Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ระบบอวัยวะ, Cigna_5-behavior-should-stop-prevent-hypertension_01,…
ระบบอวัยวะ
ระบบกระดูก
หน้าที่
-
ป้องกันอวัยวะภายในร่างกายที่สำคัญ เช่น สมอง หัวใจ และปอด รวมไปถึงหลอดเลือดและเส้นประสาทที่ทอดยาวอยู่ภายในแนวกระดูก จากอันตรายและการกระทบกระเทือนต่าง ๆ
-
-
-
ช่วยสลายพิษในร่างกายเนื้อเยื่อกระดูกมีความสามารถในการดูดซึมและเก็บสะสมโลหะหนักที่เป็นพิษต่อร่างกายในกระแสเลือดเพื่อลดความเป็นพิษให้แก่ร่างกายและเมื่อร่างกายอยู่ในสภาวะปกติกระดูกจึงค่อยๆปลดปล่อยโลหะหนักเหล่านั้นออกมาและกำจัดออกโดยระบบขับถ่ายต่อไป
การดูเเล
ออกกำลังกายแบบลงน้ำหนัก อย่างสม่ำเสมอ ควรออกกําลงกายสัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง ครั้งละ 30 นาทีโดยเฉพาะผู้สูงอายุและวัยหมดประจําเดือน เน้นการออกกำลังกายที่ลงน้ำหนัก เช่น เดินไกล วิ่งเหยาะๆ เพื่อป้องกันการสูญเสียกระดูก อีกทั้งยังทําให้กล้ามเนื้อและระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดีขึ้นด้วย
หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับกระดูก ได้แก่ การสูบบุหรี่ การดื่มสุรา การดื่มเครื่องดื่มที่ผสมคาแฟอีน เนื่องจากทำให้การดูดซึมแคลเซียมในลำไส้ลดลง ระวังการใช้ยาเสตียรอยด์ ยาลูกกลอน ซึ่งมีผลทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน
ปรึกษาแพทย์เมื่อมีข้อสงสัย เพื่อให้คำแนะนำที่เหมาะสม ส่งตรวจมวลกระดูกหรือความหนาแน่นของมวลกระดูกในกรณีที่มีปัจจัยเสี่ยง และให้การรักษาเมื่อตรวจพบโรค
รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง ผู้ใหญ่อายุน้อยกว่า 50 ปีต้องการแคลเซียมวันละ 1,000 มิลลิกรัม อายุมากกว่า 50 ปี ต้องการแคลเซียมวันละ 1,200 มิลลิกรัม แหล่งที่มาของแคลเซียมได้จากอาหารหลายประเภท เช่น นม โยเกิร์ต ชีส ปลาตัวเล็กทอด กุ้งแห้ง กะปิ ผักคะน้า ใบยอ ดอกแค เต้าหู้แข็ง ถั่วแดง และงาดําโดยทั่วไปการรับประทานอาหารไทยจะได้รับแคลเซียมประมาณ 400 –500 มิลลิกรัมต่อวัน หรือน้อยกว่าครึ่งหนึ่งที่ร่างกายได้รับ จึงควรดื่มนมเสริม
พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง
-
การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ จะขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมที่ลำไส้ เกิดการสลายกระดูกเพิ่มขึ้น เพิ่มความเสี่ยงให้กระดูกพรุนและหักได้ง่ายขึ้น และผู้ที่ดื่มชา กาแฟ
น้ำอัดลม เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนจะทำให้มวลกระดูกลดลง ทำให้ร่างกายขับแคลเซียมออกมาทางปัสสาวะเพิ่มมากขึ้น
-
-
ระบบผิวหนัง
การดูเเล
บำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ เช่น ทาครีมบำรุงที่เหมาะสมกับสภาพผิวทุกเช้าเย็น และอย่าลืมทาครีมกันแดดในทุกเช้า เพื่อป้องกันรังสียูวีที่จะมาทำร้ายผิวได้
การดื่มน้ำสะอาดน้ำป็นส่วนประกอบที่สำคัญต่อร่างกาย การดื่มน้ำจะช่วยรักษาความชุ่มชื่น และความสมดุลให้แก่ผิวได้เป็นอย่างดี
การออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที เป็นการขับสารพิษออกจากร่างกายทางเหงื่อ ทำให้ระบบไหลเวียนต่างๆ ทำงานดีขึ้น ผิวพรรณก็จะสวยงาม ระบบขับถ่ายดีขึ้น
-
พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง
การสครับผิวจะช่วยให้เซลล์ที่ตายแล้วหลุดลอกออกไป เพื่อให้เซลล์ใหม่ได้เข้ามาแทนที่ ซึ่งผิวควรสครับ
อาทิตย์ละ 1-2 ครั้งก็เพียงพอ หากมากกว่านั้นอาจทำให้ผิวหนังของเกิดการคายเคือง และแพ้ได้ง่าย
นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอในเวลากลางคืนร่างกาย ฟื้นฟูซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ รวมไปถึงผิวหนัง ควรนอนวันละไม่ถึง 6 ชั่วโมง ก็อาจเป็นการทำร้ายผิวทางอ้อม สังเกตได้ว่าผิวหน้าจะแห้ง แต่งหน้าไม่ติด ผิวพรรณไม่เต่งตึงไม่สดชื่น
-
การทาครีมกันแดด เพราะรังสียูวีจากแดดเป็นศัตรูของผิว ทำให้ผิวไหม้ คล้ำเสีย หยาบกร้าน แถมยังเสี่ยงต่อโรคมะเร็งผิวหนัง
หน้าที่
หนังกำพร้าเป็นเนื้อเยื่อชั้นนอกสุดของผิวหนังที่ปกคลุมไปเกือบทั้งหมดของร่างกาย หนังกำพร้านั้นไม่มีเส้นเลือดมาหล่อเลี้ยง จึงต้องรับสารอาหารจากหนังแท้เท่านั้น ในชั้นหนังกำพร้ามีเซลล์ที่ชื่อ เมลาโนไซด์ มีหน้าที่ในการสร้างเม็ดสีเมลานินที่ทำให้สีผิวของแต่ละคนมีสีที่แตกต่างกัน หน้าที่หลักของหนังกำพร้าคือ การป้องกันอวัยวะ ภายในจากแสงแดด น้ำ และสารพิษต่างๆ รวมถึงเชื้อโรค ไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย อีกทั้งยังมีหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายด้วยการขับเหงื่ออีกด้วย นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในการขับของเสียออกจากร่างกายด้วย
ชั้นใต้ผิวหนัง มีอีกชื่อเรียกว่า “ชั้นไขมัน” ประกอบไปด้วยเซลล์ไขมันเป็นหลัก ชั้นใต้ผิวหนังแต่ละคนมีขนาดไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับจำนวนปริมาณไขมันสะสมของคนแต่ละคน ชั้นใต้ผิวหนังทําหน้าที่ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย อีกทั้งยังทำหน้าที่ช่วยลดแรงกระแทกจากภายนอกอีกด้วย ชั้นไขมันจะพบเจอได้มากในบริเวณสะโพก เอว ต้นขา หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “เซลลูไลต์” โดยเซลลูไลต์ก็สามารถพบเจอได้ในบุคคลที่มีรูปร่างผอมด้วยเช่นกัน
นอกจากจะมีหน้าที่ในการปกป้องร่างกายจากอันตรายภายนอก และขับถ่ายออกเสียแล้ว ผิวหนังยังมีหน้าที่ในการรับความรู้สึกอีกด้วย โดยผิวหนังจะรับความรู้สึกแล้วส่งข้อมูลไปยังสมอง เพื่อให้สมองสั่งการให้ร่างกายตอบสนองอีกทีหนึ่ง นอกจากนี้ผิวหนังยังสามารถทำหน้าที่ดูดซึมสารบางชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายได้อีกด้วย เช่น ยาทาบรรเทาอากาศแก้ปวด อีกทั้งผิวหนังยังทำหน้าที่รายงานความผิดปกติของร่างกายอีกด้วย โดยจะแสดงออกมาให้เห็นได้ทางผิวหนัง เช่น อาการหน้าแดง ผืนแดงขึ้นเนื่องจากการแพ้ยาหรือการแพ้อาหาร
หนังแท้เป็นชั้นผิวหนังที่อยู่ถัดจากชั้นหนังกำพร้า มีความหนามากกว่าหนังกำพร้า ในชั้นหนังแท้จะประกอบไปด้วยโปรตีน 2 ชนิด ได้แก่ เนื้อเยื่อคอลลาเจน (Collagen) และเนื้อเยื่ออีลาสติน (Elastin)
ระบบย่อยอาหาร
การดูเเล
รับประทานอาหารให้ตรงเวลา ควรรับประทานอาหารเช้า กลางวัน เย็น ในเวลาที่เหมาะสม โดยพยายามรับประทานอาหารแต่ละมื้อในเวลาเดียวกันทุกวัน
รับประทานอาหารในปริมาณที่เหมาะสม ควรรับประทานอาหารอย่างเหมาะสมกับระดับการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย โดยคำนวณปริมาณสารอาหารและแคลอรี่ของอาหารแต่ละชนิดก่อนรับประทาน
ดื่มน้ำให้เพียงพอ น้ำจะช่วยพาของเสียไหลผ่านระบบย่อยอาหารและทำให้อุจจาระนิ่มขึ้น นอกจากนี้ เส้นใยอาหารยังต้องดูดซึมน้ำ จึงจะมีคุณสมบัติป้องกันอาการท้องผูกได้
พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง
-
-
-
เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะทำให้กล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารคลายตัวและอาจก่อให้เกิดกรดไหลย้อน และอลกอฮอล์ยังอาจไปขัดขวางการดูดซึมสารอาหาร ส่งผลให้เยื่อบุกระเพาะอักเสบ
หน้าที่
ปาก คือจุดเริ่มต้นของระบบย่อยอาหาร โดยฟันทำหน้าที่บดอาหารให้มีชิ้นเล็กลงและง่ายต่อการย่อยนอกจากนี้ ในน้ำลายยังมีเอนไซม์แอลฟาอะไมเลส
ที่ช่วยย่อยอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต
กระเพาะอาหาร อวัยวะลักษณะคล้ายถุงซึ่งมีผนังกล้ามเนื้อที่
แข็งแรง ทำหน้าที่เป็นจุดพักอาหารและคลุกเคล้าอาหาร นอกจากนี้ ยังมีเอนไซม์ช่วยย่อยอาหารให้มีลักษณะกึ่งเหลวก่อนจะส่งต่อไปยังลำไส้เล็ก
ลำไส้เล็ก คืออวัยวะลักษณะคล้ายท่อกลวงขดไปมาในช่องท้อง มีความยาวประมาณ 20 ฟุต และเป็นบริเวณที่มีการย่อยและดูดซึมสารอาหารมากที่สุด แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ลำไส้เล็กส่วนต้นหรือดูโอเดนัม สำไส้เล็กส่วนกลางหรือเจจูนัม และสำไส้เล็กส่วนปลายหรือไอเลียม โดยมีเอนไซม์จากตับอ่อนมาช่วยย่อยสารอาหารประเภทโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต รวมถึงน้ำดีจากตับที่ช่วยย่อยไขมันและกำจัดของเสียในเลือด
หลอดอาหาร เป็นกล้ามเนื้อที่มีลักษณะเป็นท่อกลวงยาวเชื่อมระหว่างคอหอยกับกระเพาะอาหาร ช่วยส่งอาหารไปยังกระเพาะอาหารด้วยการหดและคลายกล้ามเนื้อเป็นจังหวะ ส่วนบริเวณล่างของหลอดอาหารซึ่งเชื่อมต่อกับกระเพาะอาหารนั้นมีกล้ามเนื้อหูรูด ทำหน้าที่ป้องกันอาหารและกรดภายในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นมาที่หลอดอาหาร
ลำไส้ใหญ่ คืออวัยวะลักษณะคล้ายท่อกลวง ยาวประมาณ 5-6 ฟุต ได้แก่ ซีกัม โคลอน ลำไส้ตรงป็นลำไส้ใหญ่ส่วนสุดท้ายที่เชื่อมต่อกับทวารหนักกากอาหารที่เหลือจากกระบวนการย่อยอาหารในลำไส้เล็กจะถูกส่งมายังลำไส้ใหญ่ มีหน้าที่ดูดซึมน้ำ วิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารที่ตกค้างกลับเข้าสู่กระแสเลือด โดยกากอาหารจะถูกพักไว้ที่ส่วนซิกมอยด์จนกว่าลำไส้จะบีบตัวเพื่อส่งกากอาหารไปยังลำไส้ตรง จากนั้นลำไส้ตรงจึงส่งสัญญาณไปยังสมองให้ตัดสินใจว่าสามารถขับกากอาหารออกมาได้หรือไม่ หากสมองสั่งการให้ขับกากอาหาร กล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักก็จะคลายตัวเพื่อขับกากอาหารออกมาเป็นอุจจาระ
คอหอย อาหารที่กลืนลงไปจะเดินทางผ่านคอหอยและส่งต่อไปยังหลอดอาหาร ซึ่งในระหว่างกระบวนการนี้ หลอดลมจะปิดลงเพื่อป้องกันอาหารหลุดเข้าไปยังปอด
-
-
ระบบกล้ามเนื้อ
พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง
หากได้รับโปรตีนไม่เพียงพอที่ร่างกายต้องการก็จะไม่สามารถสร้างกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ และถ้าลดน้ำหนักก็จะสูญเสียกล้ามเนื้อมากกว่าปกติ
ถ้ากล้ามเนื้อไม่ได้รับการกระตุ้นร่างกายก็จะไม่สร้างกล้ามเนื้อขึ้นมา และถ้าไม่ได้ออกกำลังกายแบบมีแรงต้านกล้ามเนื้อก็จะไม่เพิ่มขึ้นแถมยังอาจสูญเสียไปบางส่วนด้วย
การนอนหลับไม่เพียงฮอร์โมนก็จะทำงานผิดปกติ ระดับคอร์ติซอลก็จะสูงขึ้นและทำให้โอกาสที่จะเก็บสะสมคาร์โบไฮเดรตเป็นไขมันสูงขึ้นตามไปด้วย และเมื่อเหนื่อยก็จะไม่สามารถออกกำลังกายได้ร่างกายก็ไม่สามารถสร้างกล้ามเนื้อรวมถึงอาจสูญเสียกล้ามเนื้อบางส่วนไปด้วย
การดูเเล
-
-
ออกแรง-ออกกำลังเป็นประจำ เช่น เดิน วิ่ง รวมเวลากันให้ได้อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน (อย่างต่ำควรเป็น 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์) ติดต่อกัน 20 สัปดาห์ หรือ 5 เดือนขึ้นไป
-
-
-
-
-
-
-