Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ระบบโครงร่าง ระบบกระดูกของมนุษย์ ทำหน้าที่พยูง และป้องกันอวัยวะภายใน…
ระบบโครงร่าง
ระบบกระดูกของมนุษย์ ทำหน้าที่พยูง
และป้องกันอวัยวะภายในร่างกาย ยึดเกาะของกล้ามเนื้อ ประกอบด้วยโครงกระดูก 206ชิ้น
หน้าที่ของกระดูก
-ค้ำจุนและรักษารูปร่างให้คงตัว
-ป้องกันอวัยวะในร่างกาย
-เป็นที่ยึดเกาะของเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อ
-สร้างเม็ดเลือดแดงได้
-เก็บแร่ธาตุ Calcium ร่างกาย
กระดูกแกน Axial Skeleton
กระดูกกระโหลกศรีษะ (Skull)💀
-กระดูกหน้าผาก (Frontal bone)1ชิ้น
-กระดูกข้างศรีษะ (Parictel bone)2ชิ้น
-กระดูกท้ายทอย(Occipital bone)1ชิ้น
-กระดูกขมับ(Temporal bone)2ชิ้น
-กระดูกรูปผีเสื้อ(Sphenoid bone)1 ชิ้น
-กระดูกขื่อจมูก(Ethomoid bone)1ชิ้น
กระดูกใบหน้า(Bone of face)
-กระดูกสันจมูก(Nadal bone) 2ชิ้น
-กระดูกกั้นช่องจมูก(Vomer)1ชิ้น
-กระดูกข้างในจมูก(Inferior concha) 2ชิ้น
-กระดูกถุงน้ำตา(Lacrimal bone) 2ชิ้น
-กระดูกโหนกแก้ม(Zygomatic bone)2ชิ้น
-กระดูกเพดาน(Paltine Bone)2ชิ้น
-กระดูกขากรรไกรบน(Maxillary) 2ชิ้น
-กระดูกขากรรไกรล่าง(Mandible) 1ชิ้น
กระดูกสันหลัง(Vertebrae)
-กระดูกสันหลังส่วนคอ(Cervical vertebrae) 7ชิ้น
-กระดูกสันหลังส่วนอก(Thoracic vertebrae) 12ชิ้น
-กระดูกสันหลังส่วนเอว(Lumbar vertebrae) 5ชิ้น
-กระดูกกระเบนเหน็บ(Sacrum)1ชิ้น
กระดูกก้นกบ(Coccyx)1ชิ้น
กระดูกทรวงอก(Thorax)
แบ่งออกเป็น3ส่วน
-Manubrium
-Body
-Xiphoid process
กระดูกซี่โครง(Ribe)
เชื่อมกับกระดูกด้วยกระดูกอ่อนระหว่างซี่โครง
มีกล้ามเนื้อยึดซี่โคร งทั้งแถบนอกและแถบใน
ด้านหลังเชื่อมกันกระดูกสันหลัง
มีลักษณะเป็นซี่ๆมีทั้งหมด12คู่24ชิ้น
True ribe (1-7)ต่อกับSternumโดยตรง
False ribe (8-10)ไม่ได้เชื่อมต่อกับSternumโดยตรง
*Floating ribe(11-12)เป็นกระดูกลอย
กระดูกระยางค์(Appendicular Skeleton)
Upper limb
กระดูกไหล(Shoulder girdle) ประกอบด้วย
-กระดูกไหปลาร้า(Clavicle)2ชิ้น
-กระดูกสะบัก(Scapular)2 ชิ้น
-กระดูกดูดต้นแขน(Humerus)2ชิ้น
กระดูกปลายแขน(Bone of forearm)ประกอบด้วย
-กระดูกปลายแขนท่อนใน(Ulna)2ชิ้น
-กระดูกปลายแขนท่อนนอก(Radius)2ชิ้น
-กระดูกข้อมือ(Carpal bone)16ชิ้น
-กระดูกฝ่าเท้า(Metacarpals)10ชิ้น
กระดูกนิ้วมือ(Phalangens)28ชิ้น
Lower limb
-กระดูกเชิงกราน(Hip bone)2ชิ้น
-กระดูกต้นแขน(Femur)2 ชิ้น
-กระดูกหน้าแข้ง(Tibia)2 ชิ้น
-กระดูกน่อง(Fibula)2ชิ้น
-กระดูกข้อเท้า(Tarsals bone )14ชิ้น
-กระดูกฝ่าเท้า(Metatarsal bone)10 ชิ้น
กระดูกนิ้วเท้า(Phalangs)28ชิ้น
ชนิดของกระดูก
กระดูกยาว เช่น กระดูกแขน, กระดูกขา
กระดูกสั้น เช่น กระดูกข้อมือ, กระดูกข้อเท้า
กระดูกแบน เช่น กระดูกซี่โครง, กระดูกอก, กระดูกสะบัก
กระดูกรูปร่างแปลก เช่น
กระดูกกระโหลกศรีษะ, กระดูกสันหลัง, กระดูกเชิงกราน
กระดูกกลม เช่น กระดูกสะบ้า
กระดูกออ่อน (Carlilage)
เป็นเนื้อเยื้อเกี่ยวพัน ที่มีโปรตีนหลายชนิด เช่น คอลลาเจน
เป็นส่วนประกอบที่มีความอ่อนนุ่มกว่ากระดูกแต่แข็งกว่ากล้ามเนื้อ สามารถเป็นเนื้อเยื่อในระบบโครงร่างได้ พบในบริเวรข้อต่อต่างๆ รวมถึงโครงร่างของใบหู จมูก และหลอดลม กระดูกอ่อนจะไม่มีเลือดมาเลี้ยง
กระดูกหูBone of ear
-กระดูกรูปฆ้อน(Malleus)2ชิ้น
-กระดูกรูปทั่ง(Incus)2ชิ้น :
-กระดูกรูปโกลน(Stapes)2ชิ้น
เอ็น(Tendon)
เป็นเนื้อเยื้อเกี่ยวพันประกอบด้วย
คอลลาเจนอัดแน่น
*ยึดระหว่างกระดูกกับกล้ามเนื้อ
Ligament
ลักษณะแบบเดียวกับเส้นเอ็น แตไม่มีปลายติดกับกล้ามเนื้อ
*ยึดระหว่างกระดูกกับกระดูก
แบ่งตามโครงสร้าง
กระดูกพรุน (Spongy bone)
เป็นฟองน้ำมีรูพรุน
กระดูกแข็ง (Compact bone)
ด้านนอกแข็ง ด้านในมีรู
ข้อต่อ(Joints)
คือส่วนต่อระหว่างกระดูกตั้งแต่สองชั้นขึ้นไปมาต่อกัน เพื่อเคลื่อนไหวร่างกาย
ข้อต่อที่เคลื่อนไหวไม่ได้
เช่น ข้อต่อกระโหลกศรีษะ
ข้อต่อที่เคลื่อนไหวได้เล็กน้อย
เช่น กระดูกสันหลัง, กระดูกเชิงกราน
ข้อต่อที่เคลื่อนไหวได้มาก
จะมีน้ำหล่อเลี้ยงข้อต่อ
ข้อต่อแบบบานพับ(Hinge joint)
เช่น ข้อศอกบริเวณข้อศอก
ข้อต่อแบบลูกกลมในเบ้า(Ball and socket joint
เช่น ข้อต่อที่หัวไหล่
ข้อต่อแบบเดือย(pivot joint)
เช่น ข้อต่อที่ต้นคอกับฐานกระโหลกศรีษะ
ข้อต่อแบบอานม้า(Saddle joint)
เช่น ข้อต่อระหว่างกระดูกฝ่ามือกับนิ้วหัวแม่มือ
ข้อต่อแบบปุ่ม(Condloid joint)
เช่น ข้อต่อระหว่างกระดูกฝ่ามือกับกระดูกนิ้วมือ
การบำรุงกระดูก
รัปทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง
ประเภท นม โยเกิร์ต ถั่วแดง งาดำ ผักใบเขียว
ออกกำลังกายแบบลงน้ำหนักอย่างสม่ำเสมอ
หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เป็นโรคกระดูกพรุน
เช่น การดื่มชา กาแฟ เครื่องดื่มผสมคาเฟอีน
ชนิดของกระดูกแบ่งออกเป็น2กลุ่ม
รอยต่อระหว่างกระดูก Colonal Suture