Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
แนวคิด หลักการการพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน และสาธารณภัย - Coggle Diagram
แนวคิด หลักการการพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน และสาธารณภัย
แนวคิด หลักการการพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน และสาธารณภัย
ความสำคัญ
ทีมดูแลต้องมีความรู้ความสามารถ มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยอาศัยระบบการดูแลตั้งแต่ก่อนถึงโรงพยาบาล ระบบการส่งต่อ ระบบการดูแลในโรงพยาบาลที่มีคุณภาพ เพือให้ผู้ที่มีภาวะเจ็บป่วยด้วยภาวะฉุกเฉินรอดชีวิต มีความพิการน้อยที่สุด และสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ
แนวคิดหลักของรูปแบบการแพทย์ฉุกเฉิน
Anglo-AmericanModel(AAM)
ทีมเวชกิจฉุกเฉินให้การดูแลโดยมีแพทย์กํากับ
ลําเลียงผ้ปู่วยส่งตรงห้องฉุกเฉิน
ระบบการแพทย์ฉุกเฉินเป็นส่วนหนึ่งของ องค์การความปลอดภัยสาธารณะ
การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ใช้ Ambulance เป็นหลัก
องค์การที่เกี่ยวข้องการบริการความปลอดภัยของสาธารณะ เช่น ตํารวจ สถานีดับเพลิง
ค่าใช้จ่ายสูงกว่า FGM
ผู้ป่วยส่วนใหญ่ได้รับการนําส่งไปยังโรงพยาบาล และผู้ป่วยจํานวนน้อยที่ได้รับ การดูแล ณ จุดเกิดเหตุ
“Scoop and run” เวลาสําหรับการประคับประคองอาการในสถานที่เกิดเหตุสั้น และนําผู้ป่วยส่งยังสถานพยาบาลให้เร็วที่สุด
ตัวอย่างประเทศ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา แคนาดา นิวซีแลนด์ออสเตรเลีย
Franco-German Model (FGM)
“Stay and Stabilize” ให้เวลานานในการดูแลอาการในสถานที่เกิดเหตุและนําการรักษาไปยังสถานที่เกิดเหตุ และนําบริการโรงพยาบาลมาหาผู้ป่วย
แพทย์ให้การดูแลโดยมีทีมเวชกิจฉุกเฉินช่วย อาจนําเทคโนโลยีรวมไปให้การดูแลในขั้นสูง
ลําเลียงผ้ปู่วยส่งหน่วยเฉพาะทาง
ระบบการแพทย์ฉุกเฉินเป็นส่วนหนึ่งขององค์การสาธารณสุข
การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ใช้ Ambulance, Helicopter และ Coastal ambulance
ภายใต้บริการจะเป็นส่วนหนึ่งของระบบสุขภาพ
ค่าใช้จ่ายต่ำกว่าAAM
ผู้ป่วยส่วนใหญ่ได้รับการรับการรักษา ณ จุดเกิดเหตุ และผู้ป่วยจํานวนน้อยที่นําส่งโรงพยาบาล
เยอรมนี ฝรั่งเศส กรีซ มอลต้า ออสเตรีย
ความหมาย
การเจ็บป่วยฉุกเฉินคือ การเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน จําเป็นต้องดําเนินการช่วยเหลือ และการดูแลรักษาทันที
การเจ็บป่วยวิกฤต
Critical ใช้ในผู้ป่วยอาการหนักที่มีอาการรุนแรง หรือขั้นฉุกเฉิน มีอันตราย
เพื่อดํารงรักษาชีวิต มุ่งเน้นแก้ไขอาการที่ปรากฏในครั้งแรก และการป้องกันไม่ให้เข้าสู่สถานการณ์คับขันและประคับประคองให้ความสําคัญกับทุกระบบไม่ให้นําสู่สภาวะที่เป็นปัญหาต่อไป
Crisisใช้กับผู้ป่วยที่อยู่ในสภาวะที่มีสถานการณ์คับขัน เป็นจุดวิกฤตของการเป็นโรค ทําให้มีอาการดีขึ้น หรือตายได้ในทันที
เพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยการรักษา จึงมุ่งเน้นแก้ไขอาการที่ปรากฏอันตราย โดยเฉพาะระบบของร่างกายที่มีการล้มเหลว เพื่อแก้ไขภาวะล้มเหลว หรือรักษาสภาพการทํางานของระบบนั้น
คือ การเจ็บป่วยที่มีความรุนแรงถึงขั้นที่อาจทําให้ผู้ป่วยถึงแก่ชีวิตหรือพิการได้
อุบัติเหตุ (Accident)
อุบัติการณ์ซึ่งเกิดขึ้น โดยไม่คาดหมายมาก่อน ทําให้เกิดการบาดเจ็บตายและการสูญเสียทรัพย์สินโดยที่เราไม่ต้องการ
ผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน
ผู้ที่ทีอาการหนักรุนแรงต้องการการดูแลจากเจ้าหน้าที่ที่มีความชํานาญเฉพาะทาง โดยใช้หลักและกระบวนการพยาบาลที่สมบูรณ์
ลักษณะทางคลินิก
ไม่รู้สึกตัว ชัก เป็นอัมพาต
หยุดหายใจ หายใจช้ากว่า 10 ครั้งต่อนาที หรือเร็วกว่า30ครั้งต่อนาที หายใจลําบากหรือหอบเหนื่อย
คลําชีพจรไม่ได้ หรือชีพจรช้ากว่า 40หรือเร็วกว่า30 ครั้ง/นาที
ความดันโลหิตSystolicต่ำกว่า80มม.ปรอท หรือ Diastolic สูงกว่า 130มม.ปรอท
ตกเลือดเลือดออกมากซีดมาก
เจ็บปวดทุรนทุรายกระสับกระส่าย
ถูกพิษจากสัตว์เช่น งู หรือสารพิษชนิดต่างๆ
แนวทางปฏิบัติในระบบทางด่วน (Fast track) สําหรับผู้ป่วยที่มีภาวะฉุกเฉินเร่งด่วน
หลักทั่วไปในการพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน
ป้องกันและบรรเทาไม่ให้เกิดอาการรุนแรงถึงขั้นวิกฤต
บันทึกเหตุการณ์อาการและการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ เพื่อเป็นประโยชน์ในการรักษาต่อไป
เพื่อช่วยชีวิต เช่น ผู้ป่วยที่มีภาวะหยุดหายใจ หรือหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน ต้องรีบช่วยหายใจโดยการผายปอด ด้วยวิธีการที่เหมาะสม และนวดหัวใจทันที
ส่งต่อรักษา หลังจากให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ป่วยแล้ว ต้องรีบเคลื่อนย้ายนําส่งโรงพยาบาล เพื่อทําการรักษาต่อทันที
หลักการพยาบาลตามบทบาทพยาบาลวิชาชีพงานบริการพยาบาลผู้ป่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉินของสภาการพยาบาลพ.ศ.2552
ดูแลและรักษาสภาวะของผู้ป่วยให้อยู่ระดับปลอดภัย และคงที่โดยการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
รักษาหน้าที่ต่างๆ ของอวัยวะสําคัญของร่างกายให้คงไว้
ค้นหาสาเหตุและ/หรือปัญหาที่ทําให้เกิดภาวะฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุ แล้วดําเนินการแก้ไข
ป้องกันภาวะแทรกซ้อนและติดเชื้อ
ดําเนินการแก้ไขปัญหาที่กําลังคุกคามชีวิตผู้ป่วย
ประคับประคองจิตใจและอารมณ์ของผู้ป่วยและญาติ
การพยาบาลสาธารณภัย
ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสาธารณภัย / ภัยพิบัติ (Disaster)
สาธารณภัย / ภัยพิบัติ (Disaster) หมายถึง ภัยที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเกิดจากธรรมชาติหรือจากการกระทําของมนุษย์แล้วก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตต เกิดความสูญเสียหรือความเสียหายต่อทรัพย์สิน สังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม
ประเภท
อัคคีภัย วาตภัย อุทกภัยภัย ภัยแล้ง
ภัยที่เกิดจากธรรมชาติ เกิดแบบฉับพลัน และเกิดแบบค่อยเป็นค่อยไปเช่น คลื่นยักษ์ ดินถล่ม โรคระบาดในมนุษย์ โรคระบาดสัตว์
ภัยที่เกิดจากคนทํา เกิดอย่างจงใจและเกิดอย่างไม่จงใจ ได้แก่ สารเคมีรั่วไหล รถชน ตึกถล่ม
ภัยทางอากาศ ได้แก่ปล้นเครื่องบิน
การก่อวินาศภัย ได้แก่ ก่อการร้าย กราดยิง วางระเบิด
ภัย (Hazard) หมายถึง เหตุการณ์หรือปรากฏการณ์ใดๆที่สามารถที่ทําให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ความเสียหายต่อทรัพย์สินความเป็นอยู่ และสิ่งแวดล้อม
อุบัติภัย
อุบัติเหตุกลุ่มชน/อุบัติภัยหมู่(MASS CASSUALTIES) หมายถึง อุบัติเหตุที่เกิดกับคนจํานวนมาก ได้รับการเจ็บป่วยจํานวนมาก เกินขีดความสามารถปกติที่โรงพยาบาลจะให้การรักษาพยาบาลได้ ทําให้โรงพยาบาลไม่สามารถปฏิบัติภารกิจเช่นเดิมได้
ลักษณะสําคัญ
เกิดการบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วยของประชาชนจํานวนมาก
มีการทําลายของทรัพยTสินหรือสิ่งแวดล้อม
ทรัพยากรที่มีอยู่ในภาวะปกติไม่เพียงพอที่จะนํามาใช้ควบคู่สถานการณ์
ระบบและกลไกปกติของสังคมถูกทําลายหรือไม่เพียงพอที่จะควบคุมสถานการณ์ได้
ประเภทของอุบัติภัยหมู่
Multiple casualties ทั้งจํานวนและความรุนแรงของผู้ป่วยไม่เกินขีดความสามารถของโรงพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะคุกคามต่อชีวิต(life Threatening) จะได้รับการรักษาก่อน
Mass casualties ทั้งจํานวนและความรุนแรงของผู้ป่วยเกินขีดความสามารถของโรงพยาบาลและทีมผู้รักษาผู้ป่วยที่มีโอกาสรอดชีวิตมากที่สุดโดยใช้เวลาและทรัพยากรน้อยที่สุดจะได้รับการรักษาก่อน
หลักการพยาบาลสาธารณภัย
การเตรียมความพร้อม (Preparedness)
ฝึกอบรมความรู้และทักษะ
ซ้อมแผนและการเตรียมพร้อมของทรัพยากรที่จําเป็น
เตรียมคนให้พร้อม มีแผนที่ตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน
จัดระบบการสื่อสารที่จําเป็นในภาวะฉุกเฉิน
การตอบโต้เหตุการณ์ฉุกเฉิน (Response)
C –CommandS –Safety A, B, S –Safety A, B, C (Personal, Scene, Survivors)
C –Communication
A –Assessment
E :Exactlocation: สถานที่เกิดเหตุที่ชัดเจน
T :Typeofaccident: ประเภทของสาธารณภัย
M : Major incident : เป็นเหตุการณ์สาธารณภัยหรือไม่
H :Hazard: มีอันตราย หรือเกิดอันตรายอะไรบ้าง
A : Access :ข้อมูลการเดินทางเข้า-ออกจากที่เกิดเหตุ
N :Numberofcasualties: จํานวนและความรุนแรงของผู้บาดเจ็บ
E :Emergencyservice: หน่วยฉุกเฉินไปถึงหรือยัง
T –Triage, T –Treatment, T –Transportation
ควบคุมยับยั้งโรคและภัยอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
บูรณะฟื้นฟู (Recovery) เป็นระยะสุดท้ายในการจัดการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข ซึ่งต้องดําเนินไปเรื่อยๆ จนกว่าทุกอย่างจะกลับสู่ภาวะปกติหรือใกล้เคียงกับปกติมากที่สุด
การบรรเทาภัย (Mitigation) กิจกรรมต่าง ๆ ที่ดําเนินการเพื่อลดหรือกําจัดโอกาสในการเกิดหรือลดผลกระทบของการเกิดภัยพิบัติ
เฝ้าระวังหรือระบบการมีข่าวกรองที่ดีในการแจ้งภัยล่วงหน้า
จัดทําข้อมูลพื้นที่เสี่ยงภัย
โครงการบรรเทาภัยก่อนเกิดภัย
บทบาทพยาบาลกับ Fast track
จัดระบบให้มีการทบทวนและพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
ดําเนินงานเพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์ผลการดําเนินงานในภาพรวม
ให้ความช่วยเหลือเมื่อมีความผิดปกติและติดตามการประเมินผลลัพธ์และติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง
ให้การดูแลตามแผนการรักษาภายใต้ระยะเวลาที่จํากัดและจัดการและดูแลขณะส่งต่อ
ประสานงานผู้เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกองค์กร
รายงานแพทย์ผู้รักษาเพื่อตัดสินใจสั่งการรักษา
ประเมินเบื้องต้นโดยใช้ความรู้ ความสามารถเฉพาะโรค
Trauma life support
ระบบการดูแลผู้บาดเจ็บ (Trauma care system)
การดูแลในระยะก่อนถึงโรงพยาบาล (Prehospital care)
มีบุคลากรที่เป็นบุคลากรที่ได้รับการอบรมให้ความรู้ความสามารถ ในการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ การช่วยฟื้นคืนชีพ การจําแนกผู้บาดเจ็บ
ต้องคํานึงถึงความปลอดภัยของสิ่งแวดล้อมเป็นอันดับแรก (scene safety)
การจัดให้มีการดูแลผู้บาดเจ็บ ณ จุดเกิดเหตุ
สามารถนําส่งผู้บาดเจ็บไปสู่โรงพยาบาลได้รวดเร็วและเหมาะสม
สามารถประสานงานกับโรงพยาบาลอย่างเป็นระบบต่อเนื่อง
การดูแลในระยะที่อยู่โรงพยาบาล (Hospital care)
ดูแลรักษาในโรงพยาบาลตั้งแต่การคัดแยก ระบบทางด่วนฉุกเฉิน การวินิจฉัย การรักษาตามความเร่งด่วน
แลในหอผู้ป่วยวิกฤต หอผู้ป่วย การฟื้นฟู ซึ่งทุกขั้นตอนจะต้องกระทําถูกต้องตามหลักวิชาชีพและมีประสิทธิภาพ
การเข้าถึงหรือรับรู้ว่ามีเหตุเกิดขึ้น (Access)
พื้นที่ต้องสามารถเข้าถึงระบบหรือช่องทางนี้ได้
เป็นการมีส่วนร่วมในการดูแลผู้บาดเจ็บ และมีส่วนช่วยเหลือให้ผู้บาดเจ็บได้รับการรักษาดูแลได้ในเวลาอันรวดเร็ว
การเข้าถึงช่องทางสําหรับการติดต่อในการแจ้งเมื่อมีเหตุเกิดขึ้น
ต้องมีหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินเปfนหมายเลขเดียวที่สามาถใช้ได้ทั่วประเทศ
การฟื้นฟูสภาพและการส่งต่อ (Rehabilitation& transfer)
ส่งต่อในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงเกินความสามารถในการรักษา จําเป็นต้องส่งต่อไปยังสถานพยาบาลที่มีศักยภาพสูงกว่าหรือมีความเชี่ยวชาญกว่า
ส่งกลับไปยังโรงพยาบาลเดิมหรือต้นสังกัดเมื่ออาการดีขึ้น
ดูแลต่อเนื่องในรายที่พบปัญหาหรือต้องได้รับการฟื้นฟูเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีภายหลังจากการได้รับการรักษาในโรงพยาบาล
การดูแลผู้บาดเจ็บขั้นต้น
Resuscitation
ช่วยเหลือเพื่อให้ผู้ป่วยพ้นภาวะวิกฤตที่อาจทําให้เสียชีวิตได้
การดูแลทางเดินหายใจ
การช่วยหายใจ
การใส่ท่อช่วยหายใจ
การให้สารละลายทางหลอดเลือดดํา และการห้ามเลือด
Secondary survey
การซักประวัติ
Medication ยาที่ใช้ในปัจจุบัน
Past illness/ Pregnancy การเจ็บป่วยในอดีตและการตั้งครรภ์
Allergies ประวัติการแพ้ยา สารเคมีหรือวัตถุต่างๆ
Last meal เวลาที่รับประทานอาหารครั้งล่าสุด
Event/ Environment related to injury อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้อย่างไร รุนแรงเพียงใด สถานการณ์สิ่งแวดล้อมขณะเกิดเหตุเป็นอย่างไร
การตรวจทางรังสีรักษา การตรวจทางห้องปฏิบัติการ การตรวจพิเศษต่างๆ และตรวจร่างกายอย่างละเอียดหลังจากผู้ป่วยพ้นภาวะวิกฤตแล้ว
การตรวจ Head to toe
Facial
คลํากระดูกใบหน้าให้ทั่วเพื่อหา deformity
Cervical spine and Neck
ใส่ Collar ให้ผู้ป่วยและไม่เคลื่อนไหวคอผู้ป่วยจนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าไม่มีการบาดเจ็บของกระดูกคอจากการ X-ray
Head
ใช้มือคลําให้ทั่วหนังศีรษะเพื่อหาบาดแผลอาจพบแผลฉีกขาด คลําดูกะโหลกศีรษะว่ามีรอยแตกยุบด้วยหรือไม่
Chest
เริ่มจากการมองหารอยช้ํา รอยยุบคลําดูว่ามี Crepitus หรือเจ็บที่จุดใด โดยตรวจให้ทั่วทั้งด้านหน้าและด้านหลัง หากพบ Flail chest ให้คลํา chest wall ให้ทั่วทั้ง Clavicle, Ribs และ Sternum
Abdomen
เริ่มจากการสังเกตดูรอยบาดเจ็บต่างๆ ที่ผิวหนัง เช่นรอยช้้ำ แผลฉีกขาด แผลถูกยิงถูกแทง รวจดูด้านหลังผู้ป่วยด้วยอย่างละเอียด คลําช่องท้องที่เจ็บชัดเจน หรือการแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อท้อง (Guarding) ฟังเสียง Bowel sound
Musculoskeletal and Peripheral vascular assessment
ประเมินบาดแผล การหักงอ บวมผิดรูป ประเมินจุดที่เจ็บ การเคลื่อนไหว คลํา Crepitus
Pelvic fracture
จะตรวจพบ Ecchymosis บริเวณ Iliac wing, Pubis, Labia หรือ Scrotum
Neurological system
เป็นการตรวจระบบประสาทและสมองอย่างละเอียด ประเมิน motor, sensory และต7อง Reevaluationระดับความรู้สึกตัว pupil size Glasgow coma score
Reevaluation
ในระยะแรกที่ดูแลผู้ป่วยที่บาดเจ็บ ควรมีการประเมินร่างกายซ้ําเปfนระยะๆ เพื่อประเมินหาการบาดเจ็บที่อาจตรวจไม่พบในระยะแรก และเป็นการติดตามการเปลี่ยนแปลงอาการของผู้ป่วย
การประเมินผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บเบื้องต้น (Primary Survey)
C Circulation with hemorrhagic control
D Disability (Neurologic Status)
B Breathing and ventilation
E Exposure / environmental control
A Airway maintenance with cervical spine protection
Definitive care
การผ่าตัด Craniotomy
การผ่าตัดหน้าท้อง Exploratory Laparotomy
รักษาหลังจากผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยเบื้องต้นแล้ว
การนอนรักษาตัวในหออภิบาลผู้ป่วยหนัก (Intensive care unit)
ขั้นตอนและวิธีการ
Airway maintenance with cervical spine protection
ป้องกันการบาดเจ็บของ Spinal cord โดยการใส่Cervical collar หรือใช้หมอนทรายวางที่สองข้างของศีรษะไว้ตลอดเวลาจนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มี Cervical spine injury
เมื่อมีปัญหาทางเดินหายใจอุดกั้น แพทย์จะพิจารณาใส่ท่อช่วยหายใจ (Endotracheal intubation) แพทย์ส่วนใหญ่จะใส่ endotracheal ทางปาก
ป้องกันการเคลื่อนไหวของ cervical spine ประคับประคองไม่ให้มี Hyperextension หรือ Hyperflexion หรือ rotating ของคอ
ระเมินซ้ำเป็นระยะ เนื่องจากผู้ป่วย mild head injury บางรายอาจอยู่ในช่วง lucid interval อาจเกิดอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ในเวลาอันรวดเร็วหรือที่เรียกว่า Talk and die
ประเมิน Airway เพื่อหาอาการที่เกิดจากทางเดินหายใจอุดกั้น (Airway obstruction)
Breathing and Ventilation
การดูแลควรเปิดให้เห็นบริเวณคอและทรวงอกเพื่อประเมินตําแหน่งของหลอดลม
วินิจฉัยภาวะผิดปกติตั้งแต่Primary survey pneumothorax
ประเมินการช่วยหายใจและการระบายอากาศเพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนอากาศ เพื่อให้ได้ออกซิเจนและขับคาร์บอนไดออกไซด์
ประเมิน 1.การเปิดดูร่องรอยบาดแผลที่บริเวณทรวงอก 2.ดูการเคลื่อนไหวบริเวณทรวงอก 3.คลํา การเคาะเพื่อตรวจหาการบาดเจ็บ 4.ฟัง Breath sound ทั้งสองข้าง
Circulation and Hemorrhage control
ผิวหนัง
มีผิวหนังเย็น ชื้น เหงื่อออกมาก cyanosis ยกเว้น septic shock ที่ผิวหนังจะอุ่น สีชมพูในระยะแรก
หัวใจและหลอดเลือด
Blood pressureมีความสําคัญเพราะแสดงถึงปริมาณเลือดออกจากหัวใจใน 1 นาที และแรงต้านของหลอดเลือดส่วนปลาย Pulse จะพบชีพจรเบา เร็ว จากระบบ Sympathetic แต่ระยะท้ายชีพจรจะช้า และไม่สม่ำเสมอเนื่องจากหัวใจจะทํางานลดลง Capillary filling time จะพบนานกว่า 1-2 วินาที เพื่อทดสอบการไหลเวียนที่หลอดเลือดส่วนปลาย
อาการทางระบบประสาท
ระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการซึม เชื่องช้า สับสนบางราบมีอาการเอะอะ และสุดท้ายจะหมดสติ การตอบสนองของรูม่านตา (pupils), Glasgow coma scale
ระบบหายใจ
จะพบการหายใจเร็ว และไม่สม่ำเสมอ จาก Acidosisrespiration
ประเมินในระบบไหลเวียนและการหhามเลือด โดยประเมินจากสัญญาณชีพ ระดับความรู้สึกตัว สีผิว อุณหภูมิ รวมถึงปริมาณเลือดที่ออกจากบาดแผล และค้นหาภาวะ Shock
ระบบทางเดินปัสสาวะ
ระยะแรกปัสสาวะจะลดลงเหลือ 30-50 ml./hr. และ 40 ml./hr.
ระบบทางเดินอาหาร
ผู้ป่วยจะกระหายน้ำ น้ำลายน้อยลง ท้องอืด คลื่นไส้อาเจียน ลําไส้บวม และ ไม่ได้ยิน bowel sound
ภาวะกรดด่างของร่างกาย
ร่างกายจะเกิดการเผาผลาญแบบ anaerobic metabolism จนเกิดภาวะ acidosis metabolic ผู้ป่วยจะมีอาการซึม อ่อนเพลีย งุนงง สับสน ไม่รู้สึกตัว หายใจแบบKussmaual
Disability: Neurologic Status
ประเมินจากระดับความรู้สึกตัวซึ่งอาจประเมินได้ตั้งแต่แรกรับผู้ป่วยพร้อม Airway อาจใช้ Glasgow Coma Scale
ประเมินจากAVPU Scale
A Alertหมายถึง ผู้บาดเจ็บรู้สึกตัวดี สามารถพูดโต้ตอบหรือทําตามคําสั่งได้
V Voice/verbal stimuli หมายถึงผู้บาดเจ็บสามารถตอบสนองต่อเสียงเรียกได้
P Painful stimuliหมายถึงผู้บาดเจ็บตอบสนองเมื่อกระตุ้นด้วยความปวด
U Unresponsive หมายถึงผู้บาดเจ็บไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลย
ประเมินระบบประสาทต่อว่าสมองหรือไขสันหลังได้รับบาดเจ็บหรือไม่ลังจากดูแลผู้ป่วย Airway, Breathing, Circulation ที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต (Life threatening injury)
การตรวจประเมินรูม่านตา ปกติพบว่ารูม่านตา (pupils) จะหดเล็กลงเมื่อได้รับแสงสว่างและกลับคืนสู่ขนาดปกติโดยมีอัตราความเร็วแตกต่างกัน (react to light)
Exposure / Environment control
ขณะตรวจในห้องควรจะอบอุ่น เพื่อป้องกันภาวะ Hypothermia ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บหนัก
ต้องทําการพลิกตะแคงตัวผู้บาดเจ็บแบบท่อนซุง (Log roll)ที่ต้องอาศัยผู้ช่วย 3-4 คนในการจัดให้กระดูกสันหลังอยู่ในแนวตรง
ควรถอดเสื้อผ้าออกให้หมดเพื่อค้นหาการบาดเจ็บต่างๆ
การกู้ชีพ (Resuscitation)
Breathing ควรได้รับออกซิเจนเสริมหากไม่ได้ใส่ท่อช่วยหายใจ
Circulation การห้ามเลือดเป็นสิ่งจําเป็นอย่างยิ่งในผู้บาดเจ็บโดยทําร่วมกับการให้สารน้้ำทดแทน
Airway รักษาได้โดยการใส่ท่อช่วยหายใจควรกระทําแต่เริ่มต้นหลังจากที่ช่วยหายใจด้วยออกซิเจน หากใส่ไม่ได้อาจพิจารณาการใส่ท่อด้วยวิธีการทางศัลยกรรม
หลังได้รับสารน้ำหรือเลือดควรประเมินการตอบสนองต่อสารน้ำ
แก้ไขภาวะคุกคามต่อชีวิตหรือที่เปfนอันตรายเร่งด่วน โดยการกู้ชีพจะทําหลังจากการประเมิน เป็นลําดับของ ABC
รักษาผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บภายหลังได้รับการช่วยเหลือขั้นต้นแล้ว (Definitive Care)
เป็นการรักษาจําพาะของการบาดเจ็บแต่ละอวัยวะ ได้แก่การผ่าตัดเพื่อแก้ไขภาวะฉุกเฉินต่างๆ เช;น Intracranial hematoma, Intra-abdominal bleeding