Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
แนวคิด หลักการการพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน และสาธารณภัย, นางสาวณัฐกานต์…
แนวคิด หลักการการพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน และสาธารณภัย
แนวคิด หลักการพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน
ผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน
ความดันโลหิต Systolic ต่ำกวjา 80 มม.ปรอท หรือ Diastolic สูงกว่า 140 มม.ปรอท
ตกเลือดเลือดออกมากซีดมาก
เจ็บปวดทุรนทุรายกระสับกระส่าย
มือเท้าซีดเย็น เหงื่อออกมาก
ไม่รู้สึกตัว ชัก เป็นอัมพาต
หยุดหายใจ หายใจช้ากว่า 10 ครั้ง/นาที หรือเร็วกว่า 30 ครั้ง/นาที
อุณหภูมิของร่างกายต่ำกว่า 35 เซลเซียส/สูงกว่า 40 เซลเซียส
ถูกพิษจากสัตว์ เช่น งู หรือสารพิษชนิดต่างๆ
แนวคิด
Franco-German Model (FGM)
Anglo-American Model (AAM)
ผู้ป่วยมีภาวะเจ็บป่วยวิกฤต เป็นผู้ที่กำลัง ประสบภาวะคุกคามต่อชีวิตทางด้านร่างกาย (Life-threatening) ดังนั้นพยาบาลจึงมีบทบาทหน้าที่ในการให้ การดูแลผู้ป่วยให้ผ่านพ้ภาวะวิกฤติของชีวิต
ลักษณะของผู้ป่วยวิกฤต
ผู้ป่วยที่มีแนวโน้มที่จะมีอาการรุนแรง
ผู้ป่วย myocardialin farction
ผู้ป่วยที่มีอัตราตายสูง
ผู้ป่วยSeptic Shock
ผู้ป่วยที่อัตราตายสูง แม้จะได้รับการรักษา
ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย
ผู้ป่วยที่สามารถรักษาได้
ผู้ป่วยที่หมดสติ
ผู้ป่วยที่มีระบบการหายใจล้มเหลว
หลักการพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน
เพื่อช่วยชีวิต
การป้องกันและบรรเทาไม่ให้เกิดอาการรุนแรงถึงขั้นวิกฤต
การบันทึกเหตุการณ์อาการและการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
ส่งต่อรักษา หลังจากให้การช่วยเหลือเบื้องต้น
หลักการพยาบาลตามบทบาทพยาบาลวิชาชีพของสภาการพยาบาล พ.ศ. 2552
ดูแลและรักษาสภาวะของผู้ป่วยให้อยู่ระดับปลอดภัย
รักษาหน้าที่ต่างๆ ของอวัยวะสำคัญของร่างกายให้คงไว
ค้นหาสาเหตุหรือปัญหาที่ทำให้เกิดภาวะฉุกเฉินแล้วดำเนินการแก้ไข
ป้องกันภาวะแทรกซ้อนและติดเชื้อ
ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่กำลังคุกคามชีวิตผู้ป่วย
ประคับประคองจิตใจและอารมณ์ของผู่ป่วยและญาติ
การพยาบาลสาธารณภัย
ระดับความรุนแรงของสาธารณภัยทางสาธารณสุข
ความรุนแรงระดับที่ 3 : สาธารณภัยขนาดใหญ
ความรุนแรงระดับที่ 2 : สาธารณภัยขนาดกลาง
ความรุนแรงระดับที่ 4 : สาธารณภัยขนาดใหญ่
ความรุนแรงระดับที่ 1 : สาธารณภัยที่เกิดขึ้นทั่วไปหรือมีขนาดเล็ก
ตัวอย่างภัยพิบัติและผลกระทบของภัยพิบัต
ภัยสาธารณะ
ภัยที่เกิดจากธรรมชาติ
คลื่นยักษ์ ดินถล่ม
โรคระบาดในมนุษย์และสัตว์
ภัยที่เกิดจากคนทำ
สาเคมีรั่วไหล
ตึกถล่ม
รถชน
ภัยทางอากาศ
ปล้นเครื่องบิน
การก่อวินาศภัย
กราดยิง วางระเบิด
ก่อการร้าย
สาธารณภัย
วาตภัย
อุทกภัยภัย
อัคคีภัย
ภัยแล้ง
หมายถึง ภัยที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเกิดจากธรรมชาติหรือจากการ กระทำของมนุษยTแล้วก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต เกิดความสูญเสียหรือความเสียหายต่อทรัพย์สิน สังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนภัยอื่นๆ
อันมีผลกระทบต่อสาธารณชน
หลักการพยาบาลสาธารณภัย
การบรรเทาภัย (Mitigation)
การจัดทำข้อมูลพื้นที่เสี่ยงภัย การเฝ้าระวังในการแจ้งภัยล่วงหน้า
การเตรียมความพร้อม (Preparedness)
การเตรียมคนให้พร้อม มีแผนที่ตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน มีการฝึกอบรมความรู้และทักษะ รวมถึงการซ้อมแผนและการเตรียมพร้อมของทรัพยากรที่จำเป็น
3.การตอบโต้เหตุการณ์ฉุกเฉิน (Response)
C – Command
S – Safety A, B, C (Personal, Scene, Survivors)
C – Communication
A – Assessment
T : Type of accident : ประเภทของสาธารณภัย
H : Hazard : มีอันตราย หรือเกิดอันตรายอะไรบ้าง
E : Exact location : สถานที่เกิดเหตุที่ชัดเจน
A : Access : ข้อมูลการเดินทางเข้า-ออกจากที่เกิดเหตุ
M : Major incident : เปfนเหตุการณ์สาธารณภัยหรือไม่
N : Number of casualties: จำนวนและความรุนแรงของผู้บาดเจ็บ
E : Emergency service : หน่วยฉุกเฉินไปถึงหรือยัง
T – Triage
T – Treatment
T – Transportation
การบูรณะฟืนฟู (Recovery)
การควบคุมยับยั้งโรคและภัยอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
หลักการบริหารจัดการในที่เกิดเหตุและรักษาผู้บาดเจ็บ
ตาม Disaster paradigm
S – Safety and Security คือ การประเมินความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานในที่เกิดเหตุ
A – Assess Hazards คือ การประเมินสถานที่เกิดเหตุ
I - Incident command คือ ระบบการบัญชาเหตุการณ์และดูภาพรวมของทั้งหมด
D – Detection คือ การประเมินสถานการณ์ว่าเกินกำลังหรือไม
S – Support คือ การเตรียมอุปกรณ์และทรัพยากรที่จำเป็นต้องใช้ในที่เกิดเหตุ
T – Triage/Treatment คือ การคัดกรองและให้การรักษาที่รีบด่วน
โดยการใช้หลักการของMASS Triage Model
E – Evacuation คือ การอพยพผู7บาดเจ็บระหว่างเหตุการณ์
R – Recovery คือ การฟืนฟูสภาพหลังจากเกิดเหตุการณ์
ลักษณะของการปฏิบัติการพยาบาลในสถานการณ์สาธารณภัย
เป็นการปฏิบัติการพยาบาลเพื่อ
มุ่งเน้นด้านการพยาบาลฉุกเฉินแก่ผู้ประสบภัย
การฟืนฟูสภาพร่างกายและจิตใจของผู้ประสบภัยและญาติ
ป้องกันและลดความรุนแรงของการบาดเจ็บ
ต้องนำความรู้และทักษะทางการพยาบาลทั่วไปและด้านการพยาบาลฉุกเฉินมาประยุกต์ใช้
มุ่งลดความเสียหายต่อชีวิตและสุขภาพของประชาชนที่เกิดจากสาธารณภัย
คุณสมบัติพยาบาลสำหรับจัดการสาธารณภัย
มีความรู้ด้านสาธารณภัย
มีความรู้ทางการพยาบาลและมีประสบการณ์การปฏิบัติงานการพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินและวิกฤต
มีทักษะในการตัดสินใจที่ดี มีความเป็นผู้นำ และสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้
มีทักษะในการสื่อสาร และการบันทึกข้อมูลต่างๆ
มีวุฒิภาวะที่เหมาะสมกับสถานการณ์
แนวทางปฏิบัติในระบบทางด่วน (Fast track) สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะฉุกเฉินเรงด่วน
เป็นแนวทางของระบบบริการสุขภาพที่ช่วยนำผู้ป่วยให้เข้าถึงบริการที่มีคุณภาพตามมาตรฐานอย่าง ทันเวลา และลดระยะเวลาการรักษาในผู้ป่วยกลุ่มอุบัติเหตุ ฉุกเฉิน เพื่อลดอัตราการเสียชีวิต ทุพพลภาพ และความพิการ
แนวทางปฏิบัติของแต่ละสถานพยาบาล
ฝึกอบรมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้มีความรู้และสามารถดำเนินการตามระบบทางด่วน
แผนการปฏิบัติต้องเน้นย้ำเวลาเป็นสำคัญ
จัดทำรายการตรวจสอบ (check list) สำหรับการลงข้อมูล ตรวจสอบข้อมูลต่างๆ
จัดทำแนวปฏิบัติ ลำดับการปฏิบัติในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยพร้อมกำหนดหน้าที่ต่างๆของผู้ที่เกี่ยวข้อง
จัดทำแผนภูมิการดูแลผู้ป่วย พร้อมกำหนดลักษณะผู้ป่วยที่มีภาวะฉุกเฉิน
กำหนด clinical indicator เพื่อการติดตามและประเมินผล
การจัดทำควรเปfนทีมสหสาขาวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง
มาร่วมดำเนินการ
บทบาทพยาบาลกับ Fast track
บทบาทพยาบาลกับระบบทางด่วน (Fast track)
การจัดการและดูแลขณะส่งต่อ
การให7การดูแลตามแผนการรักษาภายใต้ระยะเวลาที่จำกัด
การประสานงานผู้เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกองค์กร
การติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง
การรายงานแพทย์ผู้รักษาเพื่อตัดสินใจสั่งการรักษา
การให้ความช่วยเหลือเมื่อมีความผิดปกติและติดตามการประเมินผลลัพธ์
การประเมินเบื้องต้นโดยใช้ความรู้ ความสามารถเฉพาะโรค
การดำเนินงานเพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์ผลการดำเนินงานในภาพรวม
การจัดระบบให้มีการทบทวนและพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
บทบาทพยาบาลในระบบทางด่วน
(Fast track)
EMS (accessibility)
Triage/ Specific triage/ Assessment
Activate system
Flow (purpose-process-performance)
Investigation
Care delivery
Monitoring: early warning signs & E-response
Risk management (general & clinical)
Co-ordination, Communication, Handover
Inter & Intra transportation
Evaluation, output, outcome
Improvement, Innovation, Integration
Trauma life support
ระบบการดูแลผู้บาดเจ็บ เป็นระบบสำหรับการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อให้ได้ใช้แหล่งประโยชน์ที่เหมาะสมและคุ้มค่า ลดอัตราการเสียชีวิตที่ป้องกันได้และมีคุณภาพชีวิตที่ดี
มีรายละเอียด ดังนี้
การดูแลในระยะก่อนถึงโรงพยาบาล (Prehospital care)ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของสิ่งแวดล้อมเปìนอันดับแรก (scene safety)
การเข้าถึงหรือรับรู้ว่ามีเหตุเกิดขึ้น (Access)
การดูแลในระยะที่อยู่โรงพยาบาล (Hospital care)
การฟuvนฟูสภาพ และการส่งต่อ (Rehabilitation & transfer)
การดูแลผู้บาดเจ็บขั้นต้น
Resuscitation เปfนการช่วยเหลือเพื่อให้ผู้ป่วยพ้นภาวะวิกฤต
การประเมินผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บเบื้องต้น (Primary Survey)
B : Breathing and ventilation
C : Circulation with hemorrhagic control
A : Airway maintenance with cervical spine protection
D : Disability (Neurologic Status)
E : Exposure / environmental control
Secondary survey เป็นการตรวจร่างกายอย่างละเอียดหลังจากผู้ป่วยพ้นภาวะวิกฤตแล้ว
Definitive care เป็นการรักษาหลังจากผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยเบื้องต้นแล้ว
Primary survey: ขั้นตอนและวิธีการ
Airway maintenance with cervical spine protection
เปิดทางเดินหายใจให้โล่งโดยใช้วิธีการ Head-tilt Chin-lift
Breathing and Ventilation
เป็นการประเมิน การช่วยหายใจและการระบายอากาศเพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนอากาศ
โดยประเมินจาก
การเปิดดูร่องรอยบาดแผลที่บริเวณทรวงอก
ดูการเคลื่อนไหวบริเวณทรวงอก
คลำ การเคาะเพื่อตรวจหาการบาดเจ็บ
ฟัง Breath sound ทั้งสองข้าง
Circulation and Hemorrhage control
อาการทางระบบประสาท
ระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการซึม เชื่องช้า สับสน บางราบมีอาการเอะอะ และสุดท้ายจะหมดสติ การตอบสนองของรูม่านตา (pupils) , Glasgow
coma scale
ผิวหนัง
ผิวหนังเย็น ชื้น เหงื่อออกมาก cyanosis ยกเว้น septic shock ที่ผิวหนังจะอุ่น สีชมพูในระยะแรก
หัวใจและหลอดเลือด
Blood pressure,Pulse จะพบชีพจรเบา เร็วแต่ระยะท้ายชีพจรจะช้า และไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากหัวใจจะทำงานลดลง,Central venous pressure เท่ากับ 7-8 cm.H2O
ระบบหายใจ
การหายใจเร็ว และไม่สม่ำเสมอ
ระบบทางเดินปัสสาวะ
ระยะแรกปัสสาวะจะลดลงเหลือ 30-50 ml./hr. และ 40 ml./hr.
ภาวะไตวายปัสสาวะจะออกน้อยกว่า 20 ml./hr.
ระบบทางเดินอาหาร
ผู้ป่วยจะกระหายน้ำ น้ำลายน้อยลง ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน ลำไส้บวม และ ไม่ได้ยิน bowel sound
ภาวะกรดด่างของร่างกาย
มีอาการซึม อ่อนเพลีย งุนงง สับสน ไม่รู้สึกตัว หายใจแบบ Kussmaual
Disability: Neurologic Status
เป็นการประเมินระบบประสาทต่อว่าสมองหรือไขสันหลังได้รับบาดเจ็บหรือไม่หลังจากดูแลผู้ป่วย Airway, Breathing, Circulation ที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต (Life threatening injury)
ประเมินจาก AVPU Scale
A Alert :ผูhบาดเจ็บรู้สึกตัวดี สามารถพูดโต้ตอบหรือทำตามคำสั่งได้
V Voice/verbal stimuli : ผู้บาดเจ็บสามารถตอบสนองต่อเสียงเรียกได้
P Painful stimuli : ผู้บาดเจ็บตอบสนองเมื่อกระตุ้นด้วยความปวด
U Unresponsive : ผู้บาดเจ็บไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลย
การตรวจประเมินรูม่านตา
การขยายรูม่านตาที่ไม่เท่ากัน โตเพียงข้างเดียว ข้างที่มีขนาดใหญ่ไม่มีปฏิกิริยาต่อแสง
Exposure / Environment control
ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บหนัก ควรถอดเสื้อผ้าออกให้หมด
เพื่อค้นหาการบาดเจ็บต่างๆ อื่นๆ
การพลิกตะแคงตัวผู้บาดเจ็บแบบท่อนซุง (Log roll)
การกู้ชีพ (Resuscitation)
ต้องประเมิน เป็นลำดับของ ABC
Airway ภายหลังจากการประเมิน การทำ Definitive airway ในผู้บาดเจ็บที่มีปัญหาการหายใจ
Breathing ผู้บาดเจ็บทุกรายควรได้รับออกซิเจนเสริมหากไม่ได้ใส่ท่อช่วยหายใจ
Circulation การห้ามเลือดเป็นสิ่งจำเปfนอย่างยิ่งในผู้บาดเจ็บโดยทำร่วมกับการให้สารน้ำทดแทน
History
Allergies ประวัติการแพ้ยา สารเคมีหรือวัตถุต่างๆ
Medication ยาที่ใช้นปัจจุบัน
Medication ยาที่ใช้ในปจจุบัน
Last meal เวลาที่รับประทานอาหารครั้งล่าสุด
Event/ Environment related to injury อุ
กลไกการบาดเจ็บเป็นสิ่งที่ทำให้สามารถคาดเดาได้
กลไกการบาดเจ็บเปfนสิ่งที่ทำให้สามารถคาดเดาได้
Blunt trauma ส่วนใหญ่เกิดจากอุบัติเหตุจราจร พลัดตกจากที่สู
Penetrating trauma เกิดจากอาวุธปืน มีด ปัจจัยที่กำหนดชนิดและความรุนแรงของการบาดเจ็บ
Physical Examination
Head ในการตรวจหนังศีรษะให้ใช้มือคลำให้ทั่วหนังศีรษะเพื่อหาบาดแผล
Facial ควรคลำกระดูกใบหน้าให่ทั่ว
Cervical spine and Neck ผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัวทุกรายที่มีการบาดเจ็บศีรษะควรคำนึงถึง cervical spine injury พยาบาลจะใส่ Collar
Chest การตรวจจะเริ่มจากการมองหารอยช้ำ รอยยุบ คลำดูว่า
มี Crepitus หรือเจ็บที่จุดใด
Abdomen ในผู7ป่วยที่บาดเจ็บและเกิดภาวะ Shock ให้สงสัยการบาดเจ็บในช่องท7องและมีการเสียเลือดเกิดขึ้น
Musculoskeletal and Peripheral vascular assessment การบาดเจ็บแขนขาจะประเมินบาดแผล การหักงอ บวมผิดรูป ประเมินจุดที่เจ็บ การเคลื่อนไหว
Neurological system เปfนการตรวจระบบประสาทและสมองอย่างละเอียด ประเมิน motor, sensory และต7อง Reevaluation ระดับความรู้สึกตัว pupil size Glasgow coma score
Reevaluation ในระยะแรกที่ดูแลผู้ป่วยที่บาดเจ็บ ควรมีการประเมินร่างกายซ้ำเป็นระยะๆ
การรักษาผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บภายหลังได้รับการช่วยเหลือขั้นต้นแล้ว (Definitive Care)
เป็นการรักษาจำพาะของการบาดเจ็บแต่ละอวัยวะ ได้แก่ การผ่าตัดเพื่อแก้ไขภาวะฉุกเฉินต่างๆ เช่น Intracranial hematoma, Intra-abdominal bleeding รวมทั้ง multiple organ injury เป็นต้น
นางสาวณัฐกานต์ สุขแดง 6101210729 sce.A เลขที่31