Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
อาหารสำหรับผู้ป่วยเฉพาะโรค, นางสาว ธนพร จวงครุฑ ปี 1 เลขที่ 42 - Coggle…
อาหารสำหรับผู้ป่วยเฉพาะโรค
โรคหัวใจ
เป็นกลุ่มอาการของโรคที่เกิดจากหลอดเลือดตีบตัน หรือหลอดเลือดแข็งตัว ซึ่ง
เกิดจากการสะสมของไขมัน โปรตีน และแร่ธาตุในผนังหลอดเลือด
าให้มีความต้านทานการไหลของเลือด หลอดเลือดขาดความ
ยืดหยุ่น เปราะบางมากขึ้น
จะท้าให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจได้น้อย
เกิดโรคหัวใจขาดเลือด
เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่ได้ จะเกิดหัวใจวายเฉียบพลัน หรือหัวใจ
ล้มเหลว ท้าให้กล้ามเนื้อหัวใจตาย และเสียชีวิตได
อาหารที่ท้าให้ระดับไขมันตัวร้ายในเลือดสูง
อาหารที่มีกรด
ไขมันอิ่มตัว
เนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูง
ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว
น้้ามันปาล์ม น้้ามันมะพร้าว
ผลิตภัณฑ์จ้าพวกนม
อาหารที่มี
ไขมันทรานส
เนยเทียม หรือเนยขาว
ขนมอบต่างๆ เบเกอรี่ คุกกี้ แครกเกอร์ ขนมส้าเร็จรูป
อาหารทอดใช้ความร้อนต่อเนื่องนานๆ
อาหารที่มีคอเลส
เตอรอล
ไข่แดง เนื้อสัตว์ไขมันสูง
และผลิตภัณฑ์นมที่มีไขมันสูง
เครื่องในสัตว์ เช่น ตับ
สัตว์ปีก เช่น ไก่ เป็ด
สัตว์น้้าประเภทที่มีเปลือก เช่น หอย กุ้ง ป
อาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคหัวใจ
.หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง
งดน้้ามันมะพร้าว น้้ามันปาล์ม
หลีกเลี่ยงอาหารทอด และผลิตภัณฑ์เบเกอรี
หลีกเลี่ยงอาหารที่ท้าจากไข่แดง และไขมันอิ่มตัว
ใช้น้้ามันในการปรุงอาหารแต่พอควร และเลือกใช้
น้้ามันที่มีสัดส่วนของกรดไขมันไม่อิ่มตัว
พักผ่อนให้เพียงพอ ควบคุมให้เกิด
ความเครียดทั้งทางอารมณ์และจิตใจ
หากดื่มนมเป็นประจ้าควรเลือกดื่มนมประเภท
ไขมันต่ำ (นมพร่องมันเนย)
ลดการกินอาหารเค็ม
กินผัก ผลไม้ เป็นประจ้า เพื่อให้ได้รับวิต
มินซี และเบต้าแคโรทีน
หลีกเลี่ยงการดื่มสุรา กาแฟ การสูบ
บุหรี่
ออกก้าลังกายสม่้าเสมอ ให้เหมาะสมกับ
สภาพร่างกาย
โรคความดันโลหิตสูง
ความดันเลือดเท่ากับหรือสูงกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท
อาการ
ปวดศรีษะ เวียนหัว มึนงง ตาพร่า
คลื่นไส้ เพลีย เหนื่อยง่าย ใจสั่น
ถ้าเป็นมากปวดบริเวณท้ายทอย
อาหารแดช
อาหารที่มีไขมันต่ำและเส้นใยสูง เน้น
ผัก ผลไม้ อาหารพวกธัญพืช ปลา นมไขมันต่ำถั่ว
ผู้เป็นความดันโลหิตสูงรับประทานอาหารตามแผนอาหารแดช
จะช่วยลดความดันโลหิต
โรคไต
มีสาเหตุมาจากโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง
ปัจจัยอื่นที่เป็นสาเหตุของโรค ได้แก่ อายุที่เพิ่มมากขึ้น เพศหญิงมีความเสี่ยงเป็นโรคไต
เรื้อรังมากกว่าเพศชาย ภาวะกรดยูริกในเลือดสูง มีประวัติการเป็นโรคนิ่ว
โรคที่เกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม เช่น โรคถุงน้ำในไต โรคที่ทำให้เกิดการอักเสบของ
ไต หรือมีประวัติการใช้ยาแผนโบราณทั้งแผนไทยและแผนจีน
ระยะที่ 1 – 2
อาหารสำหรับควบคุมเบาหวาน ไขมัน หรือความดัน
โลหิตสูง
ระยะที่ 3
การรับประทานอาหารยังคงยึดหลักเช่นเดียวกับโรคไต
ระยะที่ 1 – 2
ควบคุมอาหารโดยลดเค็ม
จำกัดการบริโภค
โปรตีน 0.6 – 0.8 กรัม/น าหนักตัวในอุดมคติ/วัน
รับประทานมื้อละ 2 – 3 ช้อนโต๊ะต่อมื้อ
อาหาร
อาหารจำกัดโปรตีน
อาหารเพิ่มโปรตีน
อาหารจำกัดโซเดียม
อาหารเพิ่มโซเดียม
อาหารจำกัดฟอสเฟต
อาหารจำกัดโปตัสเซียม
อาหารที่เพิ่มโปตัสเซียม
โรคอ้วน
ภาวะไม่สมดุลย์ มีการสะสมไขมันมากเกิน ไขมันสะสมอยู่ในส่วนใดส่วนหนึ่งมากเกินไป
พลังงาน สําหรับผู้หญิงที่ 1500- 1600กิโลแคลอรี
พลังงาน สําหรับผู้ชายที่ 1800 -2000กิโลแคลอรี
ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก 1000-1200 กิโลแคลอรี/วัน
ลดพลังงาน 500 กิโลแคลอรี/วัน
น้ำหนัก 0.5 กิโลกรัม/สัปดาห์ หรือเดือนละ 2 กิโลกรัม
อาหาร
ลดการรับประทานอาหารกลุ่มพลังงานสูง
กลุ่ม ข้าวแป้ง ไขมัน ควรเลือกทาน เช่น ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ลดการขนมหวาน น้ำหวาน ที่ชอบกินจุกกินจิกระหว่างมื้อ
เลือกบริโภคอาหารที่มีพลังงานต่ำไขมันต่ำหวานน้อย ใยอาหารสูง
เลือกดื่ม ชา กาแฟ ที่ไม่ใส่น้ำตาล ใส่น้ำตาลเทียมแทน ใส่นมสดจืด สูตรพร่องมันเนย
เลือกดื่มน้ำอัดลมที่ไม่มีน้ำตาล
เลือกเมนูผ่านการปิ้ง นึ่ง อบ ย่าง ต้ม ตุ๋น แกงไม่ใส่กะทิ
โรคเบาหวาน
เป็นโรคเรื้อรังเป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับน้้าตาลในเลือดสูง เนื่องจากร่างกายสร้างฮอร์โมนอินซูลินได้น้อยหรือไม่สร้างเลย ทำให้เกิดความผิดปกติในการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตโดยร่างกายไม่สามารถใช้น้้าตาลได้อย่างปกติ ท้าให้ระดับน้้าตาลในเลือดสูงกว่าปกติและสูงขึ้นเกินขีดจ้ากัดของไต
ชนิด
เบาหวานชนิดที่ 1 (Type 1 Diabetes)
ต้องได้รับอินซูลินด้วยการฉีดหรือใช้เครื่องปั๊มอินซูลินตลอด
ชีวิต
ผู้ป่วยมักจะมีน้้าหนักลดลงอย่างรวดเร็ว อายุสั้น มักเสียชีวิตจากการติดเชื้อและ
ภาวะแทรกซ้อนอย่างเฉียบพลัน
เบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 Diabetes)
ผู้ป่วยต้องมีการควบคุมอาหาร การใช้ยาชนิดกินหรือใช้อินซูลินชนิดฉีด
เกิดจากการที่ตับอ่อนยังสามารถสร้างอินซูลินได้แต่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของ
ร่างกาย หรือเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิ
เบาหวานชนิดที่มีความสัมพันธ์กับภาวะทุพโภชนาการ MRDM
ต้องควบคุมภาวะน้้าตาลในเลือดสูงด้วยอินซูลิน
พบมากในประเทศแถบเอเชียและแอฟริกา
พบในผู้ป่วยเรื้อรัง โรคขาดโปรตีนและพลังงาน
พบในกลุ่มอายุต่้ากว่า 35 ปี
เบาหวานที่พบร่วมกับการเป็นโรคอื่นๆ
ภาวะที่ความทนต่อกลูโคสบกพร่อง IHT
ผู้ป่วยเป็นคนที่ยังไม่เป็นเบาหวาน แต่มีความทนต่อกลูโคสบกพร่องเป็นครั้งคราว
ผู้ป่วยประเภทนี้หากทนต่อการพร่องกลูโคสนานๆ อาจทำให้เกิดการเปลี่ยน
เป็นโรคเบาหวานได้
เบาหวานในหญิงตั้งครรภ์ GDM
อาจพบได้ในขณะตั้งครรภ์และ ภายหลังการคลอดบุตร ตั้งแต่ 20 -24 สัปดาห์ ขึ้นไป
เกิดจากขณะตั้งครรภ์มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายและต้านฤทธิ์อินซูลิน
หลักโภชนบำบัดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน
กลุ่ม1
อาหารจ้าพวก ข้าว ก๋วยเตี๋ยว ขนมปัง เผือกมัน ถั่วเมล็ดแห้ง 1 ส่วนประกอบด้วย
คาร์โบไฮเดรต 15 กรัม โปรตีน 3 กรัม ให้พลังงาน 80 กิโลแคลอร
ควรได้รับร้อยละ 55 – 60 และควรเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน
ผู้ป่วยเบาหวานรับประทานอาหารในกลุ่มนี้ได้เช่นเดียวกับคนปกติไม่จ้าเป็นต้องงดหรือจ้ากัดมาก
เกินไป
กลุ่ม 2 ผักชนิดต่างๆ
1 ส่วน มีคาร์โบไฮเดรต 5 กรัม โปรตีน 2 กรัม ให้พลังงาน 25 กิโลแคลอรี่
ใยอาหารจะช่วยลดการดูดซึมน้้าตาลและไขมันในอาหารท้าให้ระดับน้้าตาลและไขมันในเลือด
ลดลง
ผู้ป่วยเบาหวานควรรับประทานผักวันละ 2-3 ถ้วยตวงทั้งผักสดและผักสุก
กลุ่ม 3 ผลไม้
มีคาร์โบไฮเดรต 15 กรัม ให้พลังงาน 60 กิโลแคลอรี
ผลไม้ที่ควรรับประทาน เช่น ส้ม ชมพู่ แตงโม ฝรั่ง มะละกอสุก ส้มโอ และแอปเปิ้ล
หลีกเลี่ยงผลไม้ที่มีรสหวานจัด เช่น ทุเรียน ขนุน ละมุด มะม่วงสุก ลำไย น้อยหน่ำ
เพราะเมื่อดูดซึมเข้าสู่ร่างกายแล้ว จะท้าให้ระดับน้้าตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ควรเลือกรับประทานผลไม้ 1 ชนิดต่อมื้อ วันละ 2-3 ครั้งหลังอาหาร
กลุ่ม5 ไขมัน
1 ส่วนมีไขมัน 5 กรัม ให้พลังงาน 45 กิโลแคลอรี่
ผู้ป่วยเบาหวานควรเลือกใช้น้้ามันพืช แทนน้้ามันหมูในการประกอบอาหาร
ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารทอด แป้งอบที่มีเนยมาก
และอาหารที่มีกะทิเป็นประจ้า
กลุ่ม 6 น้ำนม
จ้านวนพลังงานแตกต่างกันตามปริมาณ ไขมันในน้้านมชนิดนั้นๆ
ผู้ป่วยเบาหวานควรหลีกเลี่ยงนมปรุงแต่งรส โยเกิร์ตชนิดครีมปรุงแต่งรส นมเปรี้ยวพร้อมดื่ม
เพราะนมเหล่านี้มีการเติมน้้าตาล
ควรเลือกดื่มน้้านมพร่องมันเนย น้้านมไม่มีไขมัน
กลุ่ม 4 เนื้อสัตว์
เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน 1 ส่วน มีโปรตีน 7 กรัม ไขมัน 3 กรัม ให้พลังงาน 55 กิโล
แคลอรี่
อาหารกลุ่มนี้ให้โปรตีนเป็นหลัก
ผู้ป่วยควรได้รับทุกมื้อ มื้อละ 2-4 ช้อนกินข้าวพูนน้อยๆ
ควรเลือกเนื้อสัตว์ชนิดไม่ติดมันและหนัง รับประทานปลาและเต้าหู้ให้บ่อย
นางสาว ธนพร จวงครุฑ ปี 1 เลขที่ 42