🚩การพัฒนาและประเมินผลแนวปฏิบัติการพยาบาลทางคลินิกสำหรับการใช้ระบบออกซิเจนอัตราไหลสูงแบบประยุกต์ทางจมูกในผู้ป่วยเด็ก
🚩 แนวปฏิบัติฯ สําหรับการใช้ MUFNCS ในผู้ป่วยเด็ก
⭐2. การปรับตั้งและดูแล MHFNCS ⭐
การปรับตั้งเครื่องทําความอุ่นชื้น 34 - 37 องศาเซลเซียส
เครื่องทําความอุ่นชื้นรุ่นที่ปรับอุณหภูมิอัตโนมัติ มีตัวเลขบอกอุณหภูมิที่ตัวเครื่อง
กดปุ่มรูปท่อหลอดลมคอซึ่งเป็น invasive mode ปรับอุณหภูมิ 37 oC
สํารวจความอุ่นบริเวณปลายสายนําก๊าซก่อนถึงสาย nasal cannula ว่าอุ่นอยู่หรือไม่โดยการใช้มือจับที่ปลายสายนำก๊าซ
การถอน (waning) การใช้ MHFNCS
ในผู้ป่วยเด็กที่ยังต้องการออกซิเจน อาจเปลี่ยนเป็น low flow oxygen cannula ก่อนและรอจนพร้อมจึงถอนการใช้ออกซิเจน
ไม่มีการหยุดหายใจ ไม่มีหายใจเร็วหรือหายใจลําบากหรือหัวใจเต้นช้า ร่วมกับมีค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้
ลดอัตราการไหลของก๊าซลงครั้งละ 0.5 -1 ลิตร/นาที จนอัตราไหลของก๊าซเหลือน้อยกว่า 4 ลิตร/นาที
ผู้ป่วยเด็กอาการคงที่อาจลดความเข้มข้นของออกซิเจนก่อนและใช้ความเข้มข้นออกซิเจนน้อยกว่า 0.3
การปรับตั้งอัตราไหลของก๊าซ (initial setting flow) ในระบบ MHFNCS
ปรับตามน้ำหนักผู้ป่วยเด็ก 1-2 ลิตร/กิโลกรัม/นาที
ปรับเพิ่มหรือลดอัตราไหลของก๊าซออกซิเจนและอากาศตามอาการของผู้ป่วยเด็ก
ประเมินเสียงปอด (lung sign)
ประเมินลักษณะการหายใจลําบาก อัตราการหายใจ
ประเมินอัตราการเต้นของหัวใจ
ปรับความเข้มข้นของออกซิเจนตามค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด SpO2 94 - 98%
การทําความสะอาด (cleaning) MHFNCS
หากเป็นชนิด disposable จะใช้แล้วทิ้ง
เปลี่ยนชุดสายวงจรและหม้อน้ำ ทุก 1 เดือน
สาย nasal cannula เช็ดทําความสะอาด หากมีขี้มูกอุดตันหรือควรเปลี่ยนเส้นใหม่เมื่อสกปรกมากไม่ควร reuse
สําหรับการทําความสะอาดปราศจากเชื้อขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละสถาบัน
⭐ 3. การพยาบาลผู้ป่วยเด็กขณะได้รับ MHFNCS ⭐
การให้ nose care & airway clearance
ล้างจมูกเมื่อมีน้ำมูก
ประเมินดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง
พ่นยา
เคาะปอด
ดูดเสมหะเมื่อมีเสมหะในปอด
การเฝ้าติดตามประเมินดูแลเด็กขณะได้รับ MHFNCS
click to edit
ประเมิน
อัตราการหายใจ
อัตราการเต้นของหัวใจ
สัญญาณชีพ
ความดันโลหิต
ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด
ลักษณะการหายใจลําบาก
เสียงปอด
การเฝ้าระวังประเมินภาวะแทรกซ้อน
การบาดเจ็บบริเวณจมูก
เลือดออกจากการกดทับจาก nasal cannula
จมูกบวม
มีเลือดออกจากภาวะอุณหภูมิ ความชื้น ไม่เหมาะสมไม่สุขสบาย
การดูแล
ดูแล bag น้ำเกลือโดยหมั่นตรวจสอบเพื่อไม่ให้น้ำหมด
เมื่อน้ำใกล้หมดให้เติมน้ำ การเติมน้ำช่วยให้เพิ่มความชุ่มชื้น ช่วยลดแผลกดทับได้
ใช้ Fixomull stretch รองบริเวณแก้ม เพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ
ผิวหนังหลุดลอก
แผลถลอก
จมูกบวมแดง
ท้องอืด
เกิดจาก
อัตราการไหลของก๊าซที่สูง
ใส่ nasal cannula ที่มีขนาดใหญ่
ทำให้
ขย้อนสําลัก และอาเจียน
การดูแล
ใส่สาย NG tube เปิดปลายสายเพื่อระบายลมจากกระเพาะอาหารควรดูดลมออก
ดูดลมออกจาก NG tube ทุก 2 - 4ชั่วโมง หรือก่อนให้นมและอาหาร
ประเมินหน้าท้องและตรวจสอบปลายสาย NG tube ว่าตำเเหน่งอยู่ในกระเพาะหรือไม่
ภาวะลมรั่วในปอด
พยาบาลประเมิน ติดตามปรับเปลี่ยนแผนการรักษาตามอาการทางคลินิกของผู้ป่วยเด็กตามแนวปฏิบัติฯ
การใส่และการยึดตรึง nasal cannula
ใส่ nasal cannula เข้าไปในรูจมูกทั้ง 2 ข้าง
ตามแนวซ่องโพรงจมูก ให้ปลายท่อชี้ไปส่วนหลังของช่องจมูก
ใช้พลาสเตอร์ติดแก้มเด็กเพื่อป้องกันการเลื่อนหลุดและ เปลี่ยนทุกครั้งเมื่อสกปรกและร่อนหลุด
ปลายท่อ nasal cannula ไม่ไปชนผนังจมูก ไม่มีการอุดตันจากน้ำมูก
ใช้ผิวหนังเทียม (barrier layer) ในการป้องกันการบาดเจ็บจากการกดทับและเป็นแผลถลอก
หมั่นสํารวจดูว่าท่อ nasal cannula ต้องอยู่ในช่องรูจมูกเสมอ
⭐1. การจัดเตรียมอุปกรณ์และประกอบ MHFNCS ⭐
อากาศ (flow meter air) หรือเครื่องผสมออกซิเจนกับอากาศ (oxygen blender)
เครื่องทําความอุ่นชื้น (heated humidifier)
แหล่งจ่ายก๊าซออกซิเจน (Oxygen) และอากาศ (air) พร้อมมาตรวัดอัตราการไหลของก๊าซออกซิเจน (low meter Oxygen)
หม้อน้ำ (chamber)
สายน้ำก๊าซที่มีขดลวดให้ความร้อน (circuit heated wire) เพื่อลดการกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ (condensate)
สาย nasal cannula มีขนาดปลายท่อเหมาะสมโดยไม่อุดตันรูจมูกเด็ก มีขนาด 50-70% มีช่องว่างรอบรูจมูกเป็นทางระบายของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขณะหายใจออก
การวิเคราะห์ก๊าซในเลือด (arterial blood gas analysis)
ติดตามผลภาพถ่ายรังสีทรวงอก
อ้างอิง : มาลินี นักบุญ, เสริมศรี สันตติ, และอรุณวรรณ พฤทธิพันธ์ุ. (2563). การพัฒนาและประเมินผลแนวปฏิบัติการพยาบาลทางคลินิกสำหรับการใช้ระบบออกซิเจนอัตราไหลสูงแบบประยุกต์ทางจมูกในผู้ป่วยเด็ก. วารสารการปฏิบัติการพยาบาลและการผดุงครรภ์ไทย, 7(2), 27 – 37.