Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 14 การปฐมพยาบาลเบื้องต้นรักษาโรคเบื้องต้นทางศัลยกรม - Coggle Diagram
บทที่ 14 การปฐมพยาบาลเบื้องต้นรักษาโรคเบื้องต้นทางศัลยกรม
Wound Types
Open wound
แผลเปิด คือบาดแผลที่มีการฉีกขาดของผิวหนัง (skin) หรือ เยื่อบุ(mucous membrane หรือ mucosa) ลึกถึงชั้น basal layer
Closed wound
แผลปิด คือบาดแผลที่หายแล้วโดยสมบูรณ์ ผิวหนังหรือ เยื่อบุสมานกันดีและปิดทางที่จะให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายผ่านแผลปิดนั้นได้
Laceration wound
แผลฉีกขาดที่อาจเป็นได้ทั้งฉีกขาดตื้นและเป็นแผลลึกเกิดเนื่องจากมีแรงกระทำต่อแผลและทำให้ผิวหนังฉีกขาดออกตามแนวของผิวหนัง
Puncture wound
แผลถูกทิ่มแทงจะมีรูข้าวของแผลเล็กซึ่งอาจมีเชื้อแบคทีเรียหรือสิ่งแปลกปลอมจากภายนอกถูกดันเข้าไปในก้นแผลได้บาดแผลชนิดนี้อาจมีอวัยวะภายในได้รับอันตราย เช่น หลอดเลือด เส้นประสาทและแผลควรได้รับการสำรวจให้ถึงก้นแผลและล้างทำความสะอาด เอาเศษสิ่งแปลกปลอมออกให้หมด
Avulsion wound
แผลที่มีส่วนของผิวหนังแยกจากชั้น subcutaneous tissue ที่อยู่ข้างล่างชั้นต่างๆของ dermis, subcutaneous tissue, fascia และกล้ามเนื้อจะสามารถถูกแยกกันได้ด้วยแรงที่ฉีกเนื้อเยื่อออกซึ่งการเย็บแผลแบบนี้กลับคืนอาจทำได้ไม่ง่ายนัก เพราะอาจเย็บขอบของแผลผิดมุมได้และอาจมีเนื้อเยื่อบริเวณมุมของแผลตายได้
Crush injury wound
เป็นแผลที่ได้รับแรงกดจากภายนอกสูงทำให้ผิวหนังถูกบดช้ำบางส่วนบาดแผลชนิดนี้จะพบเนื้อเยื่อที่ช้ำตายมาก
Contusion wound
การที่มีเลือดออกภายในชั้นผิวหนัง หรือภายในเนื้อเยื่อ เนื่องจากมีการฉีกขาดของหลอดเลือดที่อยู่ข้างใต้ผิวหนังและเนื้อเยื่อ
Wound management
Hemostasis
การห้ามเลือดของร่างกายโดยอาศัยหลอดเลือดและส่วนประกอบของเลือดคือ เกร็ดเลือด(platelet)และโปรตีนต่างๆรวมตัวกันเป็นผลทำให้เกิดลิ่มเลือดขึ้นเมื่อร่างกายมีการตกเลือดภายนอกอัน หมายถึงการที่หลอดเลือดถูกทำลาย และมีเลือดออกมาให้เห็นซึ่งถ้าเป็นการตกเลือดที่ออกมาจากหลอดเลือดแดงจะมีสีแดงจัด โดยพุ่งออกมาตามจังหวะการเต้นของหัวใจซึ่งจะเป็นอันตรายถ้าเลือดไม่หยุดและไม่ได้ห้ามเลือด
wound dressing
การทำความสะอาด ขจัดสิ่งแปลกปลอมออกจากแผล ตกแต่งแผล
Debridement
การตัดเนื้อตายและนำสิ่งแปลกปลอมออกจากบาดแผลจะช่วยให้การหายของบาดแผลดีขึ้นและลดโอกาสการติดเชื้อลง
Wound closure
บาดแผลอุบัติเหตุเมื่อได้รับการรักษาทำความสะอาดจนดีพอแล้วสามารถเย็บปิดได้เลยในช่วงระยะเวลาที่เรียกว่าgolden period โดยทั่วไปไม่ควรเกิน 6 ชั่วโมงตั้งแต่เกิดบาดแผล
Primary closure
การเย็บปิดแผลภายหลังจากการทำความสะอาดบาดแผล
จนเรียบร้อยแล้วทันที
Secondary closure
การรักษาบาดแผลแบบทำแผลไปเรื่อยๆจนบาดแผลหายสนิทเอง
Delayed primary closure
ล้างทำความสะอาดบาดแผลแต่ยังไม่เย็บปิดแผลจากนั้นนัดผู้ป่วยมาทำแผลทุกวันจนแน่ใจว่าไม่มีการติดเชื้อแล้วจึงทำการเย็บปิดแผล
Wound exploration
จะทำเมื่อล้างทำความสะอาดบาดแผลเรียบร้อยแล้ว
เพื่อดูว่าภายในแผลมีอวัยวะหรือเนื้อเยื่อต่างๆได้รับอันตรายหรือไม่ได้แก่ กล้ามเนื้อ เส้นเลือด เส้นประสาท เอ็น กระดูก และข้อต่อ
Suture wound
หลักในการเย็บแผล
Wound edge eversion
ต้องให้ขอบแผลชนเข้ากันพอดี หรือให้นูนเล็กน้อย เมื่อมีการ remodeling ของบาดแผล ขอบแผลจะยุบตัวลงเล็กน้อยทำให้ขอบแผลเรียบพอดี
Wound tension
การเย็บเอาเนื้อเยื่อชั้นต่างๆรวมทั้งผิวหนังมาชนกันโดยใช้ suture material ถ้ามีแรงดึงรั้งเนื้อเยื่อจำนวนมาก
layer matching
ต้องเย็บเนื้อเยื่อเป็นชั้นๆเข้าหากันตามลำดับ เพื่อให้ขอบแผลเรียบเสมอกัน
Collapse dead space
การเย็บแผลแล้วทำให้เกิดโพรงหรือช่องว่างในชั้นลึกของบาดแผลในกรณีแผลไม่ลึกอาจเย็บชั้นเดียวโดยตักเข็มให้ลึกเท่าก้นแผลแต่ถ้าแผลลึกมากก็ใช้วิธีเย็บเป็นชั้นๆจากก้นแผลขึ้นมาเรื่อยๆตามลำดับชั้นของเนื้อเยื่อ
Suture material
Absorbable Sutures
ไหมที่จะสูญเสียแรงตึงของไหมไปภายใน 60 วันหลังจากวันที่เย็บแผลไหมละลายที่ดีควรมีปฏิกิริยาต่อเนื้อเยื่อน้อย มีแรงดึงมาก ละลายช้า มัดปมได้แน่นไม่เลื่อนหลุด สำหรับไหมที่ละลายเร็วจะใช้ในการเย็บผิวหนังบริเวณใบหน้า
Non absorbable Sutures
คือวัสดุที่สามารถสลายไปได้เองได้ยากใช้เวลานานประมาณ 1-2 ปี ซึ่งอาจทำให้การตกค้างและพังผืดมาห่อหุ้มได้
ชนิดของการเย็บ
Subcuticular suture
เย็บบริเวณที่ตื้นไม่ลึกมากเย็บดึงขอบผิวหนัง (Skin) ชิดเข้าหากัน
Half buried Horizontal mattress suture
เย็บบาดแผลที่เป็นรูปสามเหลี่ยมปลายแหลมไม่ต้องการให้แรงกดบริเวณด้านบนส่วนปลายของผิวหนังที่ถูกทำลายและสามารถช่วยลดการเกิดเนื้อตายบริเวณส่วยปลายลงได้
Vertical mattress suture
ใช้ในรายที่บาดแผลมีขนาดค่อนข้างลึกมีแรงดึงของขอบแผลค่อนข้างมากขอบแผลอาจม้วนเข้าด้านในการเย็บแบบนี้จะทำให้ขอบแผลชนกันสนิท
Skin staples
เย็บบาดแผลโดยลวดเย็บส่วนใหญ่มักจะทำหลังผ่าตัดโดยแพทย์เนื่องจากสะดวก รวดเร็ว ใช้เวลาน้อย
Continuous overhand suture
เหมาะสำหรับการเย็บแผลที่มีขนาดตื้นแต่ยาว ประหยัดไหมและเวลา
Skin adhesive strips
เย็บบาดแผลบริเวณบาดแผลที่ตื้นแผลสะอาดขอบแผลเรียบมีขนาดเล็กสามารถดึงขอบของบาดแผลชิดติดกันได้ง่าย
Single interrupted suture
เหมาะสำหรับการเย็บบาดแผลทั่วไปที่มีความลึกและแรงดึงของแผลไม่มากนักไม่มีการม้วนเข้าในของขอบแผล
ยาชาที่นิยมใช้
Lidocaine (Xylocaine)
เป็นยาชาที่นิยมใช้มากที่สุด
ราคาถูก
ออกฤทธิ์เร็วใช้เวลาประมาณ 3-5 นาที
ปริมาณยาที่ให้ได้สูงสุดคือประมาณ 4.5 mg/kg
lidocaine ที่ผสม adrenaline 1:100,000 หรือ 1:200,000
จะทำให้ฤทธิ์ของยาอยู่นานขึ้น
และอาจจะสามารถลดปริมาณเลือดออกได้
ไม่ควรใช้ยานี้ในบริเวณปลายนิ้วมือ ปลายนิ้วเท้า ติ่งหู ปลายจมูก และอวัยวะเพศชายเพราะจะทำให้เกิดการขาดเลือดของอวัยวะเหล่านี้ได้
การตัดไหม
ปกติแล้วระยะเวลาในการตัดไหมในบริเวณต่างๆของร่ายกายมักจะแตกต่างกันไปนอกจากนี้ยังอาจต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆในตัวผู้ป่วยด้วย
ระยะเวลาที่แนะนำให้ตัดไหม
แผลที่บริเวณใบหน้า ตัดไหมประมาณวันที่ 5
แผลที่หนังศีรษะ ตัดไหมประมาณวันที่ 7 – 10
บริเวณข้อ, มีการเคลื่อนไหว ตัดไหมประมาณวันที่ 10 – 14
Incision and Drainage
เล็บขบ
เกิดจากเชื้อ Staphylococcus หรือ Streptococcusทำให้เกิดการอักเสบบวมแดงรอบๆ ขอบเล็บและปวดเล็บ บางรายมีหนองร่วมด้วยมักจะเป็นบริเวณนิ้วเท้าโดยเฉพาะผู้หญิงที่แต่งเล็บหรือเชื้ออาจเข้าบริเวณผิวหนังที่มีแผลเนื่องจากการแช่น้ำนาน
การรักษา
ให้ยาปฏิชีวนะ เช่น cloxacillin 250-500 mg วันละ 4 ครั้ง ถ้าแพ้ยากลุ่ม penicillinให้ใช้ erythromycin
ถ้ามีหนองให้ผ่าเอาหนองออกจะหายเร็วยิ่งขึ้น อาจถอดเล็บ หรือตัดบางส่วนของเล็บออก
ฝี
การอักเสบติดเชื้อเป็นหนองของต่อมเหงื่อ รูขุมขนไม่รุนแรงถ้ามีการติดเชื้อพร้อมๆกันหลายต่อมอาจรุนแรงได้ซึ่งมักจะพบในผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมน้ำตาลได้ไม่ดีเชื้อที่พบบริเวณผิวหนังได้แก่ s.aureus และ diptheroids
อาการที่พบ คือ ปวด คัน ผิวหนังบวม นูนแดง
และอาจพบจุดหนองสีขาวบริเวณกลางของฝี
การใช้ Hot packs และทำ incision and drainage โดยใช้มีดปลายแหลมเบอร์ 11
การใช้ยาปฏิชีวนะ โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องให้ ยกเว้นพบฝีบริเวณหน้า จมูก หรือ ในmmunocompromisedโดยจำเป็นต้องให้ควรให้ยาที่ครอบคลุมเชื้อ staphylococcal ได้ ยาที่แนะนำคือ dicloxacillin, cloxacillin ถ้ามีปัญหาแพ้ยากลุ่ม penicillin อาจให้เป็น erythromycin เป็นต้น
ฝีฝักบัว
การติดเชื้อแบคทีเรียชนิดสแตฟีโลค็อกคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) หรือชนิดสเตรปโตค็อกคัส ไพโอจีนัส (Streptococcus pyogenes) ที่ต่อมไขมันและที่ขุมขนของผิวหนัง แล้วลุกลามจนรวมกันเป็นกลุ่มก้อนมีหนองสะสม มีลักษณะเป็นก้อนหนองหลายก้อนติดกัน
ให้ยาปฏิชีวนะที่ฆ่าเชื้อ staphylococcal ได้ เช่น cloxacillin,erythromycin หรือlyncomycin
ให้กินยาแก้ปวด หากมีอาการปวด
ต้องตรวจปัสสาวะทุกรายว่าเป็นเบาหวานหรือไม่
ประคบความร้อน
ถ้ามีหนองผ่าตัดเอาหนองออก โดยกรีดแผลเป็นรูปกากบาท เมื่อกรีดเอาหนองออกแล้วตัดเอาผิวหนังบางส่วนออก