Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
เอกภพและกาแล็กซี่ - Coggle Diagram
เอกภพและกาแล็กซี่
ชนิดของกาแล็กซี่
กาแล็กซีรี (Elliptical Galaxy) มีสัณฐานเป็นทรงรี แบ่งย่อยได้ 8 แบบ ตั้งแต่ E0 - E7 โดย E0 มีความรีน้อยที่สุด และ E7 มีความรีมากที่สุด
กาแล็กซีกังหัน (Spiral Galaxy) แบ่งย่อยเป็น 3 แบบ กาแล็กซีกังหัน Sa มีส่วนป่องหนาแน่น แขนไม่ชัดเจน, กาแล็กซีกังหัน Sb มีส่วนป่องใหญ่ แขนยาวปานกลาง, กาแล็กซีกังหัน Sc มีส่วนป่องเล็ก แขนยาวหนาแน่น
กาแล็กซีกังหันแบบมีคาน หรือ กาแล็กซีกังหันบาร์ (Barred Spiral Galaxy) แบ่งย่อยเป็น 3 แบบ กาแล็กซีกังหันบาร์ SBa มีส่วนป่องใหญ่ไม่เห็นคานไม่ชัดเจน, กาแล็กซีกังหันบาร์ SBb มีส่วนป่องขนาดกลาง เห็นคานได้ชัดเจน, กาแล็กซีกังหันบาร์ SBc มีส่วนป่องเล็กมองเห็นคานยาวชัดเจน
กาแล็กซีลูกสะบ้า หรือ กาแล็กซีเลนส์ (Lenticular Galaxy) เป็นกาแล็กซีที่ไม่มีลักษณะก้ำกึ่งระหว่างกาแล็กซีรีและกาแล็กซีกังหัน กล่าวคือ ส่วนโป่งขนาดใหญ่และไม่มีแขนกังหัน (แบบ S0 หรือ SB0)
กำเนิดกาแล็กซี่
-
ทฤษฎีที่มีความน่าเชื่อถือทฤษฎีหนึ่งอธิบายไว้ว่าในช่วงหลังจากการเกิดการระเบิดครั้งใหญ่สสารจะกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป
ครั้งเริ่มต้นของการเกิดเอกภพจะแตกออกมาเป็นกลุ่มๆภายหลังที่กลุ่มแก๊สเหล่านี้ถูกเหวี่ยงออกมาจากการระเบิดครั้งใหญ่แล้วกลุ่มแก๊สเหล่านี้แต่ละกลุ่มจึงรวมตัวกัน
เพราะแรงดึงดูดระหว่างละอองแก๊สด้วยกันการรวมตัวกันของกลุ่มแก๊สจึงทำให้เกิดดวงดาวแรกขึ้นมาในกลุ่มแก๊ส แก๊สและฝุ่นละอองที่ยังมิได้รวมตัวกันเป็นดวงดาวจะแผ่คลุมอยู่รอบๆเป็นวงแขนโค้งอยู่ห่างออกมาจากใจกลางของกาแล็กซี่
กาแล็กซี่ทางช้างเผือก
กาแล็กซี่ของเราชื่อ "ทางช้างเผือก"(The Milky Way Galaxy) ที่มีชื่อเช่นนี้เป็นเพราะคนไทยถือว่ากษัตริย์เป็นเทวดาซึ่งอวตารมาจากสรวงสวรรค์ ช้างเผือกเป็นสัตว์คู่บุญบารมีของกษัตริย์ทางช้างเผือกจึงปรากฏอยู่บนท้องฟ้าซึ่งเป็นที่อยู่ของเทวดาและนางฟ้าส่วนชาวตะวันตกก็มีตำนานเกี่ยวกับเทพเจ้าเช่นกันจึงมองเห็นเป็นทางน้ำนมไหลพาดผ่านท้องฟ้า
-
-
จนกระทั่งคริสต์ศตวรรษที่18
ได้มีการสร้างกล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่จึงทราบว่า ทางช้างเผือกประกอบด้วยดวงดาวมากมาย
องค์ประกอบของกาแล็กซี่
-
-
-