Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ประเด็นทางจริยธรรมในการดูแลผู้ป่วยวิกฤต และการดูแลระยะท้ายของชีวิต,…
ประเด็นทางจริยธรรมในการดูแลผู้ป่วยวิกฤต และการดูแลระยะท้ายของชีวิต
การแจ้งข่าวร้าย
(Breaking a bad news)
ปฏิกิริยาจากการรับรู้ข่าวร้าย
ระยะปฏิเสธ (Denial)
ผู้ป่วยและญาติจะรู้สึกตกใจ ช็อค
ปฏิเสธสิ่งที่ได้รับรู้ ไม่ยอมรับความจริง
ไม่เชื่อผลการรักษา อาจขอย้ายสถานที่รักษา
ระยะโกรธ (Anger)
ความโกรธเป็นภาวะธรรมชาติ และเป็นการเยียวยาความรู้สึกที่เกิดจากสูญเสีย
ความโกรธอาจจะขยายไปยังแพทย์ ครอบครัว ญาติ เพื่อน และทุกอย่างรอบตัว
ปฏิกิริยาอาจออกมาในลักษณะอารมณ์รุนแรง กาวร้าว และต่อต้าน
ระยะต่อรอง (Bargaining)
ต่อรองความผิดหวังของข่าวร้ายที่ได้รับ แฝงความรู้สึกผิดไว้
รู้สึกว่าตนเองมีความผิด มีบางอย่างที่ค้างคา ไม่ได้พูดอะไรกับใคร
ต่อรองกับตัวเอง คนรอบข้าง หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ระยะซึมเศร้า (Depression)
เริ่มรับรู้ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ออกห่างจากสังคม เบื่อหน่าย เก็บตัว ไม่ค่อยพูดคุย ถามคำตอบคำ
คิดหมกมุ่นเกี่ยวกับความตาย บกพร่องในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน
ระยะยอมรับ (Acceptance)
เริ่มยอมรับตามความเป็นจริง อารมณ์เจ็บปวดหรือซึมเศร้าดีขึ้น
มองเป้าหมายในอนาคตมากขึ้น
ปรับตัว และเรียนรู้เพื่อให้ดำเนินชีวิตต่อไปได้
บทบาทพยาบาล
สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้ป่วยและครอบครัว
รับฟังผู้ป่วยและญาติด้วยความตั้งใจ
ให้ความช่วยเหลือประคับประคองจิตใจ
ในระยะโกรธ ควรยอมรับพฤติกรรมทางลบของผู้ป่วยและญาติ
ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับข้อมูล การดำเนินโรค แนวทางการรักษา
อธิบายให้ทราบถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วย
สะท้อนคิดให้ครอบครัวค้นหาเป้าหมายใหม่ในชีวิตอย่างมีความหมาย
จัดการกับอาการที่รบกวนผู้ป่วยเพื่อให้ได้รับความสุขสบาย
ให้ความมั่นใจกับผู้ป่วยและญาติ
ทำหน้าที่แทนผู้ป่วยในการเรียกร้อง ปกป้องผู้ป่วย
ให้ผู้ป่วยและญาติมีส่วนร่วมในการตัดสินใจการรักษา
ช่วยเหลือในการปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาตามความเชื่อ
ช่วยเหลือในการจัดการสิ่งที่ค้างคาในใจ เพื่อจากไปอย่างสงบ
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
มีภาวะซึมเศร้าเนื่องจากไม่สามารถแสดงบทบาทหัวหน้าครอบครัวได้จากการเจ็บป่วยรุนแรง
สัมพันธภาพทางสังคมไม่เหมาะสม เนื่องจากไม่สามารถยอมรับความเจ็บป่วยรุนแรงได้
มีความเครียดสูงเนื่องจากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคร้ายแรง
ไม่สามารถยอมรับสภาพความเป็นจริงเมื่อถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
หมดกำลังใจในการต่อสู้กับโรคที่เป็นเนื่องจากไม่มีความหวังในการรักษา
ประเด็นทางจริยธรรมในการดูแลผู้ป่วยวิกฤต และการดูแลระยะท้ายของชีวิต
แนวคิดการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย
แนวคิดการดูแลแบบประคับประคอง (Palliative care)
อดีต
ใช้รูปแบบการดูแลแบบประคับประคองที่เป็นการดูแลผู้ป่วย
มุ่งเน้นในช่วงของการเจ็บป่วยในช่วงปีหรือเดือนท้ายๆ ของชีวิต
จุดกำเนิดตั้งแต่เริ่มเจ็บป่วย หากไม่ได้รับการบำบัดแก้ไขจะยากในวันท้ายๆ ของชีวิต
ปัจจุบัน
มีการดูแลผู้ที่เข้าสู่วาระสุดท้ายของชีวิตมากขึ้น
มีการให้ความสำคัญกับการปฏิบัติต่อผู้ที่อยู่ในวาระท้ายของโรค
“บุคคลมีสิทธิทำหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะขอรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิตตน หรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วยได้”
พระราชบัญญัติ
เป็นการแสดงถึงสิทธิการตายของบุคคล
สนับสนุนให้ผู้ป่วยที่อยู่ในวาระสุดท้ายแสดงความประสงค์ที่จะไม่รับบริการ
เมื่อถึงช่วงสุดท้ายของชีวิตจะช่วยให้กระบวนการตัดสินใจง่ายขึ้น
มีผู้ป่วยและครอบครัวเป็นศูนย์กลาง
เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเผชิญและผ่านพ้นช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตอย่างสงบ
สนับสนุนค้ำจุนให้สามารถใช้ชีวิตช่วงเวลาวิกฤติกับที่ป่วยหนักและตายจากไปอย่างราบรื่น
แนวคิดการดูแลตามทฤษฎีความสุขสบาย (comfort theory)
กิจกรรมการดูแลที่ส่งเสริมความสุขสบายของผู้ป่วยและครอบครัว
มาตรฐานการพยาบาลเพื่อความสุขสบาย รักษาความสมดุล (Homeostasis)
การสอน แนะนำ เป็นพี่เลี้ยง (coaching)
ให้กำลังใจ
ให้ข้อมูล
ให้ความหวัง
อาหารด้านจิตวิญญาณ (comfort food for the soul)
ใส่ใจ เอื้ออาทร
จินตบำบัด การนวด
ดูแลแบบประคับประคองให้ผู้ป่วยจากไปอย่างสงบหรือตายดี (Good death)
เน้นความสุขสบายที่เป็น
ผลลัพธ์ของการพยาบาล
บุคคลได้รับความต้องการทันที
เพื่อบรรเทา (relief) ผ่อนคลาย (ease)
ครอบคลุมบริบทด้าน
ร่างกาย ด้านจิตใจ
-จิตวิญญาณ สังคมวัฒนธรรม
และสิ่งแวดล้อม
ความสุขสบาย
ความสงบ ผ่อนคลาย (ease)
ความไม่สุขสบายหายไปหรือสงบผ่อนคลาย
อยู่เหนือปัญหา (transcendence)
ความสุขที่อยู่เหนือความไม่สุขสบายทั้งปวง
บรรเทา (relief)
ความไม่สุขสบายที่มีอยู่ทุเลาเบาบางลง
มโนทัศนเกี่ยวกับการเจ็บป่วยระยะท้ายและภาวะใกล้ตาย
การเจ็บป่วยระยะท้าย
ภาวะบุคคลอยู่ในภาวะความเจ็บป่วยที่คุกคามต่อชีวิต
ไม่สามาถบำบัดรักษาเพื่อให้หายขาดได้
เป้าหมายของการรักษาจะปรับเปลี่ยนเป็นการดูแลแบบประคับประคอง
ภาวะใกล้ตาย
ผู้ที่เข้าสู่ช่วงใกล้เสียชีวิต มีอาการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายมากขึ้น
มีค่าคะแนน Palliative performance scale (PPS) น้อยกว่า 30
การดูแลแบบประคับประคอง
การดูแลผู้ป่วยระยะท้าย หรือ palliative care
มุ่งเน้นเป้าหมายเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ผู้ป่วยที่มีโรคหรือภาวะคุกคามชีวิต
ป้องกันและบรรเทาความทุกข์ทรมานต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วย
ประเมินปัญหาสุขภาพแบบองค์รวมทั้งด้าน กาย ใจ สังคม และจิตวิญญาณ
เพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัว ให้ผู้ป่วยได้เสียชีวิตอย่างสงบ
การดูแลระยะท้าย
(End of life care)
การดูแลผู้ป่วยที่อยู่ในระยะท้ายของโรคโดยใช้หลักการดูแลแบบประคับประคอง
ประเด็นจริยธรรมที่สำคัญในการพยาบาลผู้ป่วยภาวะวิกฤต การเจ็บป่วยระยะท้ายและภาวะใกล้ตาย
การุณยฆาต
การทำการุณยฆาตโดยความสมัครใจ (Voluntary euthanasia)
การที่ผู้ป่วยตระหนักรู้เข้าใจถึงอาการ และทนทุกข์
ผู้ป่วยร้องขอให้ยุติการรักษา แพทย์ทำให้ผู้ป่วยถึงแก่ชีวิตโดยเจตนา
การทำการุณยฆาตโดยผู้ป่วยไม่สามารถตัดสินใจได้เอง (Involuntary euthanasia)
การปล่อยให้เกิดการตายตามธรรมชาติ
ปราศจากการช่วยชีวิตด้วยเครื่องมือทางการแพทย์
ผู้ป่วยอยู่ในภาวะเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส
สิทธิส่วนบุคคลที่จะยุติชีวิตลง
ไม่ควรให้ยืดชีวิตออกไปหากช่วยตนเองไม่ได้และไร้การรับรู้ทางสมอง
การยืดหรือการยุติการรักษาที่ยืดชีวิต
การยับยั้งการใช้เครื่องมือช่วยชีวิตในการบำบัดรักษา (withholding of life-sustaining treatment)
การไม่เริ่มต้นใช้เครื่องมือช่วยชีวิต
การเพิกถอนการใช้เครื่องมือช่วยชีวิตในการบำบัดรักษา (withdrawal of life-sustaining treatment)
การเพิกถอนใช้เครื่องมือช่วยชีวิตในการบำบัดรักษา
การฆ่าตัวตายโดยความช่วยเหลือของแพทย์ (Physician-assisted suicide)
การฆ่าตัวตายโดยเจตนา และได้รับความช่วยเหลือจากแพทย์
การฆ่าตัวตายเป็นเสมือนการตายตามความประสงค์ของตนเองซึ่งอาจจะเป็นการตายที่ดี
การจัดสรรทรัพยากรที่มีจำนวนจำกัด
การจัดสรรทรัพยากรจึงควรคำนึงถึงการเกิดประโยชน์มากที่สุด
ความจำเป็นของบุคคล
มีความเสมอภาค
อายุ
พิจารณาจากผลการรักษา
คำนึงถึงผลประโยชน์ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง
การบอกความจริง (Truth telling)
แพทย์ควรบอกให้ผู้ป่วยและญาติทราบเพื่อการเตรียมตัวเตรียมใจ
จัดการภาระค้างอยู่ให้เรียบร้อย ผู้ป่วยอาจมีสติและเวลาในการทำพินัยกรรม
ทางเลือกสำหรับการบอกความจริง
การบอกความจริงทั้งหมด
การบอกความจริงบางส่วน
การหลอกลวง
ประวิงเวลาการบอกความจริง
การเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ
(Organ transplantation)
การผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะเพื่อให้ผู้ป่วยมีชีวิตยืดยาวออกไป
คำนึงโอกาสรอดชีวิต ระยะเวลาการมีชีวิตอยู่หลังผ่าตัด และแหล่งที่มาของอวัยวะ
การซื้อขายอวัยวะเป็นประเด็นปัญหาทางจริยธรรม
แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาทางจริยธรรม
ให้ความรู้แก่พยาบาลในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจเชิงจริยธรรม
จัดกิจกรรมส่งเสริมทักษะในการตัดสินใจเชิงจริยธรรม
รู้ถึงสิทธิและหน้าที่ของพยาบาล
มีความเคารพซึ่งกันและกัน รู้จักขอบเขตหน้าที่
ของตน รับผิดชอบต่อความปลอดภัยของผู้รับบริการ
การดูแลผู้ป่วยวิกฤตในระยะท้ายของชีวิต
(End of life care in ICU)
กระบวนการดูแลผู้ป่วยและตั้งเป้าหมายของการดูแลตั้งแต่วันแรก
สนับสนุนให้มีการทำ Family meeting
ข้อสังเกตเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยระยะท้าย (palliative care)
มีการดูแลในหอผู้ป่วยวิกฤตน้อยกว่าหอผู้ป่วยอื่นๆ
ผู้ป่วยที่มีอาการไม่สุขสบายมากกว่าหอผู้ป่วยอื่นๆ
มีการสื่อสารในแผนการรักษาน้อยกว่าผู้ป่วยอื่น
ความแตกต่างระหว่างการดูแลผู้ป่วยระยะท้ายในหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤตและทั่วไป
Professional culture
บุคลากรที่ทำงานจะคุ้นชินกับการรักษา เพื่อมุ่งให้มีชีวิตรอดพ้นจากภาวะวิกฤต
การตายของผู้ป่วยอาจทำให้ทีมสุขภาพรู้สึกว่าเป็นความล้มเหลว
ความคาดหวังของผู้ป่วยและครอบครัว
มักขาดการเตรียมตัวเพื่อรับมือกับภาวะสุขภาพที่ทรุดลง
มีความคาดหวังสูงที่จะดีขึ้นจากภาวการณ์เจ็บป่วยที่รุนแรง
อาการของผู้ป่วยเป็นสิ่งที่ทำให้ญาติเสียใจและไม่ต้องการรักษาแบบ palliative care
ความไม่แน่นอนของอาการ
ผู้ป่วยมีโอกาสที่จะดีขึ้นแล้วกลับไปทรุดลงได้หลายครั้ง
อาการที่แย่ลงสามารถกลับมาดีขึ้นได้ ซึ่งอาจจะไม่เป็นความจริงเสมอไป
Multidisciplinary team
แพทย์แต่ละสาขามุ่งเน้นรักษาอวัยวะที่ตนรับผิดชอบ ทำให้ไม่ได้มององค์รวม
หากไม่ดูแลแบบองค์รวม ผู้ป่วยจะไม่ได้รับการดูแลแบบ palliative care
ผู้ป่วยในหอผู้ป่วยวิกฤติมีอาการไม่สุขสบายหลายอย่างและมีแนวโน้มถูกละเลย
ทีมสุขภาพมุ่งไปที่การหายของโรคมากกว่าความสุขสบายของผู้ป่วย
ทรัพยากรมีจำกัด
เตียงผู้ป่วยในไอซียู รวมทั้งอุปกรณ์หรือเครื่องมือต่าง ๆ มีจำกัด
ควรใช้กับผู้ป่วยที่มีโอกาสจะรักษาอาการดีขึ้น ไม่ใช่ทุกราย
สิ่งแวดล้อมในหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤต
มักจะพลุกพล่าน วุ่นวาย มีเสียงสัญญาณเตือนดังเกือบตลอดเวลา
ไม่เหมาะกับการเป็นสถานที่สุดท้ายก่อนผู้ป่วยจะจากไป
หลักการดูแลผู้ป่วยระยะท้ายในหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤต
ทีมสุขภาพที่ทำงานในไอซียูเป็นผู้เริ่มลงมือด้วยตนเอง
บูรณาการการดูแลผู้ป่วยระยะท้ายแบบ palliative care เข้าไปทำในแต่ละวัน
การปรึกษาทีม palliative care ของโรงพยาบาลนั้น ๆ มาร่วมดูแลในผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์
การดูแลแบบผสมผสาน
การพยาบาลแบบองค์รวมที่ผสมผสานภูมิปัญญาตะวันออกสำหรับผู้ป่วยวิกฤตระยะท้ายและใกล้ตาย
รักษาชีวิตและการบรรเทาความทุกข์ทรมาน
ป้องกันภาวะแทรกซ้อนและการฟื้นฟูสภาพ
ให้การดูแลแบบผสมผสาน
ประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาตะวันออก
ระบบการแพทย์เฉพาะ
การผสมผสานกายจิต
อาหารและสมุนไพร
พลังบำบัด
หลักการพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยระยะท้ายใกล้ตาย
การประเมินสภาพ
การประเมินอาการทางร่างกาย
การประเมินด้านจิตใจ ผู้ป่วยในระยะ
สุดท้ายจะมีความผิดปกติทางด้านจิตใจ
ภาวะซึมเศร้า (Depression)
ภาวะวิตกกังวล (Anxiety)
ภาวะสับสน (Delirium)
การประเมินด้านสังคม
การประเมินด้านจิตวิญญาณ
การประเมินระดับ Palliative
Performance Scale (PPS)
ใช้ประเมินสภาวะของผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลรักษาแบบประคับประคอง
ใช้เกณฑ์วัดจากความสามารถ 5 ด้าน
ความสามารถในการเคลื่อนไหว
กิจกรรมและความรุนแรงของโรค
การดูแลตนเอง
การกินอาหาร
ความรู้สึกตัว
จุดประสงค์ของการใช้ PPS
เพื่อสื่อสารอาการของผู้ป่วยระหว่างบุคลากรในทีมที่ร่วมกัน
เพื่อประเมินโรคอย่างคร่าวๆ และติดตามผลการรักษา
ใช้เป็นเกณฑ์คัดเลือกผู้ป่วยเพื่อดูแลในสถานที่ผู้ป่วยระยะสุดท้าย
ใช้บอกความยากของภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์
ใช้ในการวิจัย
หลักการ
การสื่อสาร
สามารถลดความไม่สุขสบายใจ
ลดการเกิดความไม่พอใจของครอบครัว
ยังสามารถเพิ่มความเพิ่งพอใจในการให้บริการ
ลดความไม่จำเป็นในการใช้เครื่องพยุงชีพ
สามารถลดระยะเวลานอนรักษาในไอซียู
การจัดการอาการ
ไม่สุขสบายต่าง ๆ
การใส่ใจประเมินอาการและจัดการอาการไม่สุขสบายอย่างเต็มที่
บรรเทาความเจ็บป่วยทรมาน (Symptom management)
การช่วยเหลือดูแลทางกายตามอาการที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยระยะสุดท้าย
อาการปวด
อาการท้องผูก
เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน
อาการท้องมานหรือบวม
อาการไอ หอบเหนื่อย
การเกิดแผลกดทับ
การดูแลทั่วไป
ดูแลความสะอาดร่างกาย ให้
ได้รับสารน้ำอย่างเพียงพอ
ลดการกระตุ้นที่รบกวนผู้ป่วย
ควรงดการรบกวนผู้ป่วย
การดูแลด้านอารมณ์และสังคมของผู้ป่วยและครอบครัว (Psychosocial care)
ช่วยให้ผู้ป่วยยอมรับความตายที่จะมาถึง
ช่วยให้จิตใจจดจ่อกับสิ่งดีงาม
การช่วยปลดเปลื้องสิ่งที่ค้างคาใจ
แนะนำให้ผู้ป่วยปล่อยวางสิ่งต่างๆ
สร้างบรรยากาศที่สงบและเป็นส่วนตัว
การดูแลด้านจิตวิญญาณผู้ป่วยระยะสุดท้ายและครอบครัว
ประเมินและบันทึกความต้องการทางจิตวิญญาณในระหว่าง
การดูแลเป็นระยะ
สนับสนุนให้มีสถานที่หรือกิจกรรมส่งเสริมด้านจิตวิญญาณ
สอบถามและส่งเสริมให้เกิดการปฏิบัติตามศรัทธาความเชื่อ
ดูแลให้ได้รับการประชุม
ครอบครัว (Family meeting)
สร้างความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับโรคและระยะของโรค
ประเมินความต้องการด้านอื่นๆ ของผู้ป่วย และครอบครัว
การให้ข้อมูลในการบรรเทาความเจ็บป่วยให้กับผู้ป่วย
ให้ผู้ป่วยและครอบครัวได้เตรียมใจ ให้หมดห่วง
ควรมีการบันทึกไว้เพื่อเป็นหลักฐานทางการแพทย์
การดูแลให้ผู้ป่วยและญาติเข้าถึงการวางแผนการดูแลล่วงหน้า (Advance Care Planning [ACP])
บทบาทของพยาบาล
การสื่อสาร สื่อสารร่วมกันระหว่าง
ทีมสุขภาพกับผู้ป่วยและญาติ
การคอยช่วยเหลือผู้ป่วยทำการวาง
แผนการดูแลล่วงหน้า
การรวบรวมเอกสาร
Advance Care Planning [ACP]
Living will หรือ พินัยกรรมชีวิต
หนังสือที่แสดงเจตนาด้วยวาจาต่อแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่
แสดงให้ทราบว่าไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุข
หนังสือที่เคารพสิทธิของผู้ป่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับชีวิต
สิทธิในชีวิตร่างกายซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของ “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์”
ไม่ถูกเหนี่ยวรั้งการตายด้วยวิธีการรักษาหรือเทคโนโลยี
ทางการแพทย์
Proxy
บุคคลใกล้ชิดที่ผู้ป่วยมอบหมายให้มีอำนาจตัดสินใจ
การดูแลผู้ป่วยที่กำลังจะ
เสียชีวิต (manage dying patient)
หากมีเวลาเตรียมก่อนเสียชีวิตหลายวัน อาจพิจารณาย้ายไปใกล้ชิดกับญาติ
หากเสียชีวิตเกิดขึ้นไม่นาน ทีมสุขภาพสามารถจัดสิ่งแวดล้อมให้สงบที่สุด
อำนวยความสะดวกจัดหาเก้าอี้ให้พอเพียงกับครอบครัว
การเตรียมตัวผู้ป่วย
ปิดเครื่องติดตามสัญญาณชีพ
ปิดม่านให้มิดชิด
ทำความสะอาดร่างกายผู้ป่วย
นำสายต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็นออก
อธิบายครอบครัวถึงอาการต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น
การดูแลจิตใจครอบครัว
ผู้ป่วยต่อเนื่อง (bereavement care)
ทีมสุขภาพอาจทำการแสดงความเสียใจต่อการสูญเสีย
การเสียใจกับการสูญเสียเป็นสิ่งปกติ
การดูแลร่างกายและจิตใจ และมีคำแนะนำว่าเมื่อไหร่ต้องพบแพทย์เพื่อปรึกษาปัญหา
นางสาวกุลจิรา สมศรี รหัสนักศึกษา 6101211245 เลขทีื่ 56 SecB