Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
แนวคิด หลักการการพยาบาลผูhปjวยภาวะฉุกเฉิน และสาธารณภัย - Coggle Diagram
แนวคิด หลักการการพยาบาลผูhปjวยภาวะฉุกเฉิน และสาธารณภัย
ความหมาย
การเจ็บป่วยฉุกเฉิน
การเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน จำเป็นต้องดำเนินการช่วยเหลือ และการดูแลรักษาทันที อาจเกิดจากภาวะต่างๆ เช่น การเกิดโรคในระบบต่างๆ ของร่างกาย การบาดเจ็บ การเกิดโรคติดต่อ และโรคติดเชื้อ เป็นต้น
การเจ็บป่วยวิกฤต
การเจ็บป่วยที่มีความรุนแรงถึงขั้นที่อาจทำให้ผู้ป่วยถึงแก่ชีวิตหรือพิการได
อุบัติเหตุ (Accident)
อุบัติการณ์ซึ่งเกิดขึ้น โดยไม่คาดหมายมาก่อน ทำให้เกิดการบาดเจ็บตายและการสูญเสียทรัพย์สินโดยที่เราไม่ต้องการ
ผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน
ผู้ที่ทีอาการหนักรุนแรงต้องการการดูแลจากเจ้าหน้าที่ที่มีความชำนาญเฉพาะทาง โดยใช้หลักและกระบวนการพยาบาลที่สมบูรณ์ เพื่อให้ผู้ป่วยปลอดภัยจากภาวะคุกคามชีวิต
ลักษณะผู้ป่วยวิกฤต
ผู้ป่วยที่สามารถรักษาได้
ผู้ป่วยที่มีอัตราตายสูง
ผู้ป่วยที่มีแนวโน้มที่จะมีอาการรุนแรง
ผู้ป่วยที่อัตราตายสูง แม้จะได้รับการรักษา
ความรุนแรงของผู้บาดเจ็บจากสาธารณภัย
กลุ่มอาการไม่รุนแรง : เดินได้
กลุ่มอาการหนัก ต้องหามนอนหรือนั่งมา
กลุ่มอาการหนักมาก หรือสาหัสต้องการการรักษาโดยด่วนหรือช่วยชีวิตทันที
ภัยพิบัติ/สาธารณภัย
ความหมาย
ภัย (Hazard) หมายถึง เหตุการณ์หรือปรากฏการณ์ใดๆที่สามารถที่ทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ความเสียหายต่อทรัพย์สินความเป็นอยู่ และสิ่งแวดล้อม
สาธารณภัย / ภัยพิบัติ (Disaster) หมายถึง ภัยที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเกิดจากธรรมชาติหรือจากการกระทำของมนุษย์แล้วก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต เกิดความสูญเสียหรือความเสียหายต่อทรัพย์สิน สังคมเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนภัยอื่นๆ อันมีผลกระทบต่อสาธารณชน ไม่ว่าเกิดจากธรรมชาติ มีผู้ทำให้เกิดขึ้นอุบัติเหตุ หรือเหตุอื่นใด
ตัวอย่าง
สาธารณภัย ได้แก่ อัคคีภัย วาตภัย อุทกภัยภัย ภัยแล้ง
ภัยสาธารณะ เช่น ภัยที่เกิดจากธรรมชาติ เช่น คลื่นยักษ์ ดินถล่ม ภัยที่เกิดจากคนทำ ได้แก่ สาเคมีรั่วไหล รถชน
ภัยทางอากาศ ได้แก่ ปล้นเครื่องบิน
การก่อวินาศภัย ได้แก่ ก่อการร้าย กราดยิง
หลักการพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน
หลักทั่วไป
เพื่อช่วยชีวิต
การป้องกันและบรรเทาไม่ให้เกิดอาการรุนแรงถึงขั้นวิกฤต
การบันทึกเหตุการณ์อาการและการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
การส่งต่อรักษา หลังจากให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ป่วยแล้ว
ประสิทธิภาพในการให้การช่วยเหลือผู้ป่วยแผนกฉุกเฉิน
มีหลักในการอุ้มยกเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากยานพาหนะไปยังห้องพยาบาล
มีการซักประวัติการเจ็บป่วยและอาการสำคัญอย่างละเอียด ในเวลาที่รวดเร็ว
ทำการคัดกรองผู้ป่วยอย่างรวดเร็วแม่นยำ
ให้การรักษาพยาบาลภายใต้นโยบายของโรงพยาบาล และภายในเขตการรับรองของกฎหมาย
ให้การช่วยฟื้นคืนชีพอย่างถูกต้อง
ให้การดูแลจิตใจของผู้ป่วยและญาติ
มีการนัดหมายผู้ป่วยที่ไม่ได้นอนโรงพยาบาลเพื่อให้การรักษาต่อเนื่อง
มีการส่งต่อเพื่อการรักษาทั้งในหอผู้ป่วยในแผนกผู้ป่วยหนัก และภายนอกโรงพยาบาล
ตามสภาการพยาบาล พ.ศ. 2552
ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่กำลังคุกคามชีวิตผู้ป่วย
ค้นหาสาเหตุหรือปัญหาที่ทำให้เกิดภาวะฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุ แล้วดำเนินการแก้ไข
ดูแลและรักษาสภาวะของผู้ป่วยให้อยู่ระดับปลอดภัย และคงที่โดยการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
รักษาหน้าที่ต่างๆ ของอวัยวะสำคัญของร่างกายให้คงไว้
ป้องกันภาวะแทรกซ้อนและติดเชื้อ
ประคับประคองจิตใจและอารมณ์ของผู้ป่วยและญาติ
ประเภทของภัยพิบัต
ภัยที่เกิดจากธรรมชาติ (Natural Disaster)
ภัยที่เกิดจากมนุษยT(Man-made Disaster)
อุบัติภัย
ความหมาย
ภัย (Hazard) หมายถึง เหตุการณ์หรือปรากฏการณ์ใดๆที่สามารถที่ทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ความเสียหายต่อทรัพย์สินความเป็นอยู่ และสิ่งแวดล้อม
อุบัติเหตุกลุ่มชน/อุบัติภัยหมู่ (MASS CASSUALTIES)
อุบัติเหตุที่เกิดกับคนจำนวนมาก ได้รับการเจ็บป่วยจำนวนมาก เกินขีดความสามารถปกติที่โรงพยาบาลจะให้การรักษาพยาบาลได้ ทำให้โรงพยาบาลไม่สามารถปฏิบัติภารกิจเช่นเดิมได้ ต้องมีการระดมพลเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล หรือนอกโรงพยาบาลมาช่วย
ลักษณะสำคัญ
เกิดการบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วยของประชาชนจำนวนมาก
มีการทำลายของทรัพย์สินหรือสิ่งแวดล้อม
ทรัพยากรที่มีอยู่ในภาวะปกติไม่เพียงพอที่จะนำมาใช้ควบคู่สถานการณ์
ระบบและกลไกปกติของสังคมถูกทำลายหรือไม่เพียงพอที่จะควบคุมสถานการณ์ได้
ประเภทของอุบัติภัยหมู่
Multiple casualties ทั้งจำนวนและความรุนแรงของผู้ป่วยไม่เกินขีดความสามารถของโรงพยาบาล ผู้ป่วยที่มีภาวะคุกคามต่อชีวิตจะได้รับการรักษาก่อน
Mass casualties ทั้งจำนวนและความรุนแรงของผู้ป่วยเกินขีดความสามารถของโรงพยาบาลและทีมผู้รักษา ผู้ป่วยที่มีโอกาสรอดชีวิตมากที่สุด โดยใช้เวลาและทรัพยากรน้อยที่สุดจะได้รับการรักษาก่อน
หลักการพยาบาลสาธารณภัย
การบรรเทาภัย (Mitigation) : กิจกรรมต่าง ๆ ที่ดำเนินการเพื่อลดหรือกำจัดโอกาสในการเกิดหรือลดผลกระทบของการเกิดภัยพิบัต
การเตรียมความพร้อม (Preparedness) : การรองรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน เปfนระยะต่อเนื่องจากการบรรเทาภัย โดยการเตรียมคนใหพร้อม มีแผนที่ตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน
การตอบโต้เหตุการณ์ฉุกเฉิน (Response) ต้องมีการดำเนินการทันเมื่อเกิดภัย โดยยึดตามหลัก CSCATT
C – Command
S – Safety A, B, C (Personal, Scene, Survivors)
C – Communication
A – Assessment
T – Triage
T – Treatment
T – Treatment
การควบคุมยับยั้งโรคและภัยอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
การบูรณะฟื้นฟู (Recovery)
พยาบาลกับการจัดการสาธารณภัย
เป็นการพยาบาลที่ต้องนำความรู้และทักษะทางการพยาบาลทั่วไปและด้านการพยาบาลฉุกเฉิน มาประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ที่เกิดสาธารณภัยทั้งในระยะก่อนเกิดขณะเกิด และหลังเกิดภัย เพื่อป้องกันและ/หรือ ลดความสูญเสียที่จะเกิดกับชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งการฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจของผู้ประสบภัยและญาติ รวมถึงการดูแลสิ่งแวดล้อมที่จำเป็นด้วย
หลักการบริหารจัดการในที่เกิดเหตุและรักษาผู้บาดเจ็บ
ตาม Disaster paradigm ประกอบด้วย
D – Detection คือ การประเมินสถานการณ์ว่าเกินกำลังหรือไม่
I - Incident command คือ ระบบการบัญชาเหตุการณ์และผู้ดูภาพรวมของการปฏิบัติการทั้งหมด
S – Safety and Security คือ การประเมินความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานในที่เกิดเหตุ
A – Assess Hazards คือ การประเมินสถานที่เกิดเหตุเพื่อระแวดระวังวัตถุอันตรายต่างๆที่อาจเหลือตกค้างในที่เกิดเหตุ
S – Support คือ การเตรียมอุปกรณ์และทรัพยากรที่จำเป็นต้องใช้ในที่เกิดเหตุ
T – Triage/Treatment คือ การคัดกรองและให้การรักษาที่รีบด่วนตามความจำเป็นของผู้ป่วย โดยการใช้หลักการของMASS Triage Model
E – Evacuation คือ การอพยพผู้บาดเจ็บระหว่างเหตุการณ์
R – Recovery คือ การฟื้นฟูสภาพหลังจากเกิดเหตุการณ์
ลักษณะของการปฏิบัติการพยาบาล
มุ่งลดความเสียหายต่อชีวิตและสุขภาพของประชาชนที่เกิดจากสาธารณภัย
ต้องนำความรู้และทักษะทางการพยาบาลทั่วไปและด้านการพยาบาลฉุกเฉินมาประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ภัยพิบัต
เปfนการปฏิบัติการพยาบาลเพื่อ
ป้องกันและลดความรุนแรงของการบาดเจ็บหรือเจ็บป่วย
มุ่งเน้นด้านการพยาบาลฉุกเฉินแก่ผู้ประสบภัยจำนวนมาก
การฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจของผู้ประสบภัยและญาติ
คุณสมบัติพยาบาลสำหรับจัดการสาธารณภัย
มีความรู้ทางการพยาบาลและมีประสบการณ์การปฏิบัติงานการพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินและวิกฤต
มีความรู้ด้านสาธารณภัย มีความสามารถในการประเมินสถานการณ์และคาดการณ์ถึงปัญหาสุขภาพที่จะเกิดจากสาธารณภัยชนิดต่างๆ
มีทักษะในการตัดสินใจที่ดี มีความเป็นผู้นำ และสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
มีทักษะในการสื่อสาร และการบันทึกข้อมูลต่างๆได้อย่างถูกต้องครบถ้วนชัดเจน
มีวุฒิภาวะที่เหมาะสมกับสถานการณ์
Fast track/Pathway system
EMS (accessibility)
Triage/ Specific triage/ Assessment
Activate system
Flow (purpose-process-performance)
Investigation
Care delivery
Monitoring: early warning signs & E-response
Risk management (general & clinical)
Co-ordination, Communication, Handover
Inter & Intra transportation
Evaluation, output, outcome
Improvement, Innovation, Integration
การจัดระดับความรุนแรง
ความรุนแรงระดับที่ 1 : สาธารณภัยที่เกิดขึ้นทั่วไปหรือมีขนาดเล็ก
ความรุนแรงระดับที่ 2 : สาธารณภัยขนาดกลาง
ความรุนแรงระดับที่ 3 : สาธารณภัยขนาดใหญ่
ความรุนแรงระดับที่ 4 : สาธารณภัยขนาดใหญ่
Trauma life support
Trauma care system
เป็นระบบสำหรับการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บเพื่อให้ได้ใช้แหล่งประโยชน์ที่เหมาะสมและคุ้มค่าลดอัตราการเสียชีวิตที่ป้องกันได้และมีคุณภาพชีวิตที่ดี
ประกอบด้วย
การเข้าถึงหรือรับรู้ว่ามีเหตุเกิดขึ้น (Access) คือ การเข้าถึงช่องทางสำหรับการติดต่อในการแจ้งเมื่อมีเหตุเกิดขึ้น ประชาชนทุกระดับการศึกษา ทุกพื้นที่ต้องสามารถเข้าถึงระบบหรือช่องทางนี้ได้ ถือเปfนการมีส่วนร่วมในการดูแลผู้บาดเจ็บ และมีส่วนช่วยเหลือให้ผู้บาดเจ็บได้รับการรักษาดูแลได้ในเวลาอันรวดเร็ว
การดูแลในระยะก่อนถึงโรงพยาบาล (Prehospital care) คือ การจัดให้มีการดูแลผู้บาดเจ็บ ณ จุดเกิดเหตุโดยมีบุคลากรที่เปfนบุคลากรที่ได้รับการอบรมให้ความรู้ความสามารถ ในการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ การช่วยฟื้นคืนชีพ โดยต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของสิ่งแวดล้อมเป็นอันดับแรก และภายหลังการช่วยเหลือสามารถนำส่งผู้บาดเจ็บไปสู่โรงพยาบาลได้รวดเร็วและเหมาะสม
การดูแลในระยะที่อยู่โรงพยาบาล (Hospital care) คือ การดูแลรักษาในโรงพยาบาลตั้งแต่การคัดแยก ระบบทางด่วนฉุกเฉิน การวินิจฉัย การรักษาตามความเร่งด่วน รวมถึงการดูแลในหอผู้ป่วยวิกฤต หอผู้ป่วย การฟื้นฟู ซึ่งทุกขั้นตอนจะต้องกระทำถูกต้องตามหลักวิชาชีพและมีประสิทธิภาพ
การฟื้นฟูสุขภาพและการส่งต่อ (Rehabilitation & transfer) คือ การดูแลต่อเนื่องในรายที่พบปัญหาหรือต้องได้รับการฟื้นฟู
ด้านการส่งต่อ อาจแบ่งเป็นการส่งต่อในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงเกินความสามารถในการรักษา จำเป็นต้องส่งต่อไปยังสถานพยาบาลที่มีศักยภาพสูงกว่าหรือมีความเชี่ยวชาญกว่า อีกกรณีหนึ่งคือการส่งกลับไปยังโรงพยาบาลเดิมหรือต้นสังกัดเมื่ออาการดีขึ้น
การดูแลผู้บาดเจ็บขั้นต้น
1.Primary Survey
เป็นการตรวจประเมินพยาธิสภาพหรือการเปลี่ยนแปลง ต้องเรียงลำดับความสำคัญของการบาดเจ็บและภาวะคุกคามแก่ชีวิตให้ดี
ตามลำดับ ABCDE มีขั้นตอนดังนี้
A Airway maintenance with cervical spine protection
B Breathing and ventilation
C Circulation with hemorrhagic control
D Disability (Neurologic Status)
E Exposure / environmental control
Resuscitation
เป็นการช่วยเหลือเพื่อให้ผู้ป่วยพ้นภาวะวิกฤตที่อาจทำให้เสียชีวิตได้ เช่นการใส่ท่อช่วยหายใจ
Secondary survey
เป็นการตรวจร่างกายอย่างละเอียดหลังจากผู้ป่วยพ้นภาวะวิกฤตแล้ว ได้แก่ การซักประวัติ การตรวจ Head to toe การตรวจทางรังสีรักษา การตรวจทางห้องปฏิบัติการ การตรวจพิเศษต่างๆ เช่น การส่งทำ CT scan เป็นต้น
Definitive care
เป็นการรักษาหลังจากผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยเบื้องต้นแล้ว
Primary survey: ขั้นตอนและวิธีการ
Airway maintenance with cervical spine protection
เริ่มต้นจากการประเมิน Airway และทำการ clear airway
เปิดทางเดินหายใจให้โล่งโดยใช้วิธีการ Head-tilt Chin-lift, กรณีผู้ป่วยที่สงสัยหรือได้รับอุบัติเหตุให้ทำการเปิดทางเดินหายใจด้วยวิธี jaw-thrust maneuver, modified jaw thrust, Triple airway maneuver โดยต้องป้องกันการบาดเจ็บของ Cervical spine ตลอดเวลา
ผู้ป่วย mild head injury บางรายอาจอยู่ในช่วง lucid interval อาจเกิดอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ในเวลาอันรวดเร็วหรือที่เรียกว่า Talk and die ส่วนผู้ป่วย severe head injury ที่ Glasgow coma score น้อยกว่า 8 หรือ อยู่ในอาการ Coma ควรให้การ definitive care ทุกราย
ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บกระดูกสันหลังส่วนคอ (Cervical spine injury)ควรป้องกันการบาดเจ็บของ Spinal cord โดยการใส; Cervical collar หรือใช้หมอนทรายวางที่สองข้างของศีรษะไว้ตลอดเวลาจนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มี Cervical spine injury จึงสามารถถอด Collar ได้
ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บ multiple injury หรือมี blunt trauma เหนือ Clavicle ควรคิดว่าอาจมีCervical spine injury ร่วมด้วยเสมอ
ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บเมื่อมีปัญหาทางเดินหายใจอุดกั้น แพทย์จะพิจารณาใส่ท่อช่วยหายใจ (Endotracheal intubation) การใส่ Endotracheal tube ต้องทำการแหงนคอผู้ป่วยจึงอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บและเกิดการกดทับไขสันหลังระดับคอ (Cervical cord)
Circulation and Hemorrhage control
อาการทางระบบประสาท ประกอบด้วย ระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการซึม เชื่องช้า สับสน บางราบมีอาการเอะอะ และสุดท้ายจะหมดสติ การตอบสนองของรูม่านตา (pupils), Glasgow coma scale
ผิวหนัง ผู้ป่วยจะมีผิวหนังเย็น ชื้น เหงื่อออกมาก cyanosis ยกเว้น septic shock ที่ผิวหนังจะอุ่น สีชมพูในระยะแรก
หัวใจและหลอดเลือด BP ไม่ควรต่ำกว่า 90/60 mm.Hg.
Pulse จะพบชีพจรเบา เร็ว จากระบบ Sympathetic แต้ระยะท้ายชีพจรจะช้า และไม่สม่ำเสมอ
Capillary filling time จะพบนานกว;า 1-2 วินาที
Central venous pressure เท;ากับ 7-8 cm.H2O
ระบบหายใจ จะพบการหายใจเร็ว และไม่สม่ำเสมอ จาก Acidosis respiration
ระบบทางเดินปัสสาวะ เมื่อเกิดภาวะไตวายปัสสาวะจะออกน้อยกว่า 20 ml./hr. ควรดูแลไม่ให้ต่ำกว่า 30 ml./hr
ระบบทางเดินอาหาร ผู้ป่วยจะกระหายน้ำ น้ำลายน้อยลง ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน ลำไส้บวม และ ไม่ได้ยิน bowel sound
ภาวะกรดด่างของร่างกาย ร่างกายจะเกิดการเผาผลาญแบบ anaerobic metabolism จนเกิดภาวะ acidosis metabolic ผู้ป่วยจะมีอาการซึม อ่อนเพลีย งุนงง สับสน ไม่รู้สึกตัว หายใจแบบ Kussmaual
Hypovolemic shock ผู้บาดเจ็บที่อยู่ในภาวะ Shock ส่วนใหญ่ความดันโลหิตจะต่ำลงชัดเจน เมื่อพบผู้ป่วยเสียเลือดเสี่ยงเกิดภาวะ Shock หรืออยู่ในภาวะ Shockควรบริหารสารน้ำ ในระยะแรกควรพิจารณาให้สารน้ำกลุ่ม Crystalloid ได้แก่ Ringer’s lactate หรือ Acetar
การเสียเลือดที่มองไม่เห็นแล้วผู้ป่วยเกิดอาการ Shock พยาบาลควรหาตำแหน่งที่อาจมีการเสียเลือดและพึงระลึกเสมอว่าอาจเกิดการเสียเลือดในส่วนต่างๆของร่างกายได้มากกว่า 1 แห่งเช่น ในช่องอก ช่องท้อง อุ้งเชิงกราน ต้นขา
Breathing and Ventilation
ปัญหาการหายใจที่พบบ่อยในการทำ primary survey
Tension pneumothorax, Flail
chest with pulmonary contusion, Massive hemothorax, Open pneumothorax
ประเมินจาก
การเปิดดูร่องรอยบาดแผลที่บริเวณทรวงอก
ดูการเคลื่อนไหวบริเวณทรวงอก
คลำ การเคาะเพื่อตรวจหาการบาดเจ็บ
ฟัง Breath sound ทั้งสองข้าง
4.Disability: Neurologic Status
เป็นการประเมินระบบประสาทว่าสมองหรือไขสันหลังได้รับบาดเจ็บหรือไม่ หลังจากดูแลผู้ป่วย Airway, Breathing, Circulation ที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตแล้ว
การประเมิน AVPU Scale
การใช้ CPOMR Scale ได้แก่ Level of conscious, pupil, ocular movement, motor, respiration หรือ Revision trauma scale
Exposure / Environment control
ควรถอดเสื้อผ้าออกให้หมดเพื่อค้นหาการบาดเจ็บต่างๆ อื่นๆ ในผู้ป่วยที่บาดเจ็บหนักอาจใช้กรรไกรในการตัดเสื้อและกางเกงออกเพื่อจะได้ตรวจร่างกายอย่างถูกต้อง ขณะตรวจในห้องควรจะอบอุ่น เพื่อป้องกันภาวะ Hypothermia
ในขั้นตอนนี้จำเป็นต้องทำการพลิกตะแคงตัวผู้บาดเจ็บแบบท่อนซุง (Log roll) ที่ต้องอาศัยผู้ช่วย 3-4 คนในการจัดให้กระดูกสันหลังอยู่ในแนวตรง เพื่อการตรวจร่างกายและเป็นการป้องกันการได้รับบาดเจ็บของกระดูกสันหลัง
วิธีการตรวจ bulbocarvernosus reflex โดยผู้ตรวจใช้นิ้วมือสอดเข้าไปในทวารหนักผู้บาดเจ็บ (per rectum) จากนั้นบีบที่บริเวณหัวอวัยวะเพศชาย(glans penis) หรือกระตุ้น clitorisในเพศหญิง ถ้าพบว่าหูรูดทวารหนักมีการหดรัดตัวรอบนิ้วมือ แสดงว่าการตรวจให้ผลบวก
การกู้ชีพ (Resuscitation)
คือ การแก้ไขภาวะคุกคามต่อชีวิตหรือที่เป็นอันตรายเร่งด่วน โดยการกู้ชีพจะทำหลังจากการประเมิน เป็นลำดับของ ABC ดังนี้
Airway ภายหลังจากการประเมิน การทำ Definitive airway ในผู้บาดเจ็บที่มีปัญหาการหายใจ สามารถรักษาได้โดยการใส่ท่อช่วยหายใจ
Breathing ผู้บาดเจ็บทุกรายควรได้รับออกซิเจนเสริมหากไม่ได้ใส่ท่อช่วยหายใจ ผู้บาดเจ็บควรได้รับออกซิเจนผ่านหน้ากาก (reservoir face mask) ที่เหมาะสมกับหน้าพอดีด้วย flow rate 11 L/min
Circulation การห้ามเลือดเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในผู้บาดเจ็บโดยทำร่วมกับการให้สารน้ำทดแทน เมื่อทำการเปิดเส้นเลือดแล้วควรเก็บเลือดส่งตรวจเพื่อช่วยในการประเมินความผิดปกติที่เกิดขึ้น
การให้สารน้ำและเลือด
อย่างน้อยควรเปิดหลอดเลือดดำด้วยเข็มขนาดใหญ่และสั้น 2 เส้น เบอร์ 18,16,14
หลีกเลี่ยงแทงเส้นใต้ตำแหน่งของแขนขาที่ได้รับบาดเจ็บ
กรณีสงสัยว่ามีเลือดออกในช่องท้อง หลีกเลี่ยงการให้สารน้ำที่ขา
ให้สารน้ำที่เปfน Balance salt solution
หากอาการทรุดลง ไม่ตอบสนองพิจารณาการให้เลือดกรุํป โอ
ไม่ควรให้เลือดร่วมกับ Lactated Ringer's solution, acetar
หลังได้รับสารน้ำหรือเลือดควรประเมินการตอบสนองต่อสารน้ำ
Secondary Survey
History
การซักประวัติอาจจะได้จากตัวผู้ป่วยเอง โดยใช้หลัก AMPLE ประกอบด้วย
Allergies ประวัติการแพ้ยา สารเคมีหรือวัตถุต่างๆ
Medication ยาที่ใช้ในปัจจุบัน
Past illness/ Pregnancy การเจ็บป่วยในอดีตและการตั้งครรภ์
Last meal เวลาที่รับประทานอาหารครั้งล่าสุด
Event/ Environment related to injury อุบัติเหตุเกิดขึ้นได7อย่างไร รุนแรงเพียงใด
Event/ Environment related to injury อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้อย่างไร รุนแรงเพียงใด
กลไกการบาดเจ็บเป็นสิ่งที่ทำให้สามารถคาดเดาลักษณะการบาดเจ็บของผู้ป่วยได้ แบ่งได้ 2 ชนิดคือ
Blunt trauma ส่วนใหญ่เกิดจากอุบัติเหตุจราจร พลัดตกที่สูง
Penetrating trauma เกิดจากอาวุธปืน มีด
การประเมินสภาพผู้ป่วยอย่างละเอียด มักทำหลังจาก primary survey และ Resuscitation จน Vital function เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว เพื่อให้ได้ Definite diagnosis ประกอบด้วยการซักประวัติ รวม Mechanism of Injury การตรวจร่างกาย Head to toe และการตรวจพิเศษต่างๆ เช่น X-ray Laboratory
Physical Examination
Head ในการตรวจหนังศีรษะให้ใช้มือคลำให้ทั่วหนังศีรษะเพื่อหาบาดแผล อาจพบแผลฉีกขาด หากมีการเสียเลือดจากบาดแผลมากควรเย็บแผลชั่วคราว
Facial ควรคลำกระดูกใบหน้าให้ทั่วเพื่อหา deformity ที่อาจบ่งบอก facial fracture
Cervical spine and Neck ควรคำนึงถึง cervical spine injury พยาบาลจะใส่ Collar ให้ผู้ป่วยและไม่เคลื่อนไหวคอผู้ป่วยจนกว่าจะทราบผล x-ray
Chest การตรวจจะเริ่มจากการมองหารอยช้ำ รอยยุบ คลำดูว่ามี Crepitus หรือเจ็บที่จุดใด โดยตรวจให้ทั่วทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยหากพบ
Media sternum กว้าง บ่งว่าอาจมีการบาดเจ็บของหลอดเลือดในช่องอก (Rupture Aorta)
กะบังลมยกสูงผิดปกติหรือเห็นเงากระเพาะอาหารในช่องอก บ่งว่าผู้ป่วยกะบังลมฉีกขาด
เงาอากาศในช่องท้องใต้กะบังลมบ่งชี้ว่ามีการบาดเจ็บของกระเพาะอาหารหรือลำไส
Abdomen ในผู้ป่วยที่บาดเจ็บและเกิดภาวะ Shock ให้สงสัยการบาดเจ็บในช่องท้องและมีการเสียเลือดเกิดขึ้นตรวจดูด้านหลังผู้ป่วยด้วยอย่างละเอียด ตรวจคลำว่าส่วนใดของช่องท้องที่เจ็บชัดเจน หรือ Guarding ฟังเสียง Bowel sound เสียง Bruit ซึ่งบ่งชี้ถึงการบาดเจ็บต่อหลอดเลือด
Musculoskeletal and Peripheral vascular assessment การบาดเจ็บแขนขาจะประเมินบาดแผล การหักงอ บวมผิดรูป ประเมินจุดที่เจ็บ การเคลื่อนไหว คลำ Crepitus หากสงสัยว่ามีการบาดเจ็บกระดูก
Pelvic fracture จะตรวจพบ Ecchymosis บริเวณ Iliac wing, Pubis, Labia หรือ Scrotum และ เมื่อตรวจ Pelvic compression ผู้ป่วยจะมี pain on palpation และมี sign of unstability
Neurological system เป็นการตรวจระบบประสาทและสมองอย่างละเอียด ประเมิน motor, sensory และต้อง Reevaluation ระดับความรู7สึกตัว pupil size Glasgow coma score
Reevaluation ในระยะแรกที่ดูแลผู้ป่วยที่บาดเจ็บ ควรมีการประเมินร่างกายซ้ำเป็นระยะๆ เพื่อประเมินหาการ
บาดเจ็บที่อาจตรวจไม่พบในระยะแรก และเป็นการติดตามการเปลี่ยนแปลงอาการของผู้ป่วย
การรักษาผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บภายหลังได้รับการช่วยเหลือขั้นต้นแล้ว (Definitive Care)
เป็นการรักษาอย่างจริงจังหลังจากได้ทำ secondary survey เรียบร้อยแล้ว เพื่อแก้ไขพยาธิสภาพโดยตรง เป็นการรักษาจำเพาะของการบาดเจ็บแต่ละอวัยวะ ได้แก่การผ่าตัดเพื่อแก้ไขภาวะฉุกเฉินต่างๆ เช่น Intracranial hematoma, Intra-abdominal bleeding รวมทั้ง multiple organ injury เป็นต้น