Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่มีความผิดปกติ ของรกน้ำคร่ำ และความผิดปกติของทารก…
การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่มีความผิดปกติ
ของรกน้ำคร่ำ และความผิดปกติของทารกในครรภ์
ภาวะน้ำคร่ำผิดปกติ
น้ำคร่ำมากกว่าปกติ(polyhydramnios)
ความหมาย
ปริมาณน้ำคร่ำมากกว่ากว่า
2,000 มล.
วัดค่า Amniotic fluid Index: AFI ได้24 - 25 ซม. ขึ้นไป
อุบัติการณ์
ครรภ์แฝดน้ำ พบประมาณร้อยละ 1 ของการตั้งครรภ์
พยาธิสรีรวิทยา
ความผิดปกติของปริมาณน้ำคร่ำจะสัมพันธ์กับ
ความสมดุลของปริมาณของเหลวที่เข้าและออกจากถุงน้ำคร่ำ
สาเหตุ
มารดา
เป็นโรคเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ การตั้งครรภ์แฝด
ทารก
ความผิดปกติของระบบประสาท
การอุดกั้นของระบบทางเดินอาหาร
ความพิการของทารกในครรภ์
ภาวะอุดตันของระบบทางเดินอาหาร
(GI tract obstruct)
ทารกหัวบาตร (anencephalous)
ทารกบวมน้ำ (hydrops fetalis)
ครรภ์แฝดที่มีภาวะแทรกซ้อน twin-to-twin transfusion syndrome
ไม่ทราบสาเหตุ
พบความรุนแรงของภาวะครรภ์แฝดน้ำได้เล็กน้อยถึงปานกลาง
การจำแนกชนิด
ภาวะน้ำคร่ำมากอย่างเฉียบพลัน (Acute hydramnios)
มีอาการไม่สุขสบาย ปวดหลังและหน้าขา แน่นอึดอัดช่องท้อง หายใจลำบากหรือมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน
ภาวะน้ำคร่ำมากเรื้อรัง (chronic hydramnios)
อาการหายใจลำบาก อึดอัด
ผลต่อการตั้งครรภ์
มารดา
เกิดความไม่สุขสบายจากการกดทับของมดลูกที่มีขนาดใหญ่
อาจเกิดการคลอดก่อนกำหนด
ช็อคจากความดันในช่องท้องลดลงอย่างรวดเร็ว
ตกเลือดหลังคลอด
ติดเชื้อหลังคลอด
ทารก
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะพิการ และการคลอดก่อนกำหนด
เกิดภาวะ fetal distress
ทารกอยู่ท่าผิดปกติและไม่คงที
อาการและอาการแสดง
แน่นอึดอัด หายใจลำบาก เจ็บชายโครง
อาการบวมบริเวณเท้า ขา และปากช่องคลอด
น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
การวินิจฉัย
การซักประวัติอาการ และอาการแสดง
การตรวจร่างกาย
หน้าท้องขยายใหญ่ มดลูกมีรูปร่างกลมมากกว่ารูปร่างไข่
คลำหาส่วนต่างๆของทารกได้ลำบาก
เมื่อเคาะบริเวณท้องพบมีคลื่นน้ำกระทบมือ
ฟังเสียง FHS ไม่ได้ยินหรือได้ยินไม่ชัดเจน
น้ำหนักตัวมารดาเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วมากกว่า 1 กิโลกรม/สัปดาห์
ตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ชนิดรุนแรงน้อย (mild) คือ วัด AFI ได้ > 24 เซนติเมตร
ชนิดรุนแรงปานกลาง (moderate) คือ วัด AFI ได้> 32 เซนติเมตร
ชนิดรุนแรงมาก (severe) คือ วัด AFI ได้ > 44 เซนติเมตรขึ้นไป
การดูแลรักษา
การเจาะดูดน้ำคร่ำออก (amnioreduction)
การรักษาด้วยยา prostaglandin synthetase inhibitors
อายุครรภ์น้อยกว่า
32 สัปดาห์
indomethacin
25 มก.รับประทานทุก
6 ชั่วโมง
รับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง
ให้ยาขับปัสสาวะ
หากพบมีภาวะบวม
ให้ยายับยั้งการหดรัดตัวของมดลูก
มีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด
การเจาะถุงน้ำในระยะคลอด
ป้องกันการเกิดรกลอกตัวก่อนกำหนด
และสายสะดือย้อย
การผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
ส่วนนำและท่าของทารกที่ผิดปกติ
ครรภ์แฝด
สายสะดือย้อย
รกลอกตัวก่อนกำหนด
ทารกอยู่ในภาวะขาดออกซิเจน
ให้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
หากมารดามีอาการตกเลือด
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
ประเมินการเกิดรซักประวัติอาการและอาการแสดง การตรวจร่างกาย
ดูแลเพื่อบรรเทาอาการอึดอัดแน่นท้อง
จัดท่ามารดานอนตะแคง
สังเกตอาการและอาการแสดงของภาวะ congestive heart failure
แนะนำให้มารดารับประทานอาหารที่ย่อยง่าย ครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง
แนะนำให้มารดาสวมใส่เสื้อผ้าที่หลวมสบาย
ดูแลให้ได้รับการเจาะดูดน้ำคร่ำออก ตามแผนการรักษาของแพทย์
เฝ้าระวังและตรวจติดตามสุขภาพของทารกในครรภ์
ระยะคลอด
นอนพักบนเตียง
ป้องกันภาวะน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
ประเมินการหดรัดตัวของมดลูก
ฟัง FHS ในระยะ latent ทุก 30 นาที
ระยะ active ทุก 15 นาที
ให้ได้รับสารน้ำและอาหารตามแผนการรักษา
ขณะแพทย์เจาะถุงน้ำ ต้องระมัดระวังให้น้ำคร่ำไหลออกมาอย่างช้าๆ
ระยะหลังคลอด
ดูแลการหดรัดตัวของมดลูก
ป้องกัน
การตกเลือดหลังคลอด
น้ำคร่ำน้อยกว่าปกติ (oligohydramnios)
ความหมาย
การตั้งครรภ์ที่มีน้ำคร่ำน้อยกว่า 300 มิลลิลิตร
พบร่วมกับความผิดปกติของทารก
ความผิดปกติของโครโมโซม
ภาวะเจริญเติบโตช้าในครรภ์
และครรภ์เกินกำหนด
สาเหตุ
ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
ไตตีบ
(renal agenesis)
มีถุงน้ำในท่อไต (cystic kidneys)
มีการอุดตันของทางออกกระเพาะปัสสาวะ
(bladder outlet obstruction)
ความผิดปกติของโครโมโซม
รกเสื่อมสภาพ
การตั้งครรภ์เกินกำหนด
ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ (IUGR)
ผลกระทบต่อการตั้งครรภ์
มารดา
มีโอกาสผ่าตัดคลอดทารกทางหน้าท้องมากกว่าการตั้งครรภ์ปกติ
ทารกในครรภ์
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะ fetal distress
ทารก
มีโอกาสคลอดก่อนกำหนด
ภาวะปอดแฟบ (pulmonary hypoplasia)
เกิดเยื่อพังผืดรัดและดึงรั้งมือและแขนหลายบริเวณ
ทารกอยู่ในภาวะคับขัน (fetal distress)
ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ (IUGR)
การวินิจฉัย
การวัดโพรงน้ำคร่ำที่ลึกที่สุดในแนวดิ่ง (maximum ventrical pocket, MVP)
การวัดดัชนีน้ำคร่ำ amniotic fluid index (AFI)
อายุครรภ์น้อยกว่า 10 สัปดาห์
ขนาดของถุงน้ำคร่ำ (mean gestational sac) กับ
ขนาดของทารก โดยวัดจาก crown-rump length (CRL)
การรักษา
พิจารณาตามอายุครรภ์
การเติมน้ำคร่ำ (amnioinfusion)
normal saline
ringers lactate 5% glucose
การดื่มน้ำมากๆ
การประเมินภาวะความผิดปกติแต่กำเนิด
และการรักษาภาวะทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ (IUGR)
การพยาบาล
อธิบายถึงสาเหตุการเกิดภาวะดังกล่าว และแนวทางการรักษา
ดูแลให้ได้รับการใส่สารน้ำเข้าไปในถุงน้ำคร้ำ (amnioinfusion) ตามแผนการรักษา
รับฟังปัญหา แสดงความเห็นอกเห็นใจ และกระตุ้นให้ระบายความรู้สึก
เกิดภาวะ แทรกซ้อนที่เป็น
อันตรายต่อมารดาและทารกในครรภ์
ภาวะทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์
(Intra Uterine Growth Restriction [IUGR])
ทารกที่มีขนาดเล็กกว่าอายุครรภ์
ทารกที่มีขนาดเล็กตามธรรมชาติ (constitutionally small)
ทารกที่มีขนาดเล็ก
เนื่องมาจากมารดาตัวเล็ก
ทางพันธุกรรม
ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ : IUGR/ FGR)
อาจเกิดจากภาวะทุพ
โภชนาการ
ทารกที่มีการเจริญเติบโตช้าผิดปกติ
สาเหตุ
ทารก
พิการแต่กำเนิด
ติดเชื้อในระยะตั้งครรภ์
ความผิดปกติของโครโมโซม
มารดา
รูปร่างเล็ก
ขาดสารอาหาร
โลหิตจางรุนแรง
มีภาวะติดเชื้อ
โรคของมารดา
โรคความดันโลหิตสูง
โรคเบาหวาน
ด้านสิ่งแวดล้อมและพฤติกรรมสุขภาพของมารดา
การใช้สารเสพติด
การใช้ยาบางชนิด
มารดาที่อยู่พื้นที่สูง
การตั้งครรภ์แฝด
จำแนกประเภทของ IUGR
ทารกโตช้าในครรภ์แบบได้สัดส่วน (Symmetrical IUGR)
สตรีตั้งครรภ์มีภาวะทุพโภชนาการ
ความผิดปกติของโครโมโซมหรือการติดเชื้อ
ได้รับยาหรือสารเสพติด
ทารกพิการแต่กำเนิด
หัวใจ
หลอดเลือด
ทารกโตช้าในครรภ์แบบไม่ได้สัดส่วน (Asymmetrical IUGR)
สตรีตั้งครรภ์มีประวัติเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
สตีตั้งครรภ์เป็นโรคเกี่ยวกับเม็ดเลือดแดงในการจับออกซิเจน
สตรีตั้งครรภ์ที่มีประวัติโรคไต
ภาวะครรภ์แฝด
ความผิดปกติของรกและสายสะดือ
การวินิจฉัย
การตรวจร่างกาย
ขนาดของมดลูกเล็กกว่าอายุครรภ์ 3 เซนติเมตรขึ้นไป
น้ำหนักเพิ่มขึ้นน้อยหรือไม่มี
การเพิ่มขึ้นของน้ำหนัก
การซักประวัติ เพื่อค้นหาสาเหตุและปัจจัยส่งเสริม
ตรวจด้วยคลื่นความถี่สูง (ultrasound)
วัดเส้นรอบท้อง (Abdominal Circumference = AC)
วัดขนาดของศีรษะทารก (Biparietal diameter = BPD)
วัดเส้นรอบศีรษะ (Head circumference = HC)
วัดความยาวของกระดูกต้นขา (femur length = FL)
ปริมาณน้ำคร่ำ (amniotic fluid volume)
เกรดของรก (placenta grading)
การรักษา
ค้นหาและลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอันตราย
และภาวะแทรกซ้อนกับทารกในครรภ์
การซักประวัติของมารดา
การตรวจด้วย U/S
การตรวจโครโมโซม
ตรวจเฝ้าระวังสุขภาพของทารกในครรภ์อย่างใกล้ชิด
ตรวจ U/S ทุก 2-3 สัปดาห์
ติดตามการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
การประเมินสุขภาพของทารกโดยวิธี NST สัปดาห์ละ 2 ครั้ง
กำหนดเวลาการคลอดที่เหมาะสม
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
แนะนำมารดาเกี่ยวกับการรับประทานอาหาร
หลีกเลี่ยงการใช้ยาหรือสารเสพติด
แนะนำให้มารดาพักผ่อนมากๆ
การนอนตะแคงซ้าย
ติดตามสุขภาพของทารกในครรภ์
นับลูกดิ้นทุกวัน
ระยะคลอด
ติดตาม ประเมินสุขภาพของทารกในครรภ์อย่างใกล้ชิด
ประเมินความก้าวหน้าของการคลอดอย่างใกล้ชิด
4 ประเมินการหดรัดตัวของมดลูก
และเสียงหัวใจทารกทุก ½ - 1 ชั่วโมง
หลีกเลี่ยงการให้ยาแก้ปวด
ยาจะกดการหายใจของทารกได้
เตรียมอุปกรณ์ในการช่วยฟื้นคืนชีพทารกแรกเกิดไว้ให้พร้อม
ระยะหลังคลอด
ดูแลทารกเพื่อเฝ้าระวัง
ป้องกันการเกิดภาวะ
hypoglycemia, hypothermia, polycythemia
การตั้งครรภ์ที่มีจำนวนทารกมากกว่า 1 คน
(multiple pregnancy)
ชนิดและสาเหตุ
แฝดที่เกิดจากไข่ใบเดียวหรือแฝดแท้
เกิดจากการปฏิสนธิจากไข่ 1 ใบ และตัวอสุจิ 1 ตัว
Diamnionic, dichorionic, monozygotic twins pregnancy
Diamnionic, monochorionic, monozygotic twins pregnancy
Monoamnionic, monochorionic, monozygotic twins pregnancy
Conjoined twins pregnancy
แฝดที่เกิดจากไข่คนละใบ หรือแฝดเทียม
เกิดจากไข่ 2 ใบผสมกับอสุจิ 2 ตัว amnion 2 อัน และ chorion 2 อัน มีรก 2 อัน
เชื้อชาติ (race) พบมากในคนผิวดำ
พันธุกรรม (heredity)
อายุมารดา (maternal age) มารดามีอายุมากกว่า 35 ป
ปัจจัยด้านภาวะโภชนาการ มีภาวะโภชนาการดี
มารดามีประวัติใช้ยากระตุ้นเร่งการตกไข่
จำนวนครั้งของการตั้งครรภ์
ผลกระทบต่อการตั้งครรภ์
มารดา
ระยะตั้งครรภ์
อาการคลื่นไส้อาเจียนมาก
มีฮอร์โมน hCG มากกว่าครรภ์เดี่ยว
มีภาวะโลหิตจาง
มีการเพิ่มขึ้นของ blood volume มากกว่าครรภ์เดี่ยวปกติ
ตกเลือดก่อนคลอด
เกิดภาวะความดันโลหิตสูง
ไม่สุขสบายจากอาการปวดหลัง หายใจลำบาก เส้นเลือดขอด
เสี่ยงต่อการแท้งสูงหรือคลอดก่อนกำหนด
เกิดถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
ตั้งครรภ์แฝดน้ำ
เบาหวานในระหว่างตั้งครรภ์ (gestational diabetes)
ระยะคลอด
กล้ามเนื้อมดลูกหดรัดตัวผิดปกติ
รกลอกตัวก่อนกำหนด
ระยะหลังคลอด
ตกเลือดหลังคลอด
การติดเชื้อหลังคลอด
การเลี้ยงลูกด้วยนมมารดาอาจเกิดความยากลำบาก
ทารก
การแท้ง
ทารกตายในครรภ์
ภาวะคลอดก่อนกำหนด
ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ (IUGR)
ทารกอยู่ในท่าผิดปกติ
ทารกขาดออกซิเจน
Twin-twin transfusion syndrome (TTTS)
การวินิจฉัย
ซักประวัติที่สนับสนุน
ประวัติการตั้งครรภ์แฝดในครอบครัว
อายุมารดา
มารดาตัวใหญ่
ประวัติการใช้เทคโนโลยี
การตรวจร่างกาย ตรวจหน้าท้อง ตรวจภายใน
ขนาดของมดลูก
คลำพบมี ballottement ของศีรษะ
คลำได้ small part มากกว่าปกติ
ฟังเสียงหัวใจทารกในครรภ์ได้ 2 แห่ง
คลำพบส่วนนำของทารก
การตรวจพิเศษ
ตรวจด้วยอัลตราซาวด์
ระดับฮอร์โมน estriol, HCG, HPL สูงกว่าปกติ
การถ่ายภาพรังสีทางหน้าท้อง
แนวทางการดูแลรักษา
วินิจฉัยให้ได้เร็วที่สุด (early diagnosis)
ป้องกันการคลอดก่อนกำหนด
ดูแลการเจริญเติบโตของทารกอย่างใกล้ชิด
ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะอันตรายต่อทารกในระยะคลอด
หลักการพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
แนะนำให้รับประทานอาหารที่
มีประโยชน์และครบ 5หมู่
เฝ้าระวังการเกิดภาวะโลหิตจางอาจให้โฟลิคเสริม
เฝ้าระวังการความดันโลหิตสูงในระหว่างตั้งครรภ์
งดมีเพศสัมพันธ์เพื่อลดความเสี่ยง
ของการคลอดก่อนกำหนด
ติดตามการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
ป้องกันการคลอดก่อนกำหนด
ระยะคลอด
การพิจารณาวิธีการคลอด
การคลอดทางช่องคลอด
การผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
รายที่ได้รับการประเมินจากสูติแพทย์
ให้คลอดทางช่องคลอด
ให้ติดตั้งเครื่อง EFM ไว้ตลอดเวลา
ตรวจความเข้มข้นของเลือด
และเตรียมเลือดไว้ให้พร้อม
ให้มารดางดน้ำ งดอาหาร และให้สารน้ำ
การให้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
ให้ทำคลอดเหมือนการตั้งครรภ์เดี่ยวปกติ
ให้ตรวจดูท่าและส่วนนำของทารกก่อน
ถ้าเป็นท่าหัว ให้ผู้ช่วยคลอดกดมดลูกหรือรอจนศีรษะเข้าสู่ช่องเชิงกราน
ถ้าเป็นท่าก้น ให้ทำ external cephalic version
ถ้าเป็นท่าขวางให้ทำ external cephalic version
ระยะเวลาที่เหมาะสมระหว่างรอให้แฝดคนที่สองคลอด สามารถรอได้ถึง 30 นาที
ระยะหลังคลอด
เฝ้าระวังการตกเลือดหลังคลอด
้องกันการติดเชื้อโดยดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
แนะนำการดูแลบุตร การเลี้ยงทารกด้วยนมมารดา
แนะนำวิธีการคุมกำเนิด
ทารกพิการแต่กำเนิด
(congenital anormality)
สาเหตุ
ด้านพันธุกรรม
ความผิดปกติของโครโมโซม
ความผิดปกติของยีนเดียว
ความผิดปกติชนิดพหุปัจจัย
สิ่งแวดล้อม
แบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม
Malformation
ทางรูปร่างของอวัยวะหรือส่วนของอวัยวะ
ปากแหว่ง เพดานโหว่
Disruption
ความผิดปกติทางรูปร่างของอวัยวะหรือส่วนของอวัยวะ
เชื้อโรค สารเคมี ยา การขาดเลือดมาเลี้ยงหรืออุบัติเหตุ
Deformation
ความผิดปกติของรูปร่างของมดลูก การตั้งครรภ์แฝด
ภาวะน้ำคร่ำน้อย
ภาวะเท้าปุก (club foot)
Dysplasia
ความผิดปกติของการจัดระเบียบของเซลล์
ที่จะเจริญไปเป็นเนื้อเยื่อ
การป้องกัน
ให้คำแนะนำปรึกษาทางพันธุศาสตร์
การซักประวัติ ตรวจร่างกาย ตรวจเลือดคู่สามีภรรยา
เมื่อตั้งครรภ์ จะทำการตรวจวินิจฉัยก่อนคลอด
หากพบว่าทารกพิการเพื่อให้
ครอบครัวสามารถเผชิญปัญหา
และตัดสินใจเกี่ยวกับการมีลูก
หลีกเลี่ยงการสัมผัส teratogen
ภาวะจิตสังคมของครอบครัวที่ต้องเผชิญ
ระยะตั้งครรภ์
เกิดความเครียดและวิตกกังวลสูง
บิดามารดาบางรายอาจรู้สึกผิด
รู้สึกสองฝักสองฝ่าย
ระยะคลอด
ความเครียด กลัว วิตกกังวล
ส่งผลให้เกิดการคลอดล่าช้า
ช็อค ปฏิเสธ และกลัว
ระยะหลังคลอด
เศร้าโศก
ช็อค ปฏิเสธ และกลัว
ปากแหว่งเพดานโหว่
สาเหตุ
กรรมพันธุ์
สิ่งแวดล้อม
พยาธิสภาพ
การดูดกลืน
ของทารกจะผิดปกติ
มีรูรั่วให้ลมเข้าแลละสำลักง่าย
ะมีปัญหาเรื่องการขึ้นของฟัน
การติดเชื้อในหูชั้นกลาง
การวินิจฉัย
พบตั้งแต่ทารกแรกเกิด
อัลตร้า
ซาวน์
พบได้เมื่ออายุครรภ์ประมาณ 13-14 สัปดาห์
ตรวจร่างกาย
สอดนิ้วตรวจเพดานภายในปาก
ตรวจในขณะทารกร้องไห้ อ้าปาก
การพยาบาล
ดูแลด้านจิตใจสำหรับบิดา มารดา
ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลทารกแรก
ดูแลการให้นมแม่
ดาวน์ซินโดรม
สาเหตุ
โครโมโซมคู่ที่ 21 มี 3 แท่ง
อาการ
มีศีรษะแบนกว้าง
ท้ายทอยแบน
ตายาวรีเฉียงออกด้านนอก
จมูกและหู มีจมูกไม่มีสัน ใบหูเล็กอยู่ต่ำกว่าปกติ
ปากและคอ มีเพดานปากโค้งนูน บางรายอาจโหว่
ช่องปากแคบและลิ้นคับปาก
ทรวงอกและหัวใจ มีกระดูกซี่โครงสั้นกว่าปกติ
หน้าท้องยื่น กล้ามเนื้อหน้าท้องหย่อนยาน
มีมือกว้างและสั้น
ตัวเตี้ย เหยียดออกมากผิดปกติ
องคชาติขนาดเล็กหว่าปกติ
ผู้หญิงรอบเดือนจะมาไม่สม่ำเสมอ
การวินิจฉัย
chorionic villus เมื่ออายุครรภ์ 9-12 สัปดาห์
มารดาที่มีอายุมากกว่า 35 ปี
ภาวะน้ำคั่งในโพรงสมอง
การวินิจฉัย
การซักประวัติ
ติดเชื้อโรคบางชนิด
ประวัติการได้รับยาขณะตั้งครรภ์
พบปริมาณน้ำคร่ำมากผิดปกติ
ตรวจร่างกาย
ตรวจหน้าท้อง
ตรวจพิเศษ
Ultrasound
การรักษา
ขณะตั้งครรภ์
ำให้ติดตามการเปลี่ยนแปลง
พิจารณายุติการตั้งครรภ์กรณีเป็นรุนแรงมาก
เลือกยุติการตั้งครรภ์ตั้งแต่อายุครรภ์ยังน้อย
ใส่ shunt ในครรภ์
การดูแลทารก
ท่านอน การหายใจ การให้ความอบอุ่น
วัดขนาดของรอบศีรษะทารกทุกวัน
สังเกตอาการเปลี่ยนแปลง
. อธิบายให้บิดามารดาเข้าใจ
บันทึกอาการและการพยาบาล
ทารกศีรษะเล็ก
การวินิจฉัย
การซักประวัติ
อาการและอาการแสดง
ผลการตรวจทางห้องทดลอง
การรักษา
มุ่งเน้นให้เด็กสามารถมีชีวิต
อยู่ได้นานมากขึ้น
ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน
การพยาบาล
การดูแลเกี่ยวกับท่านอน การหายใจ
และการให้ความอบอุ่น
สังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงต่างๆ
อธิบายให้บิดามารดาเข้าใจ
บันทึกอาการแลอาการแสดง
ภาวะหลอดประสาทไม่ปิด
สาเหตุ
Genetic factors
พันธุกรรม
. Environmental factors
ปัจจัยภายนอก
ทิgeography, ethnicity, nutrition
เยื่อหุ้มไขสันหลังยื่น
ชนิด
spin bifida occulta
กระดูกสันหลังตรงตำแหน่ง
vertebal arches
spina bifida cystica
ส่วนโค้งกระดูกสันหลัง
การวินิจฉัย
อาการแสดงโดยตรง
กระดูกสันหลังแยก
ซักประวัติ
ยา
เบาหวานขณะตั้งครรภ์
น้ำคร่ำมากผิดปกติ
อาการและอาการแสดง
การรักษา
spin bifida occulta ไม่จำเป็นต้องรักษา
spina bifida cystica มีวิธีการรักษาโดยการผ่าตัดปิดซ่อมแซมรอยโรค
การพยาบาล
ท่านอนให้นอนในท่าตะแคง
หรือนอนคว่ำ
พยาบาลตามอาการ
สังเกตอาการเปลี่ยนแปลง
อธิบายให้มารดาเข้าใจ
บันทึกอาการและการพยาบาล
การให้folic acid ในสตรีตั้งครรภ์
การดูแล
ระยะตั้งครรภ์
ตรวจสอบความพิการของทารกในครรภ์
แลให้การสนับสนุนทางด้านจิตใจ
เมื่อผลการตรวจวินิจฉัยพบภาวะผิดปกติ
ระยะคลอด
ให้ได้รับการสิ้นสุดการตั้งครรภ์ตามแผนการรักษา
ประเมินสุขภาพของทารกในครรภ์ ฟังเสียงหัวใจทารก
ประเมินการหดรัดตัวของ
มดลูก
ระยะหลังคลอด
ประเมินความต้องการสัมผัสทารก
ให้การประคับประคองทางด้านจิตใจ
ทารกตายในครรภ์(Dead Fetus in Utero [DFU])
. การตายของทารกในระยะแรก (early fetal death)
ตายก่อนอายุครรภ์ 20 สัปดาห์
การตายของทารกในระยะกลาง (intermediate fetal death)
ตายระหว่างอายุครรภ์
20-28 สัปดาห์
การตายของทารกในระยะสุดท้าย (late fetal death)
ตายตั้งแต่อายุครรภ์
28 สัปดาห์ขึ้นไป
สาเหตุ
มารดา
มีภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์
โรคความดันโลหิตสูง
SLE
โรคเบาหวาน
โรคไตชนิดรุนแรง
โรคติดเชื้อต่างๆ
อายุมากกว่า 35 ปี
ภาวะทางสูติกรรม
คลอดก่อนกำหนด
มดลูกแตก
รกลอกตัว
ก่อนกำหนด
ตั้งครรภ์เลยกำหนด
การตั้งครรภ์แฝด
มาฝากครรภ์ไม่ครบตามกำหนด
ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด รกเกาะต่ำ
ความผิดปกติของสายสะดือ
ได้รับอุบัติเหตุ
ยาหรือสารเสพติด
ทารก
มีภาวะพิการแต่กำเนิด
ความผิดปกติของโครโมโซม
ภาวะเจริญเติบโตช้าในครรภ์ (IUGR)
กดทับสายสะดือ
การวินิจฉัย
ซักประวัติมารดาพบทารกไม่ดิ้นหรือดิ้นน้อยลง
การตรวจร่างกาย
น้ำหนักตัวของมารดาคงที่หรือลดลง
คลำยอดมดลูกพบว่าไม่สัมพันธ์กับอายุครรภ์
ฟังเสียงหัวใจทารกไม่ได้
พบสิ่งคัดหลั่งสีน้ำตาลไหลออกทางช่องคลอด
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ทารกไม่มีการเต้นของหัวใจ
การเกยกันของกะโหลกศีรษะ
หักงอของกระดูกสันหลัง
พบแก๊สในหัวใจ เส้นเลือดใหญ่
ฮอร์โมน Estriol: E3 ในปัสสาวะลดลง
เอ็นไซม์ Amniotic fluid creatinekinase
เพิ่มขึ้น 2 วันหลังจากที่ทารกเสีย
ผลกระทบ
ด้านร่างกาย
มีโอกาสเกิดภาวะเลือด
ไม่แข็งตัว (coagulopathy)
โอกาสติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้ง่ายขึ้น
ด้านจิตใจ
ความรู้สึกสูญเสีย ตกใจ ซึมเศร้า โทษตัวเอง
มีการใช้บุหรี่ สุรา
สารเสพติดหรือยากล่อมประสาท
การรักษา
ไตรมาสแรก
ทำการ dilatation and curettage
หรือ suction curettage
ไตรมาสที่สอง
เหน็บยา prostaglandin
PGE2
misoprostol
ให้ oxytocin ทางหลอดเลือดดำ
ไตรมาสที่สาม
ให้ oxytocin ปริมาณความเข้มข้นสูง ทางหลอดเลือดดำ
การพยาบาล
แสดงความเห็นอกเห็นใจ ใช้คำพูดที่สุภาพ
แนะนำให้สามีและครอบครัวให้กำลังใจ ปลอบใจ
ประเมินความต้องการสัมผัสกับทารกแรกคลอดที่เสียชีวิต
ดูแลให้ได้รับการสิ้นสุดการตั้งครรภ์ ตามแผนการรักษา
ติดตามผลการตรวจเลือด
ให้ได้รับยายับยั้งการหลั่งน้ำนมตามแผนการรักษา