า 1-2 วินาที Central venous pressure เท่ากับ 7-8 cm.H2O
ระบบหายใจ จะพบการหายใจเร็ว และไม่สม่ำเสมอ
ระบบทางเดินปัสสาวะ ปัสสาวะจะออกน้อย
ระบบทางเดินอาหาร ผู้ป่วยจะกระหายน้ำ ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน ไม่ได้ยิน bowel sound
ภาวะกรดด่างของร่างกาย ร่างกายจะเกิดการเผาผลาญ เกิดภาวะ acidosis metabolic
Disability: Neurologic Status
เป็นการประเมินระบบประสาทต่อว่าสมองหรือไขสันหลังได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ใช้ Glasgow Coma Scale, AVPU Scale, CPOMR Scale
การตรวจประเมินรูม่านตา รูม่านตาจะหดเล็กลงเมื่อได้รับแสงสว่างและกลับคืนสู่ขนาดปกติโดยมีอัตราความเร็วแตกต่างกัน
Exposure / Environment control
ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บหนัก ควรถอดเสื้อผ้าออกให้หมดเพื่อค้นหาการบาดเจ็บต่างๆ อื่นๆ
จำเป็นต้องทำการพลิกตะแคงตัวผู้บาดเจ็บแบบท่อนซุง (Log roll)
การเสียเลือดที่มองไม่เห็นแล้วผู้ป่วยเกิดอาการ Shock
ในช่องอก อาจทราบได้จากการตรวจร่างกาย การเอกซเรย์ปอด หรือการใส่ท่อระบาย
ในช่องท้องรวมทั้ง retroperitoneum ทราบได้โดยการทำ Diagnostic peritoneal lavage
ในอุ้งเชิงกราน เช่น ใน Fracture pelvis หรือ Fracture femur
ที่ต้นขาซึ่งเป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดขนาดใหญ่ เช่น Fracture femur
การกู้ชีพ (Resuscitation)
การแก้ไขภาวะคุกคามต่อชีวิตหรือที่เปf็นอันตรายเร่งด่วน
โดยการกู้ชีพจะทำหลังจากการประเมินเปfนลำดับของ ABC
Airway สามารถรักษาได้โดยการใส่ท่อช่วยหายใจ
Breathing ผู้บาดเจ็บทุกรายควรได้รับออกซิเจนเสริม
Circulation การห้ามเลือดเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในผู้บาดเจ็บโดยทำร่วมกับการให้สารน้ำทดแทน
ภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำ
ผู้บาดเจ็บทุกรายควรได้รับการติดตามคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
การตวงวัดปริมาณปัสสาวะ เป็นตัวบ่งชี้ที่ดีของปริมาณสารน้ำในร่างกายผู้บาดเจ็บ
การใส่สายสวนกระเพาะ เพื่อลดการโป่งพองของกระเพาะอาหาร
การประเมินสภาพร่างกายผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บอย่างละเอียด (Secondary Survey)
มักทำหลังจาก primary survey และ Resuscitation จน Vital function เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
History ประวัติและ Mechanism of Injury
สรุปได้เป็นคำย่อคือ AMPLE ประกอบด้วย
Allergies ประวัติการแพ้ยา สารเคมีหรือวัตถุต่างๆ
Medication ยาที่ใช้ในปัจจุบัน
Past illness/ Pregnancy การเจ็บป่วยในอดีตและการตั้งครรภ์
Last meal เวลาที่รับประทานอาหารครั้งล่าสุด
Event/ Environment related to injury อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้อย่างไร
รุนแรงเพียงใด สถานการณ์สิ่งแวดล้อมขณะเกิดเหตุเป็นอย่างไร
Blunt trauma ส่วนใหญ่เกิดจากอุบัติเหตุจราจร พลัดตกจากที่สูง
Penetrating trauma เกิดจากอาวุธปืน มีด
Physical Examination
Head ในการตรวจหนังศีรษะให้ใช้มือคลำให้ทั่วหนังศีรษะเพื่อหาบาดแผล อาจพบแผลฉีกขาด
หากมีการเสียเลือดจากบาดแผลมากควรเย็บแผลชั่วคราวเพื่อป้องกันภาวะ Shock
Facial ควรคลำกระดูกใบหน้าให้ทั่วเพื่อหา deformity
Cervical spine and Neck คำนึงถึง cervical spine injury จะใส่ Collar ให้ผู้ป่วยและไม่เคลื่อนไหวคอ
Chest การตรวจจะเริ่มจากการมองหารอยช้ำ รอยยุบ คลำดูว่ามี Crepitus หรือเจ็บที่จุดใด การฟังเสียงหายใจ
เสียงหัวใจปกติหรือไม่ หากพบว่า
Media sternum กว้าง บ่งว่าอาจมีการบาดเจ็บของหลอดเลือดในช่องอก (Rupture Aorta)
กะบังลมยกสูงผิดปกติหรือเห็นเงากระเพาะอาหารในช่องอก บ่งว่าผู้ป่วยกะบังลมฉีกขาด
เงาอากาศในช่องท้องใต้กะบังลมบ่งชี้ว่ามีการบาดเจ็บของกระเพาะอาหารหรือลำไส้
Abdomen ในผู้ป่วยที่บาดเจ็บและเกิดภาวะ Shock ให้สงสัยการบาดเจ็บในช่องท้องและมีการเสียเลือดเกิดขึ้น
Musculoskeletal and Peripheral vascular assessment การบาดเจ็บแขนขาจะประเมินบาดแผล
การหักงอ บวมผิดรูป ประเมินจุดที่เจ็บ การเคลื่อนไหว คลำ Crepitus
Pelvic fracture จะตรวจพบ Ecchymosis บริเวณ Iliac wing, Pubis, Labia หรือ Scrotum
Neurological system ตรวจระบบประสาทและสมองอย่างละเอียด ประเมิน motor, sensory
และต้อง Reevaluation ระดับความรู้สึกตัว pupil size Glasgow coma score
Reevaluation ควรมีการประเมินร่างกายซ้ำเป็นระยะๆ เพื่อประเมินหาการ
บาดเจ็บที่อาจตรวจไม่พบในระยะแรก และเป็นการติดตามการเปลี่ยนแปลงอาการของผู้ป่วย
การรักษาผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บภายหลังได้รับการช่วยเหลือขั้นต้นแล้ว (Definitive Care)
เป็นการรักษาอย่างจริงจังหลังจากได้ทำ secondary survey เรียบร้อยแล้ว เพื่อแก้ไขพยาธิสภาพโดยตรง เป็นการรักษาจำเพาะของการบาดเจ็บแต่ละอวัยวะ