Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 4 ประเด็นทางจริยธรรมในการดูแลผู้ป่วยวิกฤต และการดูแลระยะท้ายของชีวิ…
บทที่ 4
ประเด็นทางจริยธรรมในการดูแลผู้ป่วยวิกฤต และการดูแลระยะท้ายของชีวิต
การแจ้งข่าวร้าย
การแจ้งข่าวร้าย
ผู้แจ้งข่าวร้าย
ปฏิกิริยาจากการรับรู้ข่าวร้าย
ระยะต่อรอง Bargaining
ต่อรองความผิดหวังหรือข่าวร้ายที่ได้รับ
รู้สึกว่าตนเองมีความผิดที่ยังไม่ได้ทำบางอย่างที่ค้างคา
เช่น อยากเห็นลูกเรียนจบก่อน/ฉันรู้ว่ามันร้ายแรง คงรักษาไม่หาย แต่ฉันอยาก...
ระยะซึมเศร้า Depresstion
เริ่มรับรู้ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ออกห่างจากสังคมรอบข้าง
มีการบกพร่องในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน/หน้าที่การงาน
ระยะโกรธ Anger
เช่น ทำไมต้องเกิดขึ้นกับเรา/ไม่ยุติธรรมเลยทำไมต้องเกิดขึ้นนกับเรา
ระยะยอมรับ Acceptance
เริ่มยอมรับสิ่งต่างๆตามความเป็นจริง
มองเป้าหมายอนาคตมากขึ้น
ระยะปฏิเสธ Denial
เป็นระยะแรกหลังจากผู้ป่วยและญาติทราบข้อมูล
ช็อคและปฏิเสธสิ่งที่ได้รับรู้
ไม่ยอมรับความจริง ไม่เชื่อผลการรักษา
เช่น ไม่จริงใช่ไหม/คุณหมอแน่ใจรึเปล่าว่าผลการตรวจถูกต้อง
บทบาทพยาบาล
ให้ความช่วยเหลือประคับประคองจิตใจให้ผ่านระยะเครียดและวิตกกังวล
ควรยอมรับพฤติกรรมทางลบของผู้ป่วยและญาติโดยไม่ตัดสินใจ ให้โอกาสในการระบายความรู้สึก
รับฟังผู้ป่วยและญาติด้วยความตั้งใจ เห็นใจเปิดโอกาสให้ได้ซักถามข้อสงสัย
ให้ความเคารพผู้ป่วย เข้าใจ เห็นใจ ไวต่อความรู้สึกและความต้องการของผู้ป่วย
ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับข้อมูล การดำเนินโรค แนวทางการรักษา
อธิบายให้ทราบถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วย ให้ข้อมูลที่เป็นจริง เกี่ยวกับพยาธิสรีรวิทยาของโรค การดำเนินโรค
ให้ความหวังที่เป็นจริง สะท้อนคิดเกี่ยวกับการอยู่กับปัจจุบัน
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
สัมพันธภาพทางสังคมไม่เหมาะสม เนื่องจากไม่สามารถยอมรับความเจ็บป่วยรุนแรงได้
มีภาวะซึมเศร้า เนื่องจากไม่สามารถแสดงบทบาทหัวหน้าครอบครัวได้จากการเจ็บป่วยรุนแรง
มีความเครียดสูงเนื่องจากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคร้ายแรง
ท้อแท้ ผิดหวังต่อโชคชะตาเนื่องจากคิดว่าถูกพระเจ้าลงโทษหรือไม่ได้รับความช่วยเหลือจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ กลัวตาย
ไม่สามารถยอมรับสภาพความจริงเมื่อถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
การดูแลผู้ป่วยวิกฤตในระยะท้ายของชีวิต
มโนทัศน์เกี่ยวกับการเจ็บป่วยระยะท้ายและภาวะใกล้ตาย
การดูแลระยะท้าย
ใช้หลักการดูแลแบบประคับประคองเป็นแนวทางให้บริการ
นิยามของ palliative care
ไม่ใช่การเร่งการกาย ไม่ใช่การรุณฆาต แต่เป็การยอมรับสภาวะที่เกิดขึ้น ยอมให้ผู้ป่วยเสียชีวิตตามธรรมชาติ
การเจ็บป่วยระยะท้าย
ภาวะบุคคลอยู่ในภาวะความเจ็บป่วยที่คุกคามต่อชีวิต มีการดำเนินโรคลุกลามอย่างมาก
ทำให้การทำหน้าที่ของอวัยวะต่างๆของร่างกายไม่สามารถกลับมาคืนสู่สภาวะปกติ
ภาวะใกล้ตาย
ผู้ที่เข้าสู่ช่วงใกล้เสียชีวิต มีอาการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายมากขึ้น
จากการทำหน้าที่ของอวัยวะสำคัญของร่างกายลดลงหรือล้มเหลว มีค่าคะแนน PPS น้อยกว่า 30
การดูแลแบบประคับประคอง
วิธีการดูแลที่มุ่งเน้นเป้าหมายเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ผู้ป่วยที่มีโรคหรือภาวะคุกคามต่อชีวิต
แนวคิดการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย
แนวคิดการดูแลแบบประคับประคอง
เป็นการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายแบบองค์รวม ทั้งร่างกายจิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ
ผู้ป่วย และครอบครัวเป็นศูนย์กลาง
แนวคิดการดูแลตามทฤษฎีความสุขสบาย
ทฤษฎีความสุขสบาย
เน้นความสุขสบายที่เป็นผลลัพธ์ของการพยาบาล
ความสุขสบายแบ่งออกเป็น 3 ประเภท
ความสงบ
อยู่เหนือปัญหา
บรรเทา
กิจกรรมการดูแลที่ส่งเสริมความสุขสบายของผู้ป่วยและครอบครัวตามทฤษฎี
มาตรฐานการพยาบาลเพื่อความสุขสบาย
การสอน แนะนำ เป็นพี่เลี้ยง
อาหารด้านจิตวิญญาณ
การดูแลแบบประคับประคองมุ่งให้ผู้ป่วยจากไปอย่างสงบหรือตายดี
ประเด็นจริยธรรมที่สำคัญในการพยาบาลผู้ป่วยภาวะวิกฤต
การเจ็บป่วยระยะท้ายและภาวะใกล้ตาย
การฆ่าตัวตายโดยความช่วยเหลือของแพทย์
การยืดหรือการยุติการรักษาที่ยืดชีวิต
การเพิกถอนการใช้เครื่องมือช่วยชีวิตในการบำบัดรักษา
การยับยั้งการใช้เครื่องมือช่วยชีวิตในการบำบัดรักษา
การุณยฆาต หรือ ปราณีฆาต หรือ เมตตามรณะ
การทำการุณยฆาตโดยความสมัครใจ
การทารุณยฆาตโดยผู้ป่วยไม่สามารถตัดสินใจได้เอง
การบอกความจริง
การจัดสรรทรัพยากรที่มีจำนวนจำกัด
การเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ
แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาทางจริยธรรม
จัดกิจกรรมส่งเสริมทักษะในการตัดสินใจเชิงจริยธรรม
รู้ถึงสิทธิและหน้าที่ของพยาบาล
ให้ความรู้แก่พยาบาลในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจเชิงจริยธรรม
จริยธรรมสำหรับการทำงานของทีมสุขภาพ
การดูแลผู้ป่วยวิกฤตในระยะท้ายของชีวิต
ข้องสังเกต
ผู้ป่วยที่มีอาการไม่สุขสบายและไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมมากกว่าหอผู้ป่วยอื่นๆ
มีการสื่อสารในหัวข้อแผนการรักษาน้อยกว่าผู้ป่วยอื่นในโรงพยาบาล
มีการดูแลในหอผู้ป่วยวิกฤตน้อยกว่าหอผู้ป่วยอื่น
ความแตกต่างระหว่างการดูแลผู้ป่วยระยะท้ายในหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤตและทั่วไป
ความคาดหวังของผู้ป่วยและครอบครัว
ความไม่แน่นอนของอาการ
การรักษาในไอซียูผู้ป่วยมีโอกาสที่จะดีขึ้นแล้วกลับไปทรุดลงได้หลายครั้ง
Professional culture
มุ่งเน้นให้มีชีวิตรอดพ้นจากภาวะวิกฤต
Multidisciplinary team
ทีมแพทย์ที่ดูแลรักษาร่วมกันมากกว่า 1 สาขา
มุ่งเน้นการรักษาอวัยวะที่ตนรับผิดชอบ
ผู้ป่วยในหอผู้ป่วยวิกฤตมีอาการไม่สุขสบายหลายอย่างและมีแนวโน้มลูกละเลย
เน้นการหายของโรคมากกว่าความสุขสบาย
ทรัพยากรมีจำกัด
พิจารณาใช้กับผู้ป่วยที่มีโอกาสรักษาให้อาการดีขึ้นได้
สิ่งแวดล้อมในหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤต
วุ่นวาย มีเสียงสัญญาณเตือนดังเกือบตลอดเวลา ไม่เหมาะกับการเป็นสถานที่สุดท้ายขอนผู้ป่วยจะจากไป
หลักการพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยระยะท้ายใกล้ตาย
การประเมิสภาพ
ประเมินอาการทางร่างกาย
ประเมินอาการไม่สุขสบาย, ความสามารถในการทำกิจกรรม
การประเมินด้านจิตใจ ผู้ป่วยในระยะสุดท้ายจะมีความผิดปกติทางด้านจิตใจ
ภาวะซึมเศร้า
วิตกกังวล
สับสน
ประเมินด้านสังคม
บทบาทของผู้ป่วยในครอบครัว
ความรักความผูกพันของผู้ป่วยกับสมาชิกในครอบครัว
ความต้องการของครอบครัว
ผู้ดูแลผู้ป่วย Care giver
ที่อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อม
เครือข่ายทางสังคมและการสนับสนุนทางสังคม
การประเมินด้านจิตวิญญาณ
การประเมินระดับ PPS
จุดประสงค์ของการใช้ PPS
เพื่อสื่อสารอาการปัจจุบันของผู้ป่วยระหว่างบุคลากรในทีมที่ร่วมกันดูแลผู้ป่วยเพื่อให้มองเห็นภาพของผู้ป่วยและการพยากรณ์โรคไปในแนวทางเดียวกัน
เพื่อประเมินพยากรณ์โรคอย่างคร่าวๆและติดตามผลการรักษา
ใช้บอกความยากของภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์และครอบครัวในการดูแลผู้ป่วย
ใช้เป็นเกณฑ์การัดเลือกผู้ป่วยเพื่อเข้าดูแลในสถานที่ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย (Hospice)
ใช้ในการวิจัย
หลักการดูแลผู้ป่วยระยะท้ายในหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤต
ทีมสุขภาพที่ทำงานในไอซียูเป็นผู้เริ่มลงมือด้วยตนเอง
การปรึกษาทีม palliative care ของโรงพยาบาลนั้นๆ มาร่วมดูแลในผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์
การดูแลแบบผสมผสาน
ระบบการแพทย์เฉพาะ
แพทย์แผนไทย, แพทย์แผนจีน
พลังบำบัด
สัมผัสบำบัด,โยเร
การผสมผสานกายจิต
สวดมนต์, ทำสมาธิ, โยคะ
อาหารและสมุนไพร
อาหารสุขภาพ
หลักการพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยระยะท้ายใกล้ตาย
การสื่อสาร
หลักการในการสื่อสารในไอซียู
1) ควรมีแผ่นพับแนะนำครอบครัวถึงการเตรียมตัวก่อนทำการประชุมครอบครัว
2) ปิดเครื่องมือสื่อสารทุกครั้งที่พูดคุยกับครอบครัวสถานที่ควรเป็นห้องที่เป็นส่วนตัวไม่มีการรบกวน
3) หลีกเลี่ยงคำศัพท์แพทย์
4) ให้เกียรติครอบครัวโดยการฟังอย่างตั้งใจและให้เสนอความคิดเห็น
5) มีความเห็นใจครอบครัวที่ต้องประเชิญเหตุการณ์นี้
6) บทสนทนาควรเน้นที่ตัวตนของผู้ป่วยมากกว่าโรคเปิดโอกาสให้ครอบครัวเล่ารายละเอียดความเป็นตัวตนของผู้ป่วยให้ได้มากที่สุด
7) ปล่อยให้มีช่วงเงียบเพื่อให้ญาติได้ทบทวนรวมถึงฟังอย่างตั้งใจทุกครั้งที่ครอบครัวพูด
8) บอกการพยากรณ์โรคที่ตรงจริงที่สุดถ้าเป็นการแจ้งข่าวร้ายอาจจะใช้ SPIKES protocol
9) เนื้อหาที่จะพูดคุยนั้นอาจแบ่งตามช่วงเวลาที่ผู้ป่วยเข้ารักษาในไอซียู
การจัดการอาการไม่สุขสบายต่างๆ
การช่วยเหลือดูแลทางกายตามอาการที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยระยะสุดท้าย
อาการปวด
อาการท้องผูก
เบื่ออาหาร
อาการปากแห้ง เจ็บในปาก กลืนลำบาก
ท้องมานหรือบวมในท้อง
อาการไอ
อาการหอบเหนื่อย หายใจลำบาก
อาการกลั้นปัสสาวะไม่ได้
อาการบวม
อาการคัน
การเกิดแผลกดทับ
การดูแลทั่วไป
ดูแลความสะอาดร่างกาย
ให้ได้รับสารน้ำอย่างเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
การดูแลด้านอารมณ์และสังคมของผู้ป่วยและครอบครัว
ช่วยให้ผู้ป่วยยอมรับความตายที่จะมาถึง
ช่วยให้จิตใจจดจ่อกับสิ่งดีงาม
ช่วยปลดเปลื้องสิ่งที่ค้างคาใจ
แนะนำให้ผู้ป่วยปล่อยวางสิ่งต่างๆ
สร้างบรรยากาศที่สงบและเป็นส่วนตัว
การดูแลด้านจิตวิญญาณผู้ป่วยระยะสุดท้ายและครอบครัว
ประเมินและบันทึกความต้องการทางจิตวิญญาณในระหว่างการดูแลเป็นระยะ
สนับสนุนให้มีสถานที่หรือกิจกรรมส่งเสริมด้านจิตวิญญาณ
สอบถามและส่งเสริมให้เกิดการปฏิบัติตามศรัทธาความเชื่อ
ดูแลให้ได้รับการประชุมครอบครัว Family meeting
การดูแลให้ผู้ป่วยและญาติเข้าถึงการวางแผนการดูแลล่วงหน้า ACP
Living will หรือพินัยกรรมชีวิต หรือ หนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริจาคสาธารณสุข
Proxy
บุคคลใกล้ชิดที่ผู้ป่วยมอบหมายให้มีอำนาจตัดสินใจใเรื่องการดูแลทางการแพทย์ในวาระสุดท้ายของตน
บทบาทของพยาบาลในการดูแลให้ผู้ป่วยและญาติเข้าถึงการวางแผนการดูแลล่วงหน้า
การสื่อสาร
สื่อสารร่วมกันระหว่างทีมสุขภาพกับผู้ป่วยและญาติ
การคอยช่วยเหลือเมื่อผู้ป่วยต้องการทำงานการวางแผนการดูแลล่วงหน้า
การรวบรวมเอกสาร
การดูแลผู้ป่วยที่กำลังจะเสียชีวิต
การเตรียมตัวผู้ป่วย
1) ทำการปิดเครื่องติดตามสัญญาณชีพต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องติดตามการเต้นหัวใจเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว
2) ยุติการเจาะเลือด
3) ควรปิดประตูหรือปิดม่านให้มิดชิด
4) ทำความสะอาดใบหน้าซ่องปากและร่างกายผู้ป่วย
5) ยุติการรักษาที่ไม่จำเป็นเช่นสารอาหารทางหลอดเลือดน้ำเกลือยาฆ่าเชื้อต่าง ๆ
6) นำสายต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็นออก เช่น สายให้อาหารทางจมูก
7) ให้คงไว้เพียงการรักษาที่มุ่งเน้น
9) ควรทำการยุติการให้ผู้ป่วยได้รับยาหย่อนกล้ามเนื้อ เนื่องจากเป็นยาที่บดบังความไม่สุขสบายของผู้ป่วย
10) ให้ยาที่มักจำเป็นต้องได้เช่นมอร์ฟีนยานอนหลับกลุ่ม benzodiazepine ยาลดเสมหะ
12) ประเมินความสุขสบายของผู้ป่วยและเป็นการทำให้ญาติมั่นใจว่าทีมสุขภาพไม่ได้ทอดทิ้งผู้ป่วย
8) ให้คุมอาการไม่สุขสบายต่าง ๆ
11) อธิบายครอบครัวถึงอาการต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นและวิธีการจัดการช่วงเวลานี้
การดูแลจิตใจครอบครัวผู้ป่วยต่อเนื่อง