Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการทางเคมี - Coggle Diagram
ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการทางเคมี
ฉลากข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยของสารเคมีในระบบGHSและระบบNFPA
ระบบGHS
เป็นระบบการจัดกลุ่มสารเคมี การติดฉลาก และการแสดงรายละเอียดบนเอกสารข้อมูลความปลอดภัย (Safety Data Sheet : SDS) เพื่อให้แต่ละประเทศสามารถสื่อสารและเข้าใจข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับอันตรายที่เกิดจากสารเคมีในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะช่วยลดความซ้ำซ้อนและค่าใช้จ่ายในการทดสอบและประเมินสารเคมี ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นว่าการใช้สารเคมีแต่ละประเภทจะถูกต้องตามวัตถุประสงค์ โดยไม่เกิดผลเสียหรืออันตรายต่อสุขภาพมนุษย์และสิ่งแวดล้อมแต่อย่างใด
-สารไวไฟ -สารที่ทำปฏิกิริยาได้ด้วยตนเอง -สารที่ลุกติดไฟได้เอง -สารที่เกิดความร้อนได้เอง -สารที่ให้ก๊าซไวไฟ
-สารออกซิไดส์
-สารเปอร์ออกไซด์อินทรีย์
-วัตถุระเบิด -สารที่ทำปฏิกิริยาได้ด้วยตนเอง -สารเปอร์ออกไซด์อินทรีย์
ก๊าซภายใต้ความดัน
เป็นอันตรายถึงชีวิต
2 more items...
ระบบNPA
เป็นเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ซึ่งกำหนดและรักษามาตรฐานโดย สมาคมป้องกันอัคคีภัยแห่งชาติ (National Fire Protection Association) ของสหรัฐอเมริกา เพื่อป้องกันและเตือนถึงวัสดุอันตรายต่าง ๆ เครื่องหมายนี้เรียกง่าย ๆ ว่า "เพชรไฟ" (fire diamond) เป็นการเตือนภัยส่วนบุคคลเพื่อให้ง่ายและรวดเร็วที่จะได้ทราบ ว่าเป็นวัสดุอันตรายชนิดใด มีวิธีการปฏิบัติหรือต้องการเครื่องมือเฉพาะอย่างไรบ้าง
-
สีน้ำเงิน
แสดง อันตรายต่อสุขภาพอนามัย -
สีแดง
แสดง ความไวไฟ -
สีเหลือง
แสดง ความไวต่อปฏิกิริยา (reactivity) -
สีขาว
แสดง รหัสเฉพาะสำหรับอันตรายต่อสุขภาพอนามัย
น้ำเงิน - สุขภาพอนามัย
ได้รับเพียงช่วงเวลาสั้นๆ อาจถึงตายได้หรืออาการสาหัส (เช่น ไฮโดรเจนไซยาไนด์)
ได้รับเพียงช่วงเวลาสั้น ก็จะเป็นอันตรายร้ายแรงชั่วคราว หรือ ถาวร (เช่น ก๊าซคลอรีน)
ได้รับเป็นช่วง ๆ หรือต่อเนื่องแต่ไม่ประจำ อาจเป็นสาเหตุให้ไร้ความสามารถชั่วขณะ หรือเป็นอันตรายแบบถาวรได้ (เช่น ก๊าซแอมโมเนีย)
ได้รับแล้วอาจทำให้เกิดระคายเคือง และอาจทำให้เกิดแผลเป็นเล็กน้อยเท่านั้น (เช่น น้ำมันสน (turpentine))
ได้รับขณะร้อนไม่เกิดอันตรายเท่าไร (เช่น น้ำมันถั่วลิสง (peanut oil))
แดง - ความไวไฟ
สารที่สามารถระเหยได้อย่างรวดเร็วและสมบูรณ์ในสภาพความดันและอุณหภูมิปกติ หรือกระจายในอากาศและเผาไหม้ได้โดยง่าย มีจุดวาบไฟต่ำกว่า 23°C (เช่น โพรเพน)
ของแข็งหรือของเหลวที่สามารถลุกติดไฟได้ในสภาพแวดล้อมและอุณหภูมิปกติ จุดวาบไฟอยู่ระหว่าง 38 - 23°C (เช่น น้ำมันเบนซิน)
สารที่ต้องให้ความร้อนปานกลางถึงสูงจึงสามารถลุกติดไฟได้ จุดวาบไฟอยู่ระหว่าง 93 - 38°C (เช่น น้ำมันดีเซล)
สารที่ต้องให้ความร้อนสูงเป็นเวลานานจึงสามารถลุกติดไฟได้ จุดวาบไฟสูงกว่า 93°C (เช่น น้ำมันคาโนล่า)
สารที่ไม่ติดไฟ (เช่น อาร์กอน)
เหลือง - ความไวในปฏิกิริยาเคมี
ระเบิดได้
ความร้อนและการกระแทกอาจเกิดการระเบิดได้
ปฏิกิริยาเคมีรุนแรง
ไม่เสถียรถ้าโดนความร้อน และความดัน
เสถียร
ขาว - รหัสเฉพาะ
ALK อัลคาไลน์(เบส)
ACID กรด
COR กัดกร่อน
OXY สารออกซิไดซ์
POI พิษ
กัมมันตรังสี
อันตรายทางชีวภาพ
ทำปฏิกิริยากับน้ำ
เลขที่7 ม.4/10
ข้อควรปฎิบัติในการทำปฎิการเคมี
ข้อปฎิบัติก่อนทำการทดลอง
1.
นักศึกษาต้องอ่านคู่มือปฏิบัติการมาก่อนทุกครั้งเพื่อทำความเข้าใจถึงวัตถุประสงค์ หลักการ วิธีการทดลอง วางแผนงานการทดลอง วิธีเตรียมสารละลาย ตลอดจนเทคนิคและข้อควรระวังต่างๆ การเตรียมความพร้อมจะช่วยป้องกันความผิดพลาดและช่วยให้การทดลองเสร็จทันเวลา
2.
ศึกษาข้อมูลของสารเคมีในการทดลอง การใช้อุปกรณ์อย่างถูกต้องตลอดจนวิธีการทดลองที่ถูกต้องเเเละปลอดภัย
ชนิดของสาร
-สารละลายเข้มข้นบางชนิด
-เช่นกรดไฮโดรคลอริก
วิธีการกำจัด
สามารถเทลงอ่างเเละเปิดนํ้าตามมากๆ
ชนิดของสาร
-ของเหลวที่ไม่อันตรายละลายนํ้าได้
-pHเป็นกลาง
วิธีการกำจัด
สามารถเทลงอ่างเเละเปิดนํ้าตามมากๆ
ชนิดของสาร
-สารที่ปฎิกิริยากับนํ้า
-ตัวทำละลายที่ไม่ละลายนํ้า
-สารประกอบองโลหะพิษ
วิธีการกำจัด
ให้ทิ้งในภาชนะที่ห้องปฏิบัติการเตรียมไว้ให้
ชนิดของสาร
-สารเคมีของเเข็งไม่อันตราย
วิธีการกำจัด
ใส่ในภาชนะที่มิดชิดเเละทิ้งในที่ซึ่งจัดเตรียมไว้ให้
3.
เเต่งกายให้เรียบร้อย
ข้อปฎิบัติขณะทำการทดลอง
1.
ปฏิบัติตามขั้นตอนและคำแนะนำของผู้ควบคุมอย่างเคร่งครัด
2.
มีความระมัดระวัง ไม่ประมาทเลินเล่อหรือหยอกล้อกัน ไม่ทำการทดลองใดๆ ที่นอกเหนือไปจากการทดลองที่มีไว้ในคู่มือหรือที่ผู้ควบคุมแนะนำเพิ่มเติม
3.
กรณีผลการทดลองผิดปกติจากระบุในคู่มือให้นักศึกษาแจ้งอาจารย์ก่อนทำขั้นตอนต่อไป
4.
ควรเขียนฉลากของเครื่องแก้วหรือสารเคมีเพื่อป้องกันความสับสน หรือใช้สารผิดในการทำการทดลอง
ข้อปฎิบัติหลังการทดลอง
1.
เมื่อทำการทดลองเสร็จเรียบร้อย นักศึกษาต้องทำความสะอาดเครื่องแก้ว อุปกรณ์ และเก็บให้เรียบร้อย พร้อมตรวจเช็คจำนวนถูกต้องตามใบแจ้ง(กรณีไม่ครบเนื่องจากสูญหาย แตกหัก แจ้งอาจารย์ทันที)
2.
ให้ส่งรายงานการทดลอง นักศึกษาต้องส่งรายงานการทดลอง
3.
การเขียนรายงานการทดลองควรกระชับและมีรายละเอียดครอบคลุมการทดลองนั้น แสดงผลการทดลอง อภิปรายผลการทดลองว่ามีความสอดคล้องกับทฤษฎีหรือไม่ อย่างไร สามารถระบุสาเหตุความคลาดเคลื่อนได้
วิดิโอเพิ่มเติมในการศึกษา
https://www.youtube.com/watch?v=3kbO3Qf9_Lo
เลขที่5 ม.4/10
การวัดปริมาณสาร
ในปฏิบัติการเคมีจำเป็นต้องมีการชั่ง ตวง และวัดปริมาณสาร ซึ่งการชั่ง ตวง วัด มีความคลาดเคลื่อน
ที่อาจเกิดจากอุปกรณ์ที่ใช้ หรือผู้ทำปฏิบัติการ ที่จะส่งผลให้ผลการทดลองที่ได้มีค่ามากกว่าหรือน้อยกว่าค่าจริง
อุปกรณ์วัดปริมาตร
อุปกรณ์วัดปริมาตรสารเคมีท่เีป็นของเหลวที่ใช้ในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์มีหลายชนิด แต่ละชนิดมีขีดและตัวเลขแสดงปริมาตรที่ได้รับการตรวจสอบมาตรฐาน และกำหนดความคลาดเคลื่อน
บีกเกอร์
บีกเกอร์(beaker) มีลักษณะเป็นทรงกระบอกปากกว้าง มีขีดบอกปริมาตรในระดับมิลลิลิตร มีหลายขนาด
ขวดรูปกรวย
ขวดรูปกรวย (erlenmeyer flask) มีลักษณะคล้ายผลชมพู่ มีขีดบอกปริมาตรในระดับมิลลิลิตร มีหลายขนาด
กระบอกตวง
กระบอกตวง (measuring cylinder) มีลักษณะเป็นทรงกระบอก มีขีดบอกปริมาตรในระดับมิลลิลิตร มีหลายขนาด
ปิเปตต์
ปิเปตต์ (pipette) เป็นอุปกรณ์วัดปริมาตรที่มีความแม่นสูง ซึ่งใช้สำหรับถ่ายเทของเหลว ปิเปตต์ที่ใช้กันทั่วไปมี 2 แบบ คือ แบบปริมาตรซึ่งมีกระเปาะตรงกลาง มีขีดบอกปริมาตรเพียงค่าเดียว และแบบใช้ตวง มีขีดบอกปริมาตรหลายค่า
บิวเรตต์
บิวเรตต์ (burette) เป็นอุปกรณ์สำหรับถ่ายเทของเหลวในปริมาตรต่าง ๆ ตามต้องการ มีลักษณะ
เป็นทรงกระบอกยาวที่มีขีดบอกปริมาตร และมีอุปกรณ์ควบคุมการไหลของของเหลวที่เรียกว่า ก็อก
ปิดเปิด (stop cock)
1 more item...
ขวดกำหนดปริมาตร
ขวดกำหนดปริมาตร (volumetric flask) เป็นอุปกรณ์สำหรับวัดปริมาตรของของเหลวที่บรรจุ
ภายใน ใช้สำหรับเตรียมสารละลายที่ต้องการความเข้มข้นแน่นอน มีขีดบอกปริมาตรเพียงขีดเดียว
มีจุกปิดสนิท ขวดกำหนดปริมาตรมีหลายขนาด
1 more item...
อุปกรณ์วัดมวล
2 more items...
อุบัติเหตุจากสารเคมี การป้องกันและการปฐมพยาบาล
ไฟไหม้
วิธีป้องกันที่ดี ที่สุดคือไม่ใช้หรือไม่ปล่อยให้มีเปลวไฟในห้องปฏิบัติการ
หลักการปฐมพยาบาลผู้ถูกไฟไหม้
1.ต้องทำการหยุดยั้งความร้อนที่เกิดขึ้นเมื่อถูกไฟไหม้ เช่น การดับไฟโดยใช้น้ำราด หรือการใช้ผ้าคลุมตัว
2.ตรวจร่ายกายผู้ป่วย
-การหายใจ ถ้าพบสิ่งผิดปกติที่ทำให้หายใจลำบากหรือไม่หายใจ ต้องช่วยหายใจโดยเร็ว
-การบาดเจ็บ หากมีบาดแผลอื่นๆ เลือดออก ต้องทำการห้ามเลือดโดยทันที หรือแม้แต่กระดูกหัก ก็ต้องเข้าเฝือกชั่วคราว
-การประเมินความรุนแรงของแผลไฟไหม้
สารเคมีเข้าตา
วิธีป้องกันใส่แว่นเพื่อป้องกันสารเคมีเข้าตา
หลักการปฐมพยาบาลเมื่อสารเคมีเข้าตา
1.รีบล้างสารเคมีออกจากดวงตาด้วยน้ำสะอาด หรือน้ำเกลือ วิธีการคือ เทน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือลงในถ้วยหรือเหยือกเล็กๆ จากนั้นค่อยๆ เทให้น้ำไหลผ่านดวงตา เป็นเวลา 10-20 นาที
2.หลังล้างสารเคมีออกจากตาแล้ว ให้ปิดตาข้างนั้นด้วยสำลีปลอดเชื้อ ผ้าก๊อซ หรือแผ่นปิดตา จากนั้นรีบเข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาลโดยเร็วที่สุด
สูดดมแก๊สพิษ
วิธีป้องกันการสูดดมแก๊สพิษ
ไม่ควรดมแก๊สใกล้มากเกินไป
ใส่แมสที่ป้องกันได้ดี
การปฐมพยาบาลสำหรับผู้ที่ได้รับสารพิษทางการหายใจ
1.กลั้นหายใจ และรีบเปิดประตูหรือหน้าต่าง เพื่อถ่ายเทอากาศโดยรอบออก
2.ย้ายผู้ป่วยออกมายังบริเวณที่มีอากาศถ่ายเท และมีอากาศบริสุทธิ์
3.ตรวจสอบการเต้นของหัวใจ และการหายใจ
4.หากผู้ป่วยไม่หายใจหรือหัวใจหยุดเต้น ให้ทำการ CPR รีบนำตัวส่งโรงพยาบาล
เลขที่6 ห้อง4/10
เลขนัยสำคัญ
หลักการนับเลขนัยสำคัญ
การนับตัวเลขนัยสำคัญ จะนับจากตัวเลขที่แน่นอนตัวแรกสุดที่ไม่ใช่เลขศูนย์ รวมถึงตัวเลขสุดท้ายที่มีค่าไม่แน่นอนอีกหนึ่งตัว
ตัวอย่างเช่น
2.76 มีตัวเลขที่แน่นอน 2 ตัว คือเลข 2 และ 7 และตัวเลขที่ไม่แน่นอนคือเลข 6 จึงมีจำนวนเลขนัยสำคัญ 3 ตัว
0.1084 มีตัวเลขที่แน่นอน 3 ตัว คือเลข 1 0 และ 8 และตัวเลขที่ไม่แน่นอนคือเลข 4 จึงมีจำนวนเลขนัยสำคัญ 4 ตัว (เลข 0 ตัวแรกไม่นับ)
ถ้ามีเลขศูนย์อยู่ระหว่างตัวเลขให้นับเลขนัยสำคัญด้วย เช่น
1.008 มีจำนวนเลขนัยสำคัญ 4 ตัว โดยมีเลข 1 0 และ 0 เป็นค่าที่แน่นอน และเลข 8 เป็นตัวเลขที่ไม่แน่นอน
0.501 มีจำนวนเลขนัยสำคัญ 3 ตัว เลข 5 และ 0 เป็นค่าที่แน่นอน และ 1 เป็นตัวเลขที่ไม่แน่นอน
0.0050003 มีจำนวนเลขนัยสำคัญ 5 ตัว เลข 5 และ 0 อีก 3 ตัว ที่อยู่ถัดไปเป็นค่าที่แน่นอน และ 3 เป็นตัวเลขที่ไม่แน่นอน
หลักการปัดเลขนัยสำคัญ
การปัดเลข ในการปัดตัวเลขให้พิจารณาตัวเลขที่ตามหลังตัวเลขนัยสำคัญตัวสุดท้าย
หลักการคำนวณเลขนัยสำคัญ
1) ตัวเลขนัยสำคัญที่ได้จากการบวกหรือลบ ผลลัพธ์ต้องมีเลขทศนิยมเท่ากับจำนวนเลขที่อยู่หลังจุดทศนิยมที่มีจำนวนน้อยที่สุด เช่น
12.45 + 134.324 + 60.4786 = 207.2526
ดังนั้นผลลัพธ์ต้องมีเลขทศนิยมเท่ากับสองตำแหน่ง เราต้องนำหลักการปัดเลขมาพิจารณาเลข 5 ซึ่งหลังเลข 5 เป็น 2 ซึ่งน้อยกว่า 5 ดังนั้นให้ปัดทิ้ง คำตอบที่ถูกต้องตามหลักเลขนัยสำคัญคือ 207.25
2) ตัวเลขนัยสำคัญที่ได้การคูณหรือหาร ผลลัพธ์ที่ได้ต้องมีเลขนัยสำคัญเท่ากับตัวเลขที่นำมาคูณหรือที่มีจำนวนเลขนัยสำคัญน้อยที่สุด เช่น
0.90815 = 0.91
ดังนั้นผลลัพธ์ต้องมีเลขนัยสำคัญเท่ากับตัวเลขที่นำมาคูณหรือที่มีจำนวนเลขนัยสำคัญน้อยที่สุด นั่นคือ 5.2 (นับเลขนัยสำคัญได้ 2 ตัว) เราต้องนำหลักการปัดเลขมาพิจารณาเลข 0 ซึ่งหลังเลข 0 เป็น 8 ซึ่งน้อยกว่า 5 ดังนั้นให้ปัดขึ้น คำตอบที่ถูกต้องตามหลักเลขนัยสำคัญคือ 0.91
ม.4/10 เลขที่ 8
แฟกเตอร์เปลี่ยนหน่วย
ใช้ในการเทียบหาหน่วยใหม่ จากหน่วยที่โจทย์กำหนดให้ โดยเกิดจากความสัมพันธ์ของปริมาณ 2 ปริมาณ นำมาทำเป็นอัตราส่วนเพื่อนำไปใช้คูณในการเปลี่ยนหน่วย
หลักการ
รู้ความสัมพันธ์สำหรับ 2 สิ่ง
เช่น 1 โหล มี 12 ชิ้น เป็นความสัมพันธ์ระหว่างหน่วย โหล และหน่วย ชิ้น
ทำความสัมพันธ์ของ 2 สิ่งเป็นอัตราส่วน ได้ 2 แบบ เรียกว่า "แฟกเตอร์เปลี่ยนหน่วย"
เช่น 1 โหล มี 12 ชิ้น จะได้แฟกเตอร์เปลี่ยนหน่วย 2 แบบ คือ
1 โหล / 12 ชิ้น
12 ชิ้น / 1 โหล
เมื่อต้องการเปลี่ยนหน่วยหนึ่งไปเป็นอีกหน่วยหนึ่ง ก็เลือกแฟกเตอร์เปลี่ยนหน่วยมาคูณ
วิธีการทางวิทยาศาสตร์
เลขที่ 13 ม.4/10
ระบุปัญหา
ตั้งสมมติฐาน
ตรวจสอบสมมติฐานและออกแบบ
การทดลอง
รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ผล
สรุปผล
การสรุปผลการทดลองต้องอาศัยทักษะการตีความหมายข้อมูลและการลงข้อสรุป
การตีความหมายข้อมูล : การแปลความหรือการบรรยายลักษณะข้อมูลที่มีอยู่
การลงข้อสรุป: เป็นการบอกความสัมพันธ์ของตัวแปรต้นและตัวแปรตาม หรือบอกความตัวแปรต้นและตัวแปรตาม หรือบอกความครอบคลุมข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่
การนำเสนอข้อมูลทำได้ดังนี้
แผนภูมิแท่ง
1 more item...
แผนภูมิรูปภาพ
1 more item...
แผนภูมิวงกลม
1 more item...
การเขียนตารางผลการทดลอง
1 more item...
กราฟเส้น
1 more item...
เป็นกระบวนการหาคำตอบของสมมติฐาน โดยการออกแบบการทดลอง โดยมีการควบคุมปัจจัยต่างๆที่มีผลต่อการทดลอง รวมทั้งมีขั้นตอนการทดลองที่ชัดเจน
หมายถึง การคาดคะเนคำตอบล่วงหน้าก่อนทำการทดลอง อาศัยการสังเกต ความรู้ ประสบการณ์เดิมเป็นพื้นฐาน คำตอบที่คิดหาล่วงหน้านี้เป็นสิ่งที่ยังไม่เป็นหลักการ กฎ หรือทฤษฎีมาก่อน
คือ การกำหนดเรื่องที่เราสนใจ
ศึกษา เป็นสิ่งที่เราสงสัยอยากรู้
ปัญหาได้มาอย่างไร
จากคำบอกเล่า
จากประสบการณ์เดิม
จากการสังเกตสิ่งรอบๆตัว
รูปแบบของสมมติฐานเป็นอย่างไร ?
ถ้า…ดังนั้น ...
ถ้า....จะตามด้วยตัวแปรต้น (เหตุ)
ดังนั้น.... จะตามด้วยตัวแปรตาม (ผล)
หรือเขียนเป็นความสัมพันธ์ของตัวแปร
ตัวแปรมีกี่ชนิด ? อะไรบ้าง ?
ตัวแปร มี 3 ชนิด
ตัวแปรต้น : สาเหตุ
ตัวแปรตาม : ผล
ตัวแปรควบคุม : สิ่งที่นอกเหนือจากตัวแปรต้นที่มีผลต่อการทดลอง